บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 187

ผ่านไปไม่นานท่านจ้าวนครจึงได้เดินทางมาถึงศาล

ไม่ว่าผู้คนภายนอกจะพากันครุ่นคิด กล่าวซุบซิบพูดคุยเช่นไรออกมา เสียงรอบด้านพากันเงียบลงไปในทันที

“ทั้งเจ้าทุกข์และจำเลยอยู่ที่นี่กันหมดแล้วใช่หรือไม่?”

ท่านจ้าวนครเป็นบุรุษวัยกลางคน ด้วยท่าทีเคร่งขรึมของเขา แม้จะมิได้แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดออกมา ทว่า ก็ทำให้ผู้คนอดที่จะให้ความเคารพยำเกรงได้ไม่ยาก อีกทั้งชื่อเสียงการทำงานที่ซื่อตรงไม่คดโกง

การที่จะดำรงตำแหน่งจ้าวนครได้นั้น นับว่าไปสิ่งที่ยากที่สุด ด้วยความที่ต้องระมัดระวังการกระทำของตนตลอดเวลา เพื่อมิให้ตนเองไปขัดขาตระกูลขุนนางใหญ่ๆ หรือบุคคลที่มีอำนาจภายในเมืองต่าง ๆ

หากเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ภายในชั้นศาลได้ละก็ การพิจารณาคดีย่อมเป็นไปได้ยาก

ข้างกันมีท่านผู้เฒ่าคนหนี่งกวาดสายตาไปมาโดยรอบ พลางกล่าวขึ้นมาว่า

“เรียนใต้เท้า จำเลยมาถึงแล้วขอรับ ทว่า เจ้าทุกข์ยังไม่มาปรากฏตัวอยู่ในศาล”

จ้าวนครเพียงทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พลางกล่าวถามเวลา

จากนั้นจึงหันมากล่าวกับทุกคนโดยทั่วกันว่า

“ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งก้านธูปที่จะเปิดศาลพิจารณาคดี หากว่าถึงเวลาเมื่อใดแล้ว เจ้าทุกข์ยังไม่มาปรากฏตัวอีก การพิจารณาคดีจักต้องหยุดก่อน รอเปิดศาลเพื่อพิจารณาคดีในรอบสองแทน”

ที่นี่ หารพิจารณาคดีในคราแรก หากคนมาไม่ครบหาได้ตัดสินคดีความเลยไม่ ยังมีโอกาสรอบที่สองอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นับว่ามีความเห็นใจแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันอยู่บ้างนางเสิ่นพลันส่งเสียงกรีดร้องออกมา

“ใต้เท้าเจ้าคะ นั่นก็หมายความว่าเซี่ยซือห้าวมิกล้ามาแล้วไม่ใช่หรือในคราหน้ามันย่อมไม่กล้ามาอีกเป็นแน่ ยังจะต้องรีรอมันไปทำไมกัน เพียงแค่ตัดสินบุตรีของข้าว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ!”

“บังอาจ! ในศาลใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาตีร้องเล่นงิ้วได้หรือ?”

เพียงแค่น้ำเสียงที่ทุ้มลึกของจ้าวนครตวาดออกมานั้น

ท่านผู้เฒ่าพลันกล่าวสมทบขึ้นมาในทันที “ในเมื่อเจ้าทุกข์มิกล้ามา มิได้หมายความว่าบุตรีของเจ้าจะเป็นผู้บริสุทธิ์”

นางเสิ่นรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก พลางกล่าวขึ้นมาว่า

“เซี่ยซือห้าวผู้นั้น ยามที่อยู่ในแคว้นหงส์แดงก็เป็นเพราะหลงรักบุตรีของข้าข้างเดียว ถึงได้ผลีผลามกระทำการเช่นนี้ออกมา ในยามนี้ ยังตามมาราวีทำลายชื่อเสียงบุตรีข้าถึงเฉินตูอีก เมื่อตนเองเกิดความกลัวขึ้นมาเช่นนี้แล้ว ดังนั้นจึงไม่กล้ามาที่ศาลอีก เช่นนี้บุตรีของข้าก็ต้องพ้นข้อกล่าวหาแล้วไม่ใช่หรือ!”

“จักพ้นข้อกล่าวหาหรือไม่ ย่อมต้องมีหลักฐาน ข้าผู้เป็นจ้าวนครเพียงแค่ต้องการดูหลักฐานเท่านั้น หากเปิดศาลพิจารณาคดีถึงสองครั้งแล้ว เจ้าทุกข์ยังไม่มาอีก เรื่องนี้หาใช่เรื่องที่ศาลปกครองเช่นข้าจักต้องเป็นผู้จัดการต่อไม่”ท่านจ้าวนครเพียงกล่าวออกมาด้วยท่าทีเย็นชานั่นก็หมายความว่าหากจำเลยต้องการจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองที่นี่นั้น นอกเหนือจากว่า หลักฐานที่เจ้าทุกข์นำมาเป็นของปลอมแล้วหากเจ้าทุกข์ไม่มา จำเลยจะเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่นั้น มีแต่ตัวพวกเขาเองเท่านั้นที่รู้

นางเสิ่นโมโหยิ่งนัก นางมิได้คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเหล่านี่ขึ้น พวกนางคิดว่า ขอเพียงแค่เซี่ยซือห้าวไม่อาจมาปรากฏตัวได้แล้ว นั่นก็แปลว่าหยูเอ๋อร์ของนางเป็นผู้บริสุทธิ์

ยามที่นางเสิ่นคิดที่จะเอ่ยต่อไปนั้น กลับถูกเย่เจียหรงพูดตัดบทเข้าเสียก่อน

“ท่านแม่มิต้องรีบร้อนไปหรอกเจ้าค่ะ ลูกรู้ดีว่าท่านเป็นห่วงชื่อเสียงของน้องรอง ส่วนที่เหลือก็รอเซี่ยซือห้าวมาเสียก่อนค่อยพูดเถอะเจ้าค่ะ เมื่อถึงเวลานั้น ยามที่ใต้เท้าตัดสินคดีออกมา ความจริงก็จะประจักษ์ออกมาให้ผู้คนได้เห็นเอง พวกเราตัวตรงไม่หวั่นเงาเฉเฉียง  ”

นางเสิ่นจึงได้แต่นั่งลงอยู่ด้านข้าง อย่างมิใคร่พอใจนัก

เย่เจียหรงที่ได้สติพลันหันไปบอกเตือนครอบครัวตนเอง เพื่อไม่ให้พวกเขาแสดงสีหน้าอันใดออกมา

“หยูเอ๋อร์มิต้องกังวลไป ใต้เท้าจะต้องมอบความยุติธรรมให้กับเจ้าอย่างแน่นอน”

ซุนหยวนซิ่งยังคงคิดว่า เย่เจียหรงหวาดกลัวการกระทำที่ป่าเถื่อนของเซี่ยซือห้าวอยู่ เขาจึงได้เอ่ยปลอบใจออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยน

เพียงแค่เซี่ยซือห้าวเดินเข้ามานั้น สายตาของเขาก็ตกไปอยู่ที่เย่เจียหยูในทันที นัยน์ตาที่มืดดำ เสมือนกับอสรพิษรอพ่นพิษร้ายออกมาก็ไม่ปาน

ภายในใจของเย่เจียหรงตื่นกลัวเสียจนควบคุมตนเองแทบไม่อยู่ ทว่า นางยังแสดงท่าทีที่น่าสงสารออกมา พร้อมทั้งพยักหน้าลง

“ใต้เท้าเจ้าคะ ท่านจักต้องคืนความบริสุทธิ์ให้กับข้านะเจ้าคะ ท่านต้องจับตัวคนที่ทำลายชื่อเสียงของข้ามาให้ได้นะเจ้าคะ”เซี่ยซือห้าวพลันส่งเสียงฮึดฮัดออกมาด้วยความเย็นชา พร้อมกับพูดต่อท่านจ้าวนครว่า“ใต้เท้าขอรับ ที่ข้าเดินทางมาด้วยความล่าช้า นั่นเป็นเพราะว่ามีคนไล่ตามฆ่าปิดปากข้าขอรับ โชคดีที่ข้าน้อยดวงดีรอดมาได้ บังเอิญพบเจอคนระหว่างที่ใจดีช่วยเหลือเข้าพอดี มิเช่นนั้นใต้เท้าคงจะได้พบแต่ร่างที่ไร้วิญญาณของข้าน้อยแทน! ส่วนผู้ใดเป็นคนฆ่านั้น มิจำเป็นให้ข้าน้อยต้องบอกเล่า เกรงว่าทุกคนคงจะรู้กันดีอยู่แล้ว มีเพียงตระกูลที่ชั่วช้าเท่านั้นแหละที่หวาดกลัวความจริงที่จะถูกเปิดเผยออกมา ถึงได้กล้ากระทำการฆ่าปิดปากผู้อื่นได้เช่นนี้!”พูดจบ ผู้คนภายนอกพลันส่งเสียงฮือฮาออกมาในทันทีไม่มีผู้ใดคิดเลยว่า สถานที่เช่นเฉินตู จะยังมีคนจิตใจอำมหิตที่กล้ากระทำการรุนแรงเช่นนี้ขึ้นมาได้“ท่านเจ้าพระยาเซี่ย ได้โปรดระวังคำพูดตนเองเอาไว้ด้วยเจ้าค่ะ พวกเราที่กระทำการซื่อสัตย์และซื่อตรงเช่นนี้ ย่อมไม่อาจกระทำตัวเช่นนั้นขึ้นมาได้ อาจจะเป็นท่านที่กุเรื่องทุกอย่างขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนเกิดเห็นใจท่านได้เช่นกัน”

เย่เจียหรงพลันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งลึก

ในขณะเดียวกัน คนในครอบครัวของนาง มีเพียงเย่เจียหรงเท่านั้นที่สามารถควบคุมอารมณ์ความไม่พอใจของตัวเองเอาไว้ได้ ใบหน้าหาได้สื่อถึงอารมณ์ใดๆ ออกมาไม่

“เหลวไหล!”“พอได้แล้ว! ในยามนี้ถึงเวลาเปิดศาลแล้ว เจ้าทุกข์นำหลักฐานออกมาเสีย”จ้าวนครพลันตบโต๊ะไม้ขึ้น พร้อมกับตวาดออกมาเซี่ยซือห้าวจึงได้หยิบใบทะเบียนสมรสในอกออกมา พร้อมกับกล่าวด้วยท่าทีกรุ่นโกรธว่า“นี่เป็นใบทะเบียนสมรสที่เย่เจ๋อหย่งเขียนขึ้นเองกับมือ อีกทั้งด้านบนยังมีชะตาแปดอักษรของเย่เจียหยูและของข้าอีกด้วย ทั้งยังมีวันมงคลสมรสอยู่ในนั้น แต่เดิมสมควรที่จะได้จัดงานตั้งนานแล้ว ทว่า เป็นครอบครัวนี้ที่ขโมยเงินสินสอดทองหมั้นไป จากนั้นก็พากันหลบหนีมายังเมืองเฉินตูที่นี่!”เจ้าพระยาเซี่ยจึงนำใบทะเบียนสมรสไปมอบให้กับท่านจ้าวนครท่านจ้าวนครเพียงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย พร้อมกล่าวถามว่า “ด้านบนหาได้มีตราประทับทางราชการหรือของตนเองไม่ นั่นมิอาจเป็นหลักฐานได้ว่าเป็นลายมือที่เขาเขียนขึ้นมาจริงๆ มันอาจจะเป็นไปได้ว่าเจ้าสั่งให้คนปลอมแปลงมันขึ้นมาเองก็ได้ เจ้ายังมีหลักฐานชิ้นอื่นอีกหรือไม่?”

ใบทะเบียนสมรสเช่นนี้ สมควรที่จะต้องมีการประทับตราลงไป หากไม่มีการประทับตราราชการแล้วไซร้ ย่อมไม่อาจนับว่าเป็นหลักฐานได้“ในยามนั้น วันมงคลสมรสถูกกำหนดขึ้นด้วยความเร่งรีบ จึงมิได้มีการประทับตรา ทว่า เป็นลายมือของเย่เจ๋อหย่งที่เขียน….”“ข้ามิเคยเขียนใบทะเบียนสมรสอะไรทั้งนั้น! นั่นย่อมมิใช่ลายมือของข้าอย่างแน่นอน!” แน่นอนว่าเย่เจ๋อหย่งย่อมไม่ยอมรับเย่เจียหยูพลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้เปาะหนึ่ง นัยน์ตาพลันปรากฏร่องรอยความเย้ยหยันออกมาในทันที นางคิดว่าเซี่ยซือห้าวจะมีหลักฐานอะไรมากกว่านี้เสียอีก มีเท่านี้หรือ?เซี่ยซือห้าวได้แต่กัดฟันออกมา พร้อมกับคว้าหลักฐานอีกหนึ่งชิ้นที่อยู่ในอกออกมาในทันที พลางร้องตะโกนขึ้นมาว่า“ข้ายังมีหลักฐานอีกชิ้นหนึ่ง!”ทุกคนพลันมองไปยังมือของเซี่ยซือห้าวในทันที มันคือผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง ทว่า ด้านบนเสมือนเปรอะเปื้อนรอยเลือดอยู่เล็กน้อย นั่นนับว่าเป็นหลักฐานด้วยหรือ?

เย่เจียหยูที่เห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น มือไม้พลันสั่นเทาไปในทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา