หรงจิ่งเฉินรู้ว่าสถานการณ์ไม่ได้ดีขนาดนั้น หลังจากการมาถึงของโหมวหลิน เขาก็ได้จัดเตรียมเอาไว้แล้ว
ต้องให้ตระกูลหรงรีบอพยพออกจากแดนเหนือ
ในภายหน้าผู้บำเพ็ญเพียรจะต้องรวมกันเป็นพันธมิตรเพื่อต่อต้านตระกูลปีศาจแน่ ตระกูลหรงเองก็คงปฏิเสธจะส่งคนไปไม่ได้เช่นกัน
“นี่คงไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานหรอกใช่ไหม เจ้า......”
เขามองเย่จายซิง ลังเลที่จะพูด
เย่จายซิงหันมาทางเขาแล้วยิ้มให้จางๆ กล่าว “ขอบคุณที่ท่านเป็นห่วง แต่ข้าขอรอเขาออกมาก่อน พวกท่านไปกันเถอะ”
คิ้วของหรงจิ่งเฉินขยับพลางถอนหายใจ
เขาสนใจนางตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขากับจวินหยวนมีความรู้สึกให้กันลึกซึ้งขนาดนี้
ไม่ใช่เรื่องที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ เขาจะไปแย่งความรักของใครมาได้
แต่เขาก็เลือกตัดสินใจรออยู่เป็นเพื่อนนาง
พิธีอภิเศกกะห์ของจักรพรรดิปีศาจนี้ใช้เวลาประมาณสิบสองชั่วยาม ตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปได้สี่ชั่วยามเท่านั้น
เย่จายซิงกับเขาไม่นับว่ารู้จักกันดีนัก นางไม่ได้หวังให้เขามาอยู่รอที่นี่กับนาง แต่นางพูดปฏิเสธเขาไปไม่กี่ประโยค แต่เขายืนยันว่าจะอยู่ นางก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ในใจรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ความรู้สึกนี้ทำให้นางอยู่ไม่เป็นสุข นางไม่มีจิตใจจะคุยกับหรงจิ่งเฉิน
เมื่อมองดูอเวจีปีศาจที่รายล้อมไปด้วยลมปราณปีศาจ นางยังคงถูแหวนที่นิ้วไม่หยุด
หรงจิ่งเฉินยืนเงียบๆไม่ได้รบกวนนาง
ในขณะนั้น จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้น
“มีคนกำลังมา”
ทันทีที่กล่าวจบก็มีแสงสว่างวาบ ม้วนหนังสือปลิวว่อนในอากาศแล้วร่วงลงมาที่พื้น มีคนแปดคนยืนอยู่บนม้วนหนังสือ
ม้วนหนังสือกลายเป็นเถ้าถ่านไปอย่างรวดเร็ว
หรงจิ่งเฉินรู้จักคนเหล่านี้ พวกเขาเป็นผู้นำตระกูลใหญ่และเป็นหัวหน้าของสองสำนักใหญ่
หนึ่งในพวกเขามีชายชราหน้าสีแดงเคราสีขาว เขาเป็นหัวหน้าขันทีที่ดูแลฮ่องเต้คนก่อน เขาก็คือเจียงกงกง ซึ่งเป็นบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่สำคัญให้ฮ่องเต้
คนเหล่านี้ นำมาโดยเขาเพราะว่าเจียงกงกงมาในนามของราชวงศ์
พวกเขาถูกส่งมาจากเฉินตูเพื่อมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์โลกปีศาจ
หรงจิ่งเฉินก้าวเข้าไปข้างหน้า พูดคุยอย่างสั้นๆได้ใจความ ว่าก่อนหน้านี้องค์หญิงได้ส่งองครักษ์ลงไปแล้วสามคนกลับไม่มีใครขึ้นมาได้เลย
“แม้แต่สถานการณ์ข้างล่างนั้นก็ไม่ทันได้บอกกล่าว ตะเกียงวิญญาณของสามคนนั้นก็ดับไปแล้ว?”
น้ำเสียงของเจียงกงกงเล็กแหลม แต่สีหน้าของเขามีความเคร่งขรึม
“พวกข้าเตรียมจะลงไปดูด้วยตัวเองสักหน่อย พวกเจ้ามีใครอยากจะลงไปไหม?”
เขามองไปที่เจ็ดคนที่เหลือ
ผู้นำตระกูลหนานกงและผู้นำตระกูลลั่ว เจ้าสำนักกุยหยวนต่างเดินออกมา
เรื่องนี้เกี่ยวไปถึงอาณาประชาราษฎร์ ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ความรับผิดชอบก็มากขึ้นเท่านั้น พวกเขาไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ คนอื่นๆก็ขอตามเจียงกงกงลงไปด้วย ไม่ว่าพวกเขาจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม
เย่จายซิงมองเพียงวาบเดียวนางก็จำเจ้าสำนักโจวได้ จากสำนักเมฆแดง เขาดูคล้ายกับโจวเหม้ยอยู่ห้าหกส่วน ในบรรดาเจ็ดคนนี้เขาเป็นคนที่รักตัวกลัวตายที่สุด
ไม่นานทั้งแปดคนก็กระโดดลงไปในเหวอเวจีปีศาจ
เย่จายซิงอยากจะติดตามลงไปด้วยแต่ถูกหรงจิ่งเฉินดึงเอาไว้
“รอดูสถานการณ์ไปก่อน เจ้าอย่าเพิ่งลงไปเลย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมาพร้อมกับพวกนั้น”
พอถูกเขาดึง นางก็เสียจังหวะดีที่จะโดดลงไป
นางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วเดินไปนั่งก้อนหินด้านข้าง จิตใจกระสับกระส่าย
หลังจากรอมาครึ่งชั่วยาม เจียงกงกงแล้วก็คนอื่นๆก็ปีนขึ้นมาจากอเวจีปีศาจพวกเขาแต่ละคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าสำนักหยุน พวกท่านลงไปข้างล่างแล้วเกิดอะไรขึ้น?”
หรงจิ่งเฉินสีหน้าตกใจ รีบเข้าไปถาม เขาสอบถามกับเจ้าสำนักกุยหยวนซึ่งมาสภาพดีอยู่หน่อย
“ราชาปีศาจ!ราชาปีศาจคนใหม่!”
ข่าวจากสำนักใหญ่มักจะได้ข่าวไวเสมอ เหมือนเขาจะรู้มานานแล้วว่าเย่จายซิงได้ทำพันธะสัญญากับอสูรเทพแล้ว
ประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่งดงามของนาง ทั้งยังแซ่เย่ เจ้าสำนักโจวก็มองออกภายในแวบเดียวว่านี่ก็คือเย่จายซิง
เย่จายซิงไม่แม้แต่จะมองเขา นางเดินไปที่ขอบขุมอเวจีปีศาจ ก้มหน้ามองลงไป
เจ้าสำนักโจวโกรธจัด ขนาดบุตรสาวของเขาก็ยังโดนนางทำร้ายจนน่าเวทนา นางยังเมินไม่สนใจเขาที่เป็นเจ้าสำนักอีก!
“เย่จายซิง!เจ้ารีบเอาอสูรเทพออกมาเดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่ตามเอาเรื่องเจ้าอีก”
“อ้อ ที่แท้ท่านก็อยากได้อสูรเทพของข้า?”
เย่จายซิงหันศีรษะมาอย่างเฉยเมย มุมปากยกเยาะเย้ยปรากฏขึ้น
“เจ้าสำนักโจว อสูรเทพจะต้องมีดวงชะตาร่วมกัน ถ้านางมีชะตาร่วมกับอสูรเทพนางจะต้องทำพันธะสัญญากับอสูรเทพได้สำเร็จแน่ เจ้าสำนักโจวที่ท่านพูดแบบนี้ มันออกจะผิดทำนองคลองธรรมโดยแท้”
เจ้าสำนักโจวแค่นเสียงเย็นชา ยังไม่ทันพูดอะไร เย่จายซิงก็กล่าว
“เจ้าสำนักโจวอยากได้อสูรเทพ ได้สิ ต้องดูว่าท่านมีความสามารถมาเอามันไปไหม”
เสียงของนางราบเรียบอย่างไม่น่าเชื่อ
“ข้าจะลงไปหาคู่หมั้นของข้า เจ้าสำนักโจวท่านอยากลงมาจับอสูรเทพของข้าหรือไม่ละ?”
เมื่อกล่าวจบ นางก็กระโดดลงไป ราวกับผีเสื้อโบยบินลงขุมอเวจีปีศาจไม่นานนางก็ถูกลมปราณปีศาจปกคลุม
สีหน้าของเจ้าสำนักโจวทั้งดำทั้งขาว เขาไหนเลยจะกล้าลงไปอีก ถ้าเด็กสาวนั้นไม่ต้องการชีวิตก็แล้วไป แต่เขายังต้องการ!
หรงจิ่งเฉินคิดไม่ถึงว่าเย่จายซิงจะกระโดดลงไป พอถึงเวลาที่เขาอยากจะหยุดมันตอนนี้ก็สายไปแล้ว
ในขณะนั้นปราณปีศาจปั่นป่วนยิ่งขึ้น มีหมอกสีแดงหนากระจายเต็มไปหมด ราวกับว่ามีเลือดอยู่นับไม่ถ้วน
“รีบไป!”
เจ้าสำนักหยุนดึงมือของหรงจิ่งเฉินมาด้วย เสกม้วนหนังสือขึ้นอีกครั้ง แล้วคนทั้งกลุ่มก็หายไปในพริบตา
ทันทีที่พวกเขาจากไป พลังปีศาจก็กัดเซาะพื้นใต้เท้าพวกเขา แพร่ออกไปทีละชุน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...