บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 302

เย่จายซิงมองไปยังชายหนุ่มรูปงามที่ปรากฏตัวตรงหน้าของนางด้วยความตะลึง

“เสด็จอา เข้ามาได้ยังไง?”

โม่เสิ่นยวนมองหน้าของนางด้วยความหลงใหล จากนั้นก็มองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วบึ้งตึงแล้วพูดว่า:

“ขนาดนี่เล็กไปหน่อย”

แก้มของนางแดง มือทั้งคู่กอดคนข้างหน้า แล้วพูดแบบโกรธๆ ว่า:“ใครใช้ให้ท่านจ้องข้าแบบนี้”

สายตาลึกลับของเขา น้ำเสียงที่แหบพร่า “น้องซิง ให้แม่นางปักทอแก้ไขขนาดให้เจ้าใหม่”

“ไม่ต้องหรอก ไม่ถึงกับแน่นมาก อีกอย่าง ใครจะไปจ้องมองแบบนี้เช่นท่านเล่า”

นางขี้เกียจทำให้ลำบาก ไม่อึดอัดมากจนเกินไปก็พอแล้ว

“ใครกล้าจ้อง ข้าจะไปควักลูกตามันออกมา น้องซิงเป็นภรรยาของข้า แน่นอนว่าข้ามองได้คนเดียว”

พูดจบ เขาก็จับมือของนางลงมา “ให้ข้าดูหน่อยว่าต้องแก้หรือไม่?”

“ไม่ต้องจริงๆ”

ปลายหูของเย่จายซิงแดงไปหมด สายตาของเขา มีความคุกคามเล็กน้อย

โม่เสิ่นยวนกอดนาง แล้วพูดด้วยเสียงต่ำที่ข้างหูว่า:“น้องซิงสวยจัง อยากจะกลืนกินเจ้าเข้าไปตอนนี้เลย”

อันจริงแล้วจะทำก็ได้ ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องเป็นคนของเขาอยู่ดี เย่จายซิงคิดในใจ

แต่ว่าเป็นผู้หญิงต้องรู้จักระงับอารมณ์ แน่นอนว่านางไม่ได้พยักหน้า เหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่วันก็เป็นวันแต่งงานแล้ว รอเพียงอีกไม่กี่วันเท่านั้น

เมื่อมองไปยังใบหน้าเล็กๆ ที่ละเอียดอ่อนภายใต้แสงสีแดง สายตาของโม่เสิ่นยวนก็ลึกลับ

เขาจินตนาการหลายครั้งมากว่าถ้าเย่จายซิงสวมเครื่องยศสตรีจะเป็นอย่างไร ทุกครั้งมักจะต้องทำให้เขาตะลึง แต่จนกระทั่งได้มาเห็นด้วยตาของตนเอง ในใจของเขาทว่ากลับไม่หยุดตะลึง แถมยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ขณะนั้นเอง เขาก็มีความรู้สึกถึงความมั่นใจที่น้องซิงจะแต่งงานกับเขา

“น้องซิง หวังจริงๆ ว่า อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของเรา”

เขาพูด

ยิ่งเป็นคนที่ให้ความสนใจ ก็ยิ่งกลัวที่จะสูญเสีย

เขากำหนดวันแต่งงานในวันที่สิบสองก็ใกล้เขามาถึงแล้ว จึงไม่อยากให้เกิดอะไรเปลี่ยนแปลง

“ไม่นานหรอก เสด็จอา เหลือเพียงแค่สามวันแล้ว ไม่ใช่หรือ?”

นางพิงอกของเขา รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงของเขา ที่เต็มไปด้วยหัวใจ

จู่ๆ นางก็เฝ้ารอวันแต่งงานของนางกับเสด็จอา

เฝ้ารอที่จะคลอดลูกเพื่อเขา ผสมผสานจุดเด่นของเขาและนาง มีความรักของพ่อและแม่ที่เคียงข้างลูกจนเติบใหญ่ ชดเชยในสิ่งที่ตนเองและเสด็จอาขาดไปในวัยเยาว์

“สามวัน อีกไม่นาน”

นางปลอบใจเสด็จอาที่ใจร้อน

ทางฝั่งฮ่องเต้ก็ไม่ได้ขัดขวางการแต่งงานของพวกเขา นอกจากนี้ การแต่งงานของพวกเขาไม่ถูกผู้อื่นรบกวน

โม่เสิ่นยวนก่อนนางนานมากกว่าจะปล่อยออก จากนั้นก็ออกไป เขาเกรงว่าหากว่าเขาอยู่ต่อ กลัวว่าจะอดทนทำอะไรต่อไป

หลังจากที่เขาไป เย่จายซิงภายใต้การช่วยเหลือของไป๋จู๋ว ก็ถอดเครื่องยศสตรีออก แล้วก็มีบางที่ที่ทำยับ จะต้องให้แม่นางปักทอรีดให้หน่อย

ขณะที่กำลังสวมชุดของตัวเองนั้น เย่จายซิงจู่ๆ ก็มึนหัว และล้มลงบนตัวของไป๋จู๋ว

โชคดีที่ไป๋จู๋วมีแรงเยอะ จากนั้นอุ้มนาง “คุณหนู คุณหนูไม่เป็นไรใช่ไหม?”

นางลืมตาขึ้น จากนั้นขมวดคิ้ว

“ข้าไม่เป็นไร แค่ประหลาดใจนิดหน่อย”

พลังในร่างกายของนาง ไม่มีอะไรประหลาดอะไร

แต่ว่าเมื่อครู่นางวูบไปจริงๆ แม้ว่าจะแค่สามสี่วินาทีก็ตาม

ไป๋จู๋วตกใจจนหน้าซีด:“คุณหนู จะไปเรียกให้เซ่าตี้มาดูไหม?”

“อย่า เจ้าอย่านำเรื่องนี้ไปบอกใคร”

เย่จายซิงพูดเน้นย้ำกับไป๋จู๋ว “ร่างกายข้าไม่มีปัญหา บอกพวกเขาไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้พวกเขากังวลเสียเปล่าๆ ข้าจะระมัดระวังตัวมากกว่านี้ หากจะพูด คงจะต้องรอให้งานแต่งงานผ่านไปก่อนแล้วค่อยพูด”

ไป๋จู๋วพยักหน้าด้วยความกังวล นางยังไงก็ฟังคุณหนู

หลังจากที่เย่จายซิงให้ไป๋จู๋วออกไป นางก็อยู่ที่ตรงหน้าต่าง มีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย

ตัวนางเองก็เป็นหมอเทวดา แล้วก็เป็นอาจารย์กลั่นยา มีอาการหลายอย่างมากแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นอะไร

เย่จายซิงมองไปที่เส้นบะหมี่ แล้วด้านบนก็ยังมีไข่ดาว โรยด้วยผักชี ในน้ำซุปยังมีกลิ่นหอมของเนื้อไก่ด้วย

เมื่อเทียบกับบะหมี่ที่ขายข้างนอก ชามนี้คงถ้านำไปขายก็คงไม่แย่

“ข้ายังไม่รู้ว่าเสด็จอาก็มีฝีมือทางด้านนี้ด้วย!มองจากบะหมี่ชามนี้ ทำให้อยากกินจริงๆ!”

พูดไป นางก็เอามือคีบบะหมี่กิน เมื่อกินถึงได้รู้ว่า บะหมี่ชามนี้ต้มมาจากเส้นบะหมี่เส้นเดียวเท่านั้น

นางตกใจยิ่งไปเดิม จะต้องใช้ความสามารถมากเท่าไหร่

เมื่อกินไปกินไป น้ำตาของนางก็ไหล

มือขนาดใหญ่ก็ยื่นออกมา จากนั้นเช็ดน้ำตาให้นาง

“น้องซิง ถ้าไม่อร่อยก็อย่าฝืนเลย ข้าไปต้มมาให้เจ้าใหม่ หรือหากว่าเจ้าอยากกินอะไร ข้าจะพาเจ้าไป”

เสียงของโม่เสิ่นยวนสันสนเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าน้องซิงจะร้องไห้

“อร่อย เสด็จอา นี่เป็นบะหมี่ที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกิน”

นี่เป็นบะหมี่อายุยืนชามแรกที่นางได้กิน

เป็นผู้ชายที่นางรัก ที่ทำบะหมี่อายุยืนที่เต็มไปด้วยความรักหมดหัวใจที่ตั้งใจทำมาเพื่อนาง

ไม่มีรสชาติอื่นมาแทนที่ได้

นางกินต่อจนหมด สุดท้ายก็กินจนเกลี้ยงแม้แต่น้ำซุปก็ไม่เหลือ

โม่เสิ่นยวนเห็นสีหน้าที่พอใจของนาง ก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า:

“หากว่าเจ้าชอบกิน ต่อไปข้าจะทำให้เจ้ากินทุกปี”

นางพยักหน้าอย่างแรง จมูกยังแดงอยู่

“เสด็จอา พวกเราตกลงกันแล้วนะ ต่อไปทุกปีท่านจะต้องทำบะหมี่อายุยืนมาให้ข้ากินทุกปี”

“น้องซิงเด็กโง่ ข้ากลัวว่าเจ้ากินทุกปี จะเอือมน่ะสิ”

ไม่มีทางหรอก นางคิด

คิดแค่เพียงว่าจะได้กินบะหมี่อายุยืนทุกๆ ปีไหม? 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา