ทันทีที่คิดว่าต่อไปหญิงสาวที่งดงามถึงเพียงนี้จะมาล้างเท้าให้ตนเองทุกวัน ใบหน้าของป๋ายหลี่ปินก็เต็มใบด้วยความตื่นเต้น
เมื่อถึงเวลา ผู้คนในตระกูลไม่ใช่ว่าจะอิจฉาจนเสียสติแล้วหรือ?
อีกทั้งในเมื่อสามารถล้างเท้าให้ตนเองแล้ว แน่นอนว่าต้องสามารถทำอะไรอย่างอื่นได้ด้วยเช่นกัน
“หลัวเฟิง เจ้าสันดานอุบาทว์ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสอนลูกศิษย์ให้ออกมาอุบาทว์แบบนี้เช่นเดียวกัน ทำให้คนรังเกียจ!”
โจวหยวนจื่อกล่าวอย่างดูถูก
เขามองไปทางเย่จายซิง: “ลูกศิษย์คนดี พวกเราไม่มีความจำเป็นต้องประลองกับพวกเขา ท่านอาจารย์ของเขาเป็นพวกขี้แพ้ตกอับของอาจารย์เจ้า กากเดนที่ไม่มีประโยชน์ ประลองกับเขา จะดึงฐานะของเราให้ตกต่ำ!”
“ข้าว่าพวกท่านไม่กล้าประลองกระมัง!”
หลัวเฟิงเอ่ยกล่าวเสียงดัง
“เป็นเพราะลูกศิษย์ของศิษย์พี่ท่านผู้นี้แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่พรสวรรค์ฟ้าประทาน เป็นเพราะเจ้ามองเห็นว่านางหน้าตางดงามกว่าเทพธิดาทิพย์กู่หลิง ฉะนั้นถึงได้รับนางเป็นลูกศิษย์กระมัง! จุ๊จุ๊ คิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่ท่านยังเป็นคนประเภทนี้!”
เวลาที่เขาพูดจา ก็นำสายตาที่อุบาทว์แสดงออกมาอย่างถึงอกถึงใจ ดวงตาที่ไม่โตทั้งสองข้างกวาดไปมาอยู่บนร่างกายของเย่จายซิง
“พูดจาเหลวไหล ไร้จารีตประเพณี! หลัวเฟิง ฮู้เต๋ามีคนชาติชั่วเช่นเจ้านี้ ช่างเป็นความอัปยศอดสูจริงๆ! ข้ากับลูกศิษย์มีความสัมพันธ์อาจารย์กับลูกศิษย์ที่บริสุทธิ์กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าคิดว่าทุกคนต่างก็เป็นเหมือนเจ้า รับลูกศิษย์ผู้หญิงก็เพื่อเชยชม?”
โจวหยวนจื่อเอ่ยกล่าวด้วยความโกรธเคืองที่ระงับไม่ได้
ดูหมิ่นเขานั้นได้ แต่ดูหมิ่นลูกศิษย์เขานั้นไม่ได้
เกียรติยศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของหญิงสาว เขาไม่มีทางให้หลัวเฟิงทำให้ชื่อเสียงของลูกศิษย์เขาเสื่อมเสียอย่างเด็ดขาด!
“ศิษย์พี่ ข้าว่าท่านถูกข้าพูดจี้จุดเข้าให้แล้ว ฉะนั้นถึงพาลโกรธแล้วกระมัง”
หลัวเฟิงกล่าวเยาะเย้ย
เย่จายซิงหันไปมองหลัวเฟิงและป๋ายหลี่ปินอย่างเรียบเฉย ส่งเสียงกล่าว:
“ท่านอาจารย์ของข้ากล่าวไม่ผิด พวกท่านคนประเภทนี้ เป็นความอัปยศอดสูชาติชั่วของฮู้เต๋า ไม่มีมารยาทและความรู้สึกละอายบาปเลยแม้แต่น้อย ข้ารับปากว่าจะประลองกับป๋ายหลี่ปิน แต่ถ้าหากเขาแพ้แล้ว ไม่เพียงหินทิพย์จะเป็นของข้าเท่านั้น พวกเจ้าอาจารย์ลูกศิษย์สองคนก็ต้องคุกเข่าลงไปก้มหัวยอมรับผิดต่อหน้าอาจารย์ข้า”
เดิมทีนางไม่ต้องการจะประลอง
แต่อาจารย์ลูกศิษย์ที่กำเริบเสิบสานคู่นี้ต่างก็รังแกจนถึงปลายจมูกแล้ว นางจะนั่งดูอย่างนิ่งเฉยไม่สนใจได้อย่างไรกัน?
คนประเภทนี้ จะต้องสั่งสอนอย่างรุนแรงสักรอบ
และนาง มีความมั่นใจต่อการวาดฮู้ อยู่เต็มหัวใจ
“ลูกศิษย์ เจ้าอย่าได้สนใจพวกเขา นี่คือวิธีการยั่วยุของพวกเขา เจตนายั่วให้เจ้าเกิดโทสะ!”
โจวหยวนจื่อรีบเอ่ยกล่าว
เขาคิดว่าลูกศิษย์ของตนเองวาดฮู้ไม่เป็น ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเขาเคยสอบถามนางว่าเคยวาดฮู้หรือไม่ นางบอกว่าจำไม่ได้แล้ว
เห็นได้ชัดว่าต่อให้นางวาดได้เพียงแค่นิดหน่อย จะประลองกับป๋ายหลี่ปินได้อย่างไรกัน?
ถึงแม้ว่าคุณสมบัติประจำตัวของป๋ายหลี่ปินใช้ไม่ได้ แต่ในระดับอาจารย์ฮู้ในรุ่นหนุ่มสาว นับว่าไม่ด้อยเลยจริงๆ
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องเป็นกังวล อาจารย์ลูกศิษย์ทั้งคู่นี้หยิ่งยโสโอหัง ยุให้รำตำให้รั่ว เจตนาทำลายชื่อเสียงของข้า คนประเภทนี้ ควรจะสั่งสอนเสียหน่อย”
เย่จายซิงเอ่ยกล่าวกับโจวหยวนจื่อ
“นังหนูคุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกละอายใจตัวดี!” หลัวเฟิงหัวเราะเยาะหยันทันที กล่าว:
“ทุกท่านที่อยู่ตรงนี้สามารถเป็นประจักษ์พยาน แม่หนูคนนี้รับปากจะแข่งขันกับป๋ายหลี่ปินลูกศิษย์ของข้า ถ้าหากนางแพ้ ก็จะต้องเป็นบ่าวล้างเท้าของลูกศิษย์ข้า ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เย่จายซิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาเรียบเฉย:
“ป๋ายหลี่ปินแพ้แน่ พวกเจ้าเตรียมตัวคุกเข่าลงไป ก้มหัวยอมรับผิดต่อหน้าข้าและอาจารย์ของข้าเถอะ”
“วาจาโอ้อวดยิ่งนัก!”
สีหน้าของหลัวเฟิงและป๋ายหลี่ปินดูถูกเหยียดหยาม
ผู้คนบริเวณรอบๆก็รู้สึกว่าเย่จายซิงพูดจาโอ้อวด นางอายุน้อยขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าพูดว่าป๋ายหลี่ปินแพ้แน่ ช่างกล้าทำอะไรโดยที่ไม่กลัวถูกติเตียนเสียจริง อย่างไรเสียก็คือนางโง่เขลายิ่งนัก
บางทีแท้ที่จริงแล้วนางอาจจะไม่รู้ว่าอาจารย์ยันต์ทิพย์นั้นยากขนาดไหน ไม่รู้ว่าพละกำลังของอาจารย์ยันต์ทิพย์ขั้นห้าหมายถึงอะไร
“ทุกคนได้ยินแล้วหรือไม่ ไม่มีใครบังคับให้นางรับปาก ดูเหมือนว่า นางคงจะถูกใจข้า รีบอยากจะมาเป็นบ่าวล้างเท้าให้แก่ข้า!”
ป๋ายหลี่ปินหัวเราะเสียงดังด้วยความภาคภูมิใจ
เขา รวมถึงทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็คิดว่า เย่จายซิงเทียบเขาไม่ติด เป็นบ่าวล้างเท้าก็สมควรแล้ว
เย่จายซิงวาดมุมริมฝีปากขึ้นอย่างเรียบเฉย สายตาเย็นชาถึงขีดสุด
ใบหน้าของโจวหยวนจื่อเต็มไปด้วยความกังวล ฝ่ายตรงข้ามหยิบกระดาษฮู้และชาดออกมาพร้อมที่จะวาดฮู้แล้ว เขาร้อนใจจนลืมจัดเตรียมให้แก่ลูกศิษย์ของตนเอง
“ท่านอาจารย์ ขอยืมกระดาษฮู้และสิ่งของต่างๆของท่านใช้สักหน่อยได้หรือไม่?”
เย่จายซิงหันไปกล่าวกับโจวหยวนจื่อ
ในกระเป๋าเก็บของของนาง ไม่มีสิ่งของเหล่านี้
ทันทีที่ผู้คนบริเวณรอบๆได้ยิน ทั้งหมดหัวเราะกันอย่างครื้นเครง พูดมาตั้งนานนางก็วาดฮู้ไม่เป็นโดยสิ้นเชิง แม้แต่พู่กันฮู้กระดาษฮู้ต่างก็ยังไม่หยิบออกมา!
ก็แค่นี้ ยังกล้าประลองกับป๋ายหลี่ปิน?
ตบจนใบหน้านางบวม!
“ข้ามี”
ในเวลานี้ โจวหยวนจื่อยังไม่ได้ทันได้ล้วงสิ่งของออกมา บุรุษหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงใหญ่ก็ราวกับปรากฏกายขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น ปรากฏตัวอยู่ด้านข้างเย่จายซิง พร้อมหยิบอุปกรณ์วาดฮู้ใหม่เอี่ยมชุดหนึ่งออกมา วางไว้บนโต๊ะ
เย่จายซิงมองดูเขาด้วยความตกตะลึง หัวใจเต้นตุบตุบไม่เป็นจังหวะ ภายในสมองปรากฏภาพที่มองไม่ชัดเจนขึ้นมามากมาย นางวิงเวียนศีรษะ ยืนไม่มั่นคงเล็กน้อย
ในขณะที่ฝ่าเท้าของนางกำลังโซเซ มือใหญ่ที่มีพลังมือหนึ่งก็ประคองแขนของนางเอาไว้
“ระวังหน่อย น้องซิง”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบมิได้ เผยให้เห็นความรักความผูกพันที่ลึกซึ้ง ขณะเดียวกันก็ทำให้นางสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในใจ ปวดร้าวและพองโต ทันทีที่ปวดจมูก น้ำตากลิ้งอยู่ในเบ้าตา
ราวกับว่ามีอารมณ์น้อยใจบางอย่าง
เหมือนกับว่าบุรุษตรงหน้าผู้นี้ นางสามารถสลัดความแข็งแกร่งทั้งหมดทิ้งไปได้ เหมือนกับว่าหญิงสาวนางหนึ่งสามารถพึ่งพาอาศัยเขาได้ แต่เขาปรากฏตัวช้าไป นางจึงรู้สึกว่าน้อยใจมากเหลือเกิน
“น้องซิง ข้ามาช้าไปแล้ว”
โม่เสิ่นยวนมองนางอย่างลึกซึ้ง ราวกับว่ากำลังมองของล้ำค่าบางอย่างที่หายไปกลับคืนมา คิดอยากจะยื่นมือออกไปลูบหว่างคิ้วที่ขมวดเข้าหากันของนางให้เรียบ
“นี่ เจ้าเป็นผู้ใด อย่ามาเข้าใกล้ลูกศิษย์ของข้าขนาดนี้! เจ้าดูเจ้า ทำให้ลูกศิษย์ของข้าตกใจกลัวจนตาแดงหมดแล้ว!”
โจวหยวนจื่อตบฉาดเข้าไปที่บนมือของโม่เสิ่นยวน ในความคิดของเขา นี่ก็คือมือปลาหมึกมือหนึ่ง
โม่เสิ่นยวนไม่ได้โมโห แต่กันไปกล่าวกับโจวหยวนจื่ออย่างมีมารยาท:
“อาจารย์เทพโจว น้องซิงเป็นภรรยาที่แต่งงานถูกต้องตามประเพณีของข้า เป็นเพราะเหตุสุดวิสัย พวกเราไม่ทันระวังจึงแยกจากกันเป็นเวลามากกว่าครึ่งเดือน”
โจวหยวนจื่ออ้าปากค้าง มองโม่เสิ่นยวนอย่างไม่กล้าจะเชื่อ แล้วก็มองเย่จายซิง
ลูกศิษย์ของเขาอายุน้อยขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย?
แต่ว่าชายหนุ่มผู้นี้ก็หน้าตาเหมาะสมกับลูกศิษย์ของเขาเป็นอย่างมาก ทั้งสองคนยืนด้วยกัน กิ่งทองใบหยก ราวกับเกิดมาคู่กัน
เย่จายซิงมองดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ภายในใจตื่นตะลึง แต่กลับรู้สึกว่าอยู่ในความคาดหมาย เขาให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างรุนแรงต่อตนเอง และก็เป็นชายหนุ่มเพียงคนที่ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น ทำให้ใจของนางเต้นเร็วขึ้น
และตอนที่นางปรากฏตัวที่สำนักเฉียนคุน บนตัวสวมใส่ชุดแดงแต่งงาน หมายความว่านางเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ถ้าเช่นนั้น ผู้ที่นางแต่งงานด้วย จะต้องเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ทั้งรูปร่างสูงใหญ่ทั้งหล่อเหลาตรงหน้าผู้นี้
“น้องซิง เป็นอะไรหรือ?”
โม่เสิ่นยวนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติสายหนึ่งบนร่างกายของนาง ในแววตาของนาง เผยให้ความสับสนอย่างคาดไม่ถึง
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางกันแน่?
เย่จายซิงเม้มริมฝีปากแล้วส่ายหน้า ที่นี่ผู้คนมากหน้าหลายตา อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถนำเรื่องที่ตนเองสูญเสียความทรงจำจำเขาไม่ได้บอกกับเขาต่อหน้าทุกคน
“ฮึ่! นางเป็นภรรยาของเจ้าแล้วจะอย่างไร? อีกไม่นาน นางก็จะต้องเป็นบ่าวล้างเท้าของข้าแล้ว!”
ป๋ายหลี่ปินกล่าวแล้วแสยะยิ้มหัวเราะเสียงดัง
นางลงพู่กันราวกับมีชีวิตชีวา ทันทีที่พู่กันสัมผัสกระดาษ ชี่ทิพย์กับธาตุต่างๆจำนวนมหาศาลพลุ่งพล่านเข้ามา มารวมตัวกันภายในลายมือ
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ผู้คนตะลึงงันไปทันที
โจวหยวนจื่อเผยให้เห็นสีหน้าที่ดีใจเป็นล้นพ้น กล่าวอย่างตื่นเต้น: “แท้ที่จริงแล้วลูกศิษย์ของข้าช่างมีพรสวรรค์จริงๆ!”
สีหน้าของหลัวเฟิงถอดสีจนดูไม่ได้อย่างถึงที่สุด ราวกับว่าได้กลืนแมลงวันเป็นๆไปสองสามตัว เขาคิดไม่ถึงว่าเย่จายซิงเป็นอาจารย์ยันต์ทิพย์อย่างคาดไม่ถึง พู่กันฮู้ของนางดูดซับชี่ทิพย์กับธาตุได้รวดเร็วกว่าป๋ายหลี่ปินหลายเท่านัก
ทันทีที่ลงมือ ก็เข้าใจว่าใช่หรือไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ
“ฮึ่! จะกลายเป็นฮู้ได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่ เจ้าอย่าได้ลำพองใจ!”
หลัวเฟิงหันไปทางโจวหยวนจื่อเอ่ยกล่าวอย่างดูถูก
มีบางคนเก็บรวบรวมชี่ทิพย์อย่างรวดเร็ว แต่อัตราการสำเร็จของฮู้ต่ำมาก เนื่องจากหากควบคุมชี่ทิพย์ไม่ได้ ชี่ทิพย์ที่อยู่บนกระดาษถ้าไม่มีความมั่นคงก็อาจจะระเบิดได้
ก็เหมือนกับการกลั่นโอสถของอาจารย์กลั่นโอสถ มีขั้นตอนใดที่ไม่ทำให้ดี ก็อาจจะเตาระเบิดได้
แต่เมื่อทันทีที่หลัวเฟิงกล่าวจบ ก็เห็นว่าเย่จายซิงวาดฮู้และคาถาเสร็จเรียบร้อยด้วยการกระทำที่ราบรื่น จากนั้นอักขระฮู้บนกระดาษฮู้ก็มีแสงสว่างลำหนึ่งสว่างวาบออกมา แสดงให้เห็นได้ชัดว่าฮู้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่ยันต์ทิพย์และโอสถไม่เหมือนกันก็คือ โอสถจะต้องดูที่สีสัน แม้กระทั่งต้องลองชิมดูถึงจะรู้ระดับ แต่ยันต์ทิพย์ทันทีที่จิตตื่นรู้กวาดมองก็สามารถรู้ได้ถึงพลังแข็งแกร่งที่แฝงไว้ภายใน
ฮู้แผ่นนี้ที่เย่จายซิงวาดออกมา เห็นได้ชัดเป็นฮู้ลูกไฟที่มีพลังงานยันต์ทิพย์ขั้นห้า ธาตุไฟค่อนข้างเข้มข้น ไม่ได้สัมผัสโดนมือ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความร้อนผ่าว
แต่ฮู้ที่ป๋ายหลี่ปินวาดนั้น ก็เป็นฮู้ลูกไฟขั้นห้าเช่นกัน แต่ทว่าเขาเคลื่อนย้ายพู่กันฮู้อย่างยากลำบากไปได้เพียงครึ่งเดียว เย่จายซิงก็วาดเสร็จก่อนเขาแล้ว
“ความ......ความรวดเร็วนี้ช่างน่าตกใจยิ่งนัก!”
มีคนเอ่ยกล่าวเสียงเบา สีหน้าบนใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง
“ถูกต้อง อีกทั้งท่าทางที่วาดฮู้ของนางนั้นสบายยิ่งนัก ชี่ทิพย์กับธาตุเหล่านั้นก็สามารถถูกนางสมดุลได้อย่างสบายๆ นางจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!”
บรรดาผู้คนต่างก็เหมือนกับว่าได้รับความตกอกตกใจอย่างรุนแรง มองดูฮู้ลูกไฟแผ่นนั้นอย่างยากที่จะเรียกสติกลับคืนมา
ครั้งนี้สีหน้าของหลัวเฟิงน่าเกลียดยิ่งกว่ากินอึเสียอีก
คำพูดเมื่อครู่ของเขายังดังก้องอยู่ในหู ลูกไฟฮู้ของเย่จายซิงวาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
อัตราความสำเร็จของฮู้แบบนี้ แม้แต่เขาก็ต้องริษยา
ใบหน้าหนาของเขา ถูกตบเสียงดังเพี้ยะเพี้ยะ
เขาทั้งริษยาทั้งแค้นใจ แม้แต่อัตราความสำเร็จของฮู้ของเขาก็ไม่มีทางสูงถึงขนาดนี้ เพราะเหตุใดแม่หนูตัวเล็กๆคนนี้ถึงได้มีความสามารถแบบนี้?
กฎแห่งสวรรค์อาจจะไม่ยุติธรรมเท่าใดนัก!
“ตูม!”
เสียงดังสนั่นเสียงหนึ่งดังขึ้น ชี่ทิพย์ของยันต์ทิพย์ของป๋ายหลี่ปินที่อยู่ใต้พู่กันไม่สมดุล อยู่ๆก็เกิดการระเบิดขึ้นมา เปลวเพลิงลุกขึ้นแลบแปลบปลาบ ชั่วพริบตาเดียวนำเส้นผมที่เต็มศีรษะของป๋ายหลี่ปินก็ถูกเผาจนหมดเกลี้ยง
“พรวดฮ่าฮ่า!”
มองดูป๋ายหลี่ปินที่ถูกเผาจนดำไหม้ไปทั้งหน้า และไม่มีเส้นผม คนจำนวนไม่น้อยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เหมาะสม
นี่มันช่างน่าตลกขบขันยิ่งนัก
ป๋ายหลี่ปินกำหมัดแน่น ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยขายหน้ามากถึงเพียงนี้ แววตาของเขาอึมครึมอย่างยิ่ง แทบอยากจะหาหลุมสักหลุมแล้วมุดลงไปได้ก็ดี
“ฮ่าฮ่าฮ่า! จากที่ข้าดู ไม่ต้องประลองแล้ว ผู้ใดแข็งแกร่งผู้ใดอ่อนแอ มองแค่แวบเดียวก็สามารถมองออกแล้ว! ขอบคุณพวกเจ้าที่มอบของขวัญชิ้นใหญ่นี้ให้แก่ลูกศิษย์ของข้า”
โจวหยวนจื่อหัวเราะเสียงดังอย่างคึกคัก นำกระเป๋าก็บของบนโต๊ะหยิบเอามา ด้านในนี้คือห้าหมื่นหินทิพย์ชั้นสูง จำนวนมหาศาลเลยทีเดียว
ดวงตาของป๋ายหลี่ปินอิจฉาขึ้นมาทันที
นั่นคือหินทิพย์ที่เขานำมาใช้จ่ายค่าตอบแทนและซื้อสิ่งของ!
ถ้าหากถูกเย่จายซิงเอาไป เขาไม่รู้จะอธิบายกับเจ้าบ้านอย่างไร
“คิดจะทำอะไร? ข้าจะบอกพวกเจ้าให้ มีสัญญาการท้าประลองอยู่ ข้านำหินบันทึกเงาบันทึกคำพูดของพวกเจ้าตอนที่จัดการท้าประลองไว้หมดแล้ว! ตอนนี้ พวกเจ้าสองคน คุกเข่าลงไปก้มหัวขอขมาให้แก่ข้ากับลูกศิษย์ของข้าได้แล้ว!”
โจวหยวนจื่อเอ่ยกล่าวเสียงดัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...