บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 392

หลังจากที่เย่จายซิงพาโม่เสิ่นยวนเข้ามาให้ห้วงกาลเวลา ก็พาเขาไปดูรอบๆ

“นี่คือต้นผู่ถีเซิ่งใช่หรือไม่ เช่นนั้นต้นนั้นคือต้นเหอหรือไม่?”

โม่เสิ่นยวนมองต้นไม้ทั้งสองต้นที่อยู่ข้างๆกัน และถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ใช่ นี่คือต้นผู่ถีเซิ่งต้นข้างๆนั่น เจ้าไป๋บอกว่าน่าจะเป็นต้นเทวเบิกนภา ใช่หรือไม่ข้าเองก็ไม่รู้”

นางตอบ

เจ้าไป๋บอกว่านางคาดหวังที่จะให้ต้นผู่ถีเซิ่งออกผลเร็วๆ แต่กลับไม่ได้บอกว่าเพราะเหตุใด นางคิดว่าน่าจะเป็นเพราะผลของต้นผู่ถีเซิ่งอร่อยมาก

ตอนนี้เย่จายซิงยังไม่ค่อยรู้เรื่องอายุขัยของโม่เสิ่นยวนมากนัก เขาซ่อนมันไว้อย่างลึกล้ำ จนไม่มีผู้ใดมองออก รวมถึงนางด้วย

นางจึงไม่รู้ว่าทำไมนางถึงตั้งตารอผลของต้นผู่ถีเซิ่งแต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะผลต้นผู่ถีเซิ่งสามารถยืดอายุขัยได้

สามารถเพิ่มอายุขัยของโม่เสิ่นยวนได้

แต่เมื่อโม่เสิ่นยวนเห็นต้นต้นผู่ถีเซิ่งก็เข้าใจความคิดของนางก่อนหน้านี้ได้ทันที มุมปากของเขายกขึ้นอย่างอดไม่ได้

“เป็นต้นเทวเบิกนภาหรือไม่ รอให้มันผลิดอกออกมาก็รู้แล้ว ดูจากตอนนี้แล้ว ลำต้นนี้ไร้ความเป็นร่างเทพ บางทีอาจอยู่ในดอกไม้”

เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เย่จายซิงพยักหน้า หากว่าใช่ เช่นนั้นก็ดี หากว่าไม่ใช่ ก็ไม่เป็นไร

นางรู้สึกว่าต้นเทวจะมาขึ้นอยู่ในห้วงกาลเวลาของนางได้เช่นไร

เมื่อนางรู้ว่ามีพู่เทพอยู่ในห้วงกาลเวลา นางก็พึงพอใจมากแล้ว

ต่อมานางก็นำข้าวพู่เทพที่เจ้าไป๋เก็บไว้มากมายออกมา กินพู่เทพกับโม่เสิ่นยวนทุกมื้อ

นางหวังว่าความเป็นเทพของ พู่เทพจะนำผลลัพธ์ที่ดีมาสู่ทารกน้อยในครรภ์ของนาง

“น้องซิงไปวาดยันต์เถอะ ข้าจะไปเดินรอบๆด้วยตัวเอง”

“อืม ดี เช่นนั้นข้าไปแล้วนะ”

เจ้าไป๋ย้ายโต๊ะของนางเข้ามาในฝั่งผดุงจิตให้นางนานแล้ว นี่คือสถานที่ที่มีพลังงานจิตวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด มีผลดีต่อการวาดยันต์เป็นอย่างมาก

ไม่นานนางก็ตั้งใจวาดยันต์ นางบอกไว้แล้วว่านางจะทำให้เทพธิดาทิพย์โบราณพ่ายแพ้ ก็ต้องชนะในวิชายันต์ของอีกฝ่ายให้ได้

จะไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้พลิกกลับมาได้แม้แต่น้อย

รอให้ชนะเทพธิดากู่หลิงได้แล้ว ค่อยให้นางชื่อเสียงป่นปี้ แล้วจึงค่อยไปแก้คำสาป

มีเพียงแบบนี้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยวิญญาณชั่วร้ายในใจของนางได้

ภาพวาดนี้ใช้เวลาเกือบทั้งวัน โม่เสิ่นยวนเดินเล่นไปรอบนึงแล้ว เมื่อกลับมาก็อยู่ข้างกายนางตลอด

เพราะกลัวว่านางจะหิว จึงไปที่ห้องครัวในห้องกาลเวลาเพื่อกับข้าวและขนมอบ

เมื่อนางกินข้าวเสร็จก็ลงมือวาดต่อ

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับยันต์ทิพย์ไปหลายเล่ม

นางยังเป็นปปรมาจารย์ยันต์ทิพย์ขั้นเจ็ดจริงๆ ปรมาจารย์ยันต์ทิพย์ขั้นเจ็ดในหนังสือยันต์นางก็สามารถวาดออกมาได้อย่างสบายๆ หากสูงกว่านี้ นางก็ยังขาดไฟเล็กน้อย

ความเร่งรีบไม่เพียงพอ หากไม่ถึงความแข็งแกร่งของขั้นแปด นางก็ไม่สามารถวาดสิ่งที่ยากได้

หลังจากนั้น นางหยิบตำรายันต์ขั้นเทพของโจวหยวนจื่อออกมา และเริ่มเรียนรู้ยันทิพย์โบราณบนนั้น

จากขั้นตอนแรกขึ้นไป นางวาดขึ้นไปทีละขั้น

มีระดับความยากสูงมาก แต่โชคดีที่นางอดทนมากพอ นางคัดลอกมันอย่างระมัดระวังก่อน แล้วเมื่อนางรู้สึกมั่นใจจึงวาดออกมาในจังหวะเดียว

แต่เมื่อนางเข้าสู่ขั้นหกไม่ว่าจะละเอียดมากน้อยเพียงใด อักษรยันต์ก็ไม่อาจกลายเป็นรูปเป็นร่างได้

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? มีปัญหาที่ตรงไหนกันแน่?”

นางกัดหัวพู่กัน คิ้วก็ขมวดเป็นปม

“น้องซิง ข้าจะสอนเจ้าเอง”

โม่เสิ่นยวนยืนขึ้นและเข้าไปใกล้นาง อ้อมไปจับกระดาษในมือของนางจากด้านหลัง จับมือนางที่จับพู่กันอยู่ และวาดยันต์ลงบนกระดาษ

เพื่อความประหลาดใจของเย่จายซิงเขาวาดอักษรยันต์ที่ซับซ้อนทั้งหมดเสร็จในจังหวะเดียว จากนั้นแสงก็วาบขึ้นบนอักษรยันต์และยันต์ก็เสร็จสมบูรณ์!

“น้องซิงเห็นได้ชัดเจนหรือไม่?”

เขาเอ่ยถามใกล้หูของนาง

เมื่อครู่เย่จายซิงสัมผัสได้ถึงความทรงจำของนางจากพู่กันเขียนยันต์ นางจึงพยักหน้าตอบ

หลังจากหัวเราะไปซักพัก นางก็สงบลงและวาดยันต์ต่อไป

ยิ่งไปถึงช่วงหลังๆยิ่งยากขึ้น อักษรยันต์บนหน้ากระดาษ ล้วนเป็นอักษรยันต์โบราณที่สามารถสรุปจากเรื่องหนึ่งก็สามารถอนุมานไปเรื่องอื่นๆได้ หากนางวาดทั้งหมดได้อย่างชำนาญ นางจะก้าวไปสู่ระดับต่อไปได้ง่ายขึ้นมาก

หลังจากผ่านไปสองสามวัน ในที่สุดนางก็วาดยันต์ทั้งหมดตั้งแต่ขึ้นแรกจนถึงขั้นเจ็ดในหนังสือยันต์โบราณออกมาได้หมด

โดยมีเสด็จอาคอยอยู่ข้างๆ นางพักๆวาดๆสลับกันไปเรื่อยๆ เพราะเขาไม่ต้องนางให้นางเหนื่อย

ไม่เช่นนั้นนางคงเสร็จไปนานแล้ว

แม้ว่าในห้วงกาลเวลานั้นเวลาจะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ภายนอกนั้นเพิ่งจะผ่านไปเพียงสองวันเท่านั้น

ผู้อาวุโสห้าป๋ายหลี่ส่งคนมาเฝ้าใกล้ๆเรือทิพย์อยู่ตลอด รอให้ทั้งสองคนออกมา คิดจะหาโอกาสลอบโจมตี

ใครจะรู้ว่าเวลาสองวันนี้ ทั้งสองคนแม้แต่หัวก็ไม่โผล่ออกมาสักนิด

ผู้อาวุโสห้าป๋ายหลี่รอจนหัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไต เดือดพล่าน และสงสัยว่าพวกเขาจงใจซ่อนตัวอยู่ในเรือทิพย์ไม่ยอมออกมา

เรือทิพย์นั้นเป็นภัณฑ์เทพ การที่เขาลงมือก็ไม่แน่ว่าเขาจะสามารถทำลายภัณฑ์เทพได้ นับประสากับการจะฆ่าคนสองคนที่อยู่ข้างใน

“พี่ พวกเขาออกมาแล้ว ออกไปทางสุสานแล้ว”

ในเวลานี้ ผู้อาวุโสห้าป๋ายหลี่ได้ยินคำรายงานจากลูกน้องของเขา

มุมปากยกยิ้มเยือกเย็นขึ้นมา เขาหลบและสุ่มโจมตีอยู่ใกล้สุสานโบราณ

“นายท่าน วันนี้ไม่ใช่โอกาสที่จะไปที่สุสาน ข้ารู้สึกได้ถึงอันตราย”

เมื่อถึงสุสานโบราณ เจ้าไป๋ ก็สื่สารกับนางในใจ

ตอนนี้เจ้าไป๋ได้กลายเป็นไม้แกะสลักที่แขวนอยู่บนคอของ จิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงซึ่งสามารถแสวงหาความโชคดีและหลีกเลี่ยงความโชคร้ายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

มันไม่สามารถสัมผัสถึงโชคได้เลย สัมผัสได้เพียงภัยพิบัติ

“นายท่าน นายท่าน มีชายชราตัวเหม็นต้องการจะฆ่าท่าน”

น้ำเสียงไร้เดียงสาเสียงหนึ่งผ่านเข้าไปในสมอง มันคือเสียงของ วิหคเพลิงน้อย

ในทุกๆวันวิหคเพลิงน้อยบินไปทั่วทุกที่ บินไปจนไม่เห็นแม้แต่เงา แต่ในช่วงเวลาสำคัญ มันก็จะบินออกมาอีกครั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา