“จงอยู่ในความสงบ! ในยามนี้ ข้าผู้เป็นจ้าวนครจะทำการสอบสวนหญิงชราผู้นี้ ผู้อื่นห้ามพูด”ท่านจ้าวนครพลันตีค้นผู้พิพากษาลงบนโต๊ะไม้ พลางกล่าวออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึมเย่เจียหยูที่รอจะได้พูดคุยกับหญิงชราเสียสองสามประโยค จึงหมดโอกาสไปในทันที สีหน้าพลันแสดงออกถึงความไม่มั่นใจ พร้อมทั้งนัยน์ตาที่หลุกหลิกไปมาอย่างตื่นตระหนกซุนหยวนชิ่งยังคงยืนอยู่ข้างกายนาง พร้อมกับกล่าวคำปลอบใจออกมา เพื่อให้สีหน้าของนางดีขึ้น ราวกับว่าเขาเชื่อถือในคำพูดของนางทุกอย่าง ทั้งยังคิดว่าหญิงชราท่านนี้ ต้องเป็นคนที่ถูกเซี่ยซือห้าวข่มขู่มาอย่างแน่นอนเซี่ยซือห้าวเตรียมการมาดียิ่งนัก ทั้งยังวิปลาสอีกด้วย การที่หยูเอ๋อร์ต้องมาเจอคนเช่นนี้ นับว่าน่าสงสารยิ่งนักเย่เจียหยูในยามนี้ไม่มีสติตังจะหันไปตอบกลับซุนหยวนชิ่ง ภายในใจของนางพลันรู้สึกกระวนกระวายไปหมดท่านจ้าวนครที่ตัดสินคดีมานับร้อยนับพันคดี ผู้ใดกำลังรู้สึกกระวนกระวายใจมีหรือที่พวกเขาจะมองไม่ออก?ท่านผู้เฒ่าจึงได้พาหญิงชราเดินเข้ามาใกล้ๆ ท่านจ้าวนครจึงเอ่ยถามว่า“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านเป็นอันใดกับเย่เจียหยูงั้นหรือ?”“ข้าเป็นท่านย่าของเดรัจฉานผู้นี้! เป็นย่าแท้ๆ!”หญิงชราตอบกลับด้วยความโกรธแค้นเดรัจฉาน?มุมปากของเย่จายซิงพลันกระตุกยิ้มขึ้นมาด้วยความเยาะเย้ย ในคราก่อน เป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่มักจะใช้คำนี้ด่าว่านาง ทว่า ในยามนี้นางกลับใช้มันด่าหลานที่นางรักมากที่สุด ช่างเป็นลมน้ำหมุนเวียนสับเปลี่ยนเสียจริงฮูหยินผู้เฒ่าเกลียดแค้นครอบครัวของเย่เจ๋อหย่งยิ่งนัก วันเวลาที่ผ่านมา นางต้องทนอยู่กับความยากลำบากมากกว่าทั้งชีวิตที่นางเคยพบเจอเสียอีก มีหรือที่นางจะช่วยพูดให้กับเย่เจียหยู
“ทั้งเย่เจียหยูและเซี่ยซือห้าวเคยมีการหมั้นหมายกันมาก่อนหรือไม่ที่แคว้นหงสา?”ท่านจ้าวนครกล่าวถาม“มีเจ้าค่ะ! ทางด้านจ้าวนครแคว้นหงสาต่างก็กำลังดำเนินเรื่องงานมงคลให้กับพวกเขาแล้ว ทว่า นางเดรัจฉานผู้นี้กลับมิอยากแต่งให้กับเซี่ยซือห้าว พลางกล่าวว่า เซี่ยซือห้าวในยามนี้เป็นคนพิกลพิการไร้แขนไปแล้ว หาได้มีความสามารถอันใดหลงเหลืออยู่ไม่! นางอย่างจะแต่งให้กับนายน้อยตระกูลลั่วเจ้าค่ะ จิตใจที่โลภมากของนางเดรัจฉานผู้นี้สูงเทียมฟ้ายิ่งนัก พวกคนในครอบครัวของมันทั้งหมด พากันชุบมือเปิบเงินในจวนแม่ทัพแล้วพากันหนีมาที่นี่ ทิ้งข้าที่เป็นหญิงแก่เอาไว้ในตระกูลเซี่ย ให้เผชิญหน้ากับแรงอาฆาตของพวกเขาเพียงผู้เดียว!!”
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าพูดจบ สีหน้าของเย่เจียหยูพลันแปรเปลี่ยนไปในทันที
ซุนหยวนชิ่งสีหน้าก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน พลางส่ายหัวไปมา เขาไม่เชื่อคำพูดของหญิงชราผู้นี้
ท่านจ้าวนครจักต้องมอบความบริสุทธิ์ให้กับหยูเอ๋อร์ของเขาได้แน่
สีหน้าของเซี่ยซือห้าวพลันมืดครึ้มไปในทันที ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเย่เจียหยูมีนิสัยที่น่ารังเกียจ หากแต่พอได้มาฟังจริงๆ ความเกลียดแค้นการอับอายเมื่อถูกดูหมิ่นพลันเพิ่มมากขึ้นไปอีก
“ที่นี่คือศาล หากไม่สามารถทำการตรวจสอบได้ เช่นนั้นก็ต้องใช้วิธีที่พิเศษมาทำการตรวจสอบ ข้าที่เป็นใต้เท้าจึงสั่งให้พวกเจ้าทั้งสองกินโอสถไป หากว่าเจ้าไม่กิน นั่นแปลว่าเจ้ามีความผิดอยู่ในใจนะแม่นางเย่”ท่านผู้เฒ่าจึงเดินเข้ามา พลางพูดไปด้วย พร้อมกับจัดการบีบคางเย่เจียหยูเอาไว้ แล้วจึงโยนโอสถเข้าไปในปากของนางในทันทีเพียงแค่โอสถเข้าไปในปาก มันก็หลอมละลายไปในทันที เย่เจียหยูที่อยากจะคายออกมานั้นก็ไม่อาจทำได้ทันแล้วสีหน้าของนางพลันซีดเผือดไปในทันที. ในยามนั้น นางเคยเห็นเย่จายซิงสั่งให้สาวใช้กินยาคำจริงเข้าไป ยามที่สาวใช้พูดคำโกหกออกมานั้น หลอดเลือดที่อยู่ทั่วร่างของนางคล้ายกับจะระเบิดออกมาในทันที พร้อมกับรีบสารภาพความจริงออกมา ถึงได้รอดพ้นจากความตายมาได้“หยูเอ๋อร์ เจ้ามิต้องกลัว ในเมื่อใต้เท้ากล่าวว่าจะใช้ยาคำจริงนั้น เจ้าเพียงแค่พูดความจริงออกมาก็พอแล้ว ข้าเชื่อใจเจ้า ใต้เท้าเองก็จักคืนความบริสุทธิ์ของเจ้ากลับมาได้แน่”ซุนหยวนชิ่งยังคงเอ่ยคำปลอบใจออกมาเย่เจียหรงได้แต่แอบกำหมัดเอาไว้ นางมิเคยเห็นยาคำจริงมาก่อน เพียงแต่เคยได้ยินหยูเอ๋อร์พูดออกมาบ้าง นางจึงรู้สงสัยมันยิ่งนัก เพียงโอสถเม็ดเดียวย่อมไม่อาจทำให้คนพูดความจริงออกมาได้แน่
“เย่เจียหยู ทั้งเจ้าและเซี่ยซือห้าวเคยมีการหมั้นหมายกันมาก่อนหรือไม่!”น้ำเสียงของท่านจ้าวนครดังราวกับสายฟ้าฟาด ดังเข้าไปในโสตประสาทของเย่เจียหยูในทันที นางพลันส่ายหน้าไปมา“ไม่เคย ไม่อ๊าย!”จู่ๆ นางก็กรีดร้องออกมาเสียเสียงดัง เส้นเลือดทั่วร่างพลันค่อยๆปูดบวมขึ้นมา คล้ายกับใกล้จะระเบิดออกมาก็ไม่ปาน“มี! ข้าเคยหมั้นหมาย!”นางร้องตะโกนออกมาในทันทีเมื่อเย่เจียหยงได้ยินเสียงของน้องสาวตนเองยอมรับออกมานั้น นัยน์ตาที่ส่องสกาวพลันมืดครึ้มคล้ายกับแตกสลายไปในทันทีเย่เจ๋อหย่งคล้ายกับจิตใจได้แตกสลายไปแล้วเช่นกันมีเพียงนางเสิ่นเท่านั้น ที่จับแขนของซุนหยวนชิ่งเอาไว้ “หลานชาย เจ้าอย่าไปเชื่อนะ ยาโอสถต้องมีปัญหาอย่างแน่นอนเลย หยูเอ๋อร์ของข้า หาได้เคยหมั้นหมายกับเซี่ยซือห้าวไม่!”“บังอาจ!”ท่านจ้าวนครกวาดสายตามองไปที่นางเสิ่นในทันที พร้อมกับหันมาถามเย่เจียหยูต่อว่า“เจ้าและเซี่ยซือห้าวเคยมีความสัมพันธ์แนบเนื้อกันหรือไม่? เป็นที่ใดเวลาใด? หยดเลือดที่อยู่บนผ้าเช็ดหน้านั่น ใช่หยดเลือดหยวนหยินของเจ้าหรือไม่?”เย่เจียหยูพลันกัดปากแน่นอย่างไร้หนทางที่จะพูดโป้ปดออกมา สุดท้ายจึงได้พยักหน้าอย่างเอียงอายออกมาว่า“มี ก่อนที่ข้าจะออกจากแคว้นหงสาคืนหนึ่ง ภายในโรงเตี๊ยม ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเป็นข้าที่ทำการปักขึ้นมาเอง ยามที่มีเลือดออกในขณะนั้น เซี่ยซือห้าวได้นำผ้าเช็ดหน้าของข้าไปเช็ดเลือดเก็บเอาไว้ พลางกล่าวว่าเขาอยากได้เป็นของที่ดูต่างหน้า”หา!ที่แท้เป็นเรื่องจริงหรือ!นางเป็นสตรีใจง่ายจริงๆด้วย เพียงเพื่อหินทิพย์หลายล้านก้อน ถึงกับต้องมานอนกับบุรุษ ทั้งยังทำการหนีงานมงคลสมรสตัวเองอีก!หากมิใช่เป็นเพราะยาคำจริงละก็ ทุกคนคงไม่มีทางรู้ได้แน่ว่านางเป็นบุคคลที่ไร้ยางอายเช่นนี้ นางแสดงได้ดียิ่งนัก ท่าทีน่าสงสารเช่นนั้น ทำตัวคล้ายกับผู้ที่ถูกทำร้ายก็ไม่ปานเมื่อได้ยินว่าซุนหยวนชิ่งยังมอบจวนให้พวกนางได้พักอาศัยอยู่หลังหนึ่งนั้น คงคิดว่าสตรีผู้นี้สวยงามราวเทพธิดากระมัง ที่ไหนได้ นาก็เป็นเพียงแค่สตรีที่นำหยดเลือดหยวนหยินของตนไปแลกกับหินทิพย์เพียงเท่านั้นสีหน้าของซุนหยวนชิ่งพลันมืดคล้ำราวกับก้นหม้อ เขาเพียงเอ่ยขึ้นมาว่า“ใต้เท้าขอรับ ยาคำจริงเกิดปัญหาหรือไม่ขอรับ บางทีหยูเอ๋อร์อาจจะกลับคำพูดก็ได้นะขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...