บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 300

“ยินดีกับเซ่าตี้และเซ่าตี้เฟยที่จะกำลังจะแต่งงาน!”

“ยินดีด้วยยินดีด้วย!”

ผู้คนต่างที่เห็นเย่จายซิงรับสินสอดไป จากนั้นก็มีคนแสดงความยินดีคนแรก ตามด้วยคนสองคนที่สามต่อๆ กันไป

จะว่าไป คนทั่วไปต่างก็เห็นว่าเย่จายซิงเหมาะกับเซ่าตี้ นอกจากเย่จายซิงแล้ว เกรงว่าคงจะไม่มีหญิงนางอื่นเหมาะกับเซ่าตี้อีกแล้ว

เทพธิดาของเผ่าโฮ่วานครั้งที่แล้ว เมื่อยืนเปรียบเทียบกับเย่จายซิงแล้ว ถูกเปรียบเทียบจนไม่เหลือชิ้นดีเลย

อีกทั้งเย่จายซิงยังเป็นคนที่ร่ายม่านอาคมเหวปีศาจอีกด้วย นางกับเซ่าตี้ได้ช่วยเหลือชีวิตผู้คนเป็นร้อยล้านชีวิต

ผู้หญิงเช่นนี้หากไม่เหมาะกับเซ่าตี้ล่ะก็ ก็คงจะไม่มีหญิงนางคนอื่นที่เหมาะสมกับเขาได้อีกแล้วล่ะ

ความอิจฉาของเหล่าผู้หญิงเป็นอีกเรื่อง แต่อีกใจก็คิดว่าช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ทั้งสองคนยืนด้วยกัน ราวกับเป็นทัศนียภาพที่สวยงามและมีความสุข

ไม่มีผู้หญิงนางไหนสวยงามไปกว่าเย่จายซิงอีกแล้ว เมื่อไปยืนเปรียบเทียบกับนาง ราวกับไปประจานความด้อยของตัวเอง นางงดงามดั่งหญิงงามที่มีแสงออร่าออกมา

แน่นอนว่า ก็มีบางคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันไป

ดั่งเช่น เย่เจียหรงและโจวเหม้ยที่ก็ยืนอยู่ในฝูงชนนั้นด้วย แล้วก็ยังมีองค์หญิงหลิวอิ๋งอีกคน รวมถึง……

มีร่างสีเขียวอ่อนพุ่งออกไป:

“ข้าไม่เห็นด้วย!ข้าไม่เห็นด้วยที่ท่านพี่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้!”

“นั่นองค์หญิงหลิวอิ๋ง!”

“ไม่ใช่ ตอนนี้นางไม่ใช่องค์หญิงแล้วนี่!”

“เชอะเชอะ แทบจะจำไม่ได้!นางดูย่ำแย่มาก!”

ใช่แล้ว คนที่พุ่งเข้ามา ก็คือหลิวอิ๋ง

นางแต่งกายธรรมดาไม่เหมือนเมื่อก่อน ความสวยงามยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีรัศมีของความเป็นองค์หญิง แล้วก็ไม่มีหลายคนล้อมรอบ บวกกับสถานะที่ตกต่ำ ทำให้หน้าตาของนางดูซูบผอม ในฝูงชนนางดูลำบากมาก

เพียงแค่คิดว่าออกไปจากเฉินตูแล้วนางยังจะกลับมาอีก แถมยังมาคัดค้านงานแต่งานของเย่จายซิงและโม่เสิ่นยวนอีกด้วย

เย่ยู่หยางลุกขึ้นยืนเป็นแรกและเอามือชีหน้าหลิวอิ๋งแล้วพูดว่า:

“เรื่องนี้คงไม่ต้องถึงมือเจ้าหรอก เจ้าอย่าลืมนะว่า เจ้าถูกฮ่องเต้ว่าเป็นกบฏปลดเป็นสามัญชนธรรมดา!พี่เขยข้าไม่มีน้องสาวเช่นเจ้า!”

“จริงด้วย ไม่มองตัวเองว่ามีสถานะอะไร ฮ่องเต้ยังไม่คัดค้าน ยิ่งไปต้องพูดถึงตัวเอง!”

ลั่วกูหยุนก็เยาะเย้ยแล้วพูดว่า

เห็นหลิวอิ๋งรกหูรกตามาตั้งนานแล้ว

ทีแรกคิดว่านางเป็นคนร้ายกาจอย่างเดียว คิดไม่ถึงเลยว่านางยังมีหน้ากลับมาที่เฉินตู

หลิวอิ๋งทั้งอายและโกรธ สายตาของคนรอบข้างที่มองมาทำให้นางรู้สึกว่าถูกดูหมิ่น แต่นางรู้ดีว่ายังไงนางก็โดนเยาะเย้ย แต่นางก็ยังบุกเข้ามาอยู่ดี

เพราะว่านางจะต้องขัดขวางงานแต่งงานของพวกเขาให้ได้!

นางสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพูดว่า:

“ข้ามีคำพูดที่ต้องคุยกับท่านพี่เพียงคนเดียว!พูดจบท่านค่อยตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ไหม!”

โม่เสิ่นยวนกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ เย่จายซิงดึงแขนเสื้อของเขา ให้เขาไปคุยกับหลิวอิ๋งให้ชัดเจน

นางมักจะรู้สึกว่าหลิวอิ๋งเกิดความรักกับเสด็จอาแบบไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจเหมือนกัน ในใจของนางรู้สึกขยะแขยง

คำปฏิเสธของโม่เสิ่นยวนกลืนหายไป แต่ว่าเขาไม่ยอมปล่อยมือของเย่จายซิงออกไป เขามองไปที่หลิวอิ๋งด้วยสายตาที่เย็นชา:

“เจ้าจะพูดอะไร เข้ามาพูด”

พูดจบ เขาก็จูงเย่จายซิงแล้วเดินออกไป

หลิวอิ๋งกัดฟันกรอด จากนั้นเดินตามเข้าไป

ก็ดี เย่จายซิงที่ปลอมตัวเป็นแม่นมหลันมาตั้งนาน คงจะต้องรู้จิตใจของตนเองดี

นางจะให้เย่จายซิงรู้ว่าเมื่อก่อนเสด็จพี่ชอบนางมาก่อน ให้นางรู้ นางเป็นคนที่เข้ามาแทรกกลาง ให้นางไม่มีหน้าที่จะอยู่กับเสด็จพี่!

“ว่ามา”

โม่เสิ่นยวนไม่ได้เดินเข้าไปอีก เขาได้ร่ายม่านอาคม จากนั้นจ้องหลิวอิ๋งด้วยสายตาที่เย็นชา

ถึงแม้ว่าตอนหลังเขาจะไม่ได้เห็นลายมือที่เสด็จพี่เขียน แต่นางก็เชื่ออย่างไร้ที่ติว่า นี่เป็นกลอนที่เสด็จพี่เขียน

ลายมือสวยแบบนี้ มีเพียงเขาแค่คนเดียวที่เขียนออกมาได้

เย่จายซิงหัวเราะ

“หลอกตัวเองแล้วก็หลอกคนอื่น” คำนี้ใช้ได้ดี แต่ควรจะจะใช้กับตัวเอง

นางหยิบหนังสือค่ายกลออกมาหนึ่งเล่ม แล้วเปิด จากนั้นพูดกับหลิวอิ๋งว่า:

“เห็นหรือไม่ว่า นี่ต่างหากลายมือของเขา ลายมือในกลอนรักของเจ้าสวยแต่ไม่มีน้ำหนัก ตัวอักษรมีรูปลักษณ์แต่ข้างในกลับว่างเปล่า ข้าแค่เหลือบสายตาไปมองก็รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนเขียน หลิวอิ๋งอะ เจ้านี่หลงตัวเองมากไปจริงๆ หลงตัวเองแม้กระทั่งลายมือก็ไม่รู้จัก แล้วก็คิดไปเองว่าเขาเขียนกลอนรักหาตน เลื่อมใสจริงๆ ”

“ ไม่!ไม่ใช่!เจ้ากำลังหลอกข้า!”

หลิวอิ๋งส่ายหัว ไม่อยากจะเชื่อ เลยเหลือบมองหนังสือค่ายกลแวบหนึ่ง ก็รู้ว่าลายมือไม่เหมือนกัน แต่นางไม่เชื่อ นางคิดว่าเสด็จพี่ลายมือคงจะแตกต่างจากเมื่อก่อน จึงไม่ยอมรับ

เพราะว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนใจไปแล้ว ชอบแค่เย่จายซิง

โม่เสิ่นยวนหัวเราะอย่างเย็นชา:

“แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยเขียนกลอนรัก แต่ว่าลายมือนี้ ข้าพอจะคุ้นๆ อยู่ ปีนั้นองครักษ์ส่งกลอนให้กับนางในของเจ้าคนหนึ่ง ถูกข้าพบเข้า เลยไล่ออกไปจากวังเทว”

ความหมายของเขาคือ กระดาษกลอนรักเหล่านี้ เป็นขององครักษ์ที่เขียนให้นางใน!

หลิวอิ๋งเบิกตากว้าง

กระดาษในมือที่ถูกนางมองเหมือนสมบัติอันล้ำค่าก็ตกลงที่พื้น

ไม่ใช่กลอนรักของเสด็จพี่ที่ให้นาง จนสุดท้ายก็ยังไม่ใช่ของนาง หากแต่เป็นกระดาษที่องครักษ์เขียนให้นางในคนข้างหายของนาง

หลายปีมานี้ นางเก็บจดหมายเหล่านี้เอาไว้ดังของรัก นึกว่าเป็นกลอนรักของเสด็จพี่!

ที่แท้เป็นนางที่หลอกตัวเองมาโดยตลอด!

“ไม่!ไม่ใช่แบบนี้!พวกเจ้าหลอกข้า!เย่จายซิง ต้องโทษเจ้า!หาไม่มีเจ้าเรื่องทั้งหมดก็ไม่เกิดขึ้น!”

หลิวอิ๋งส่ายหัวอย่างคนเสียสติ สายตาจู่ๆ ก็ดุร้าย จากนั้นก็หยิบกริชออกมาจากอก กระโจนไปที่เย่จายซิงอย่างเหี้ยมโหด! 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา