หลังจากที่เย่จายซิงพาโม่เสิ่นยวนเข้ามาให้ห้วงกาลเวลา ก็พาเขาไปดูรอบๆ
“นี่คือต้นผู่ถีเซิ่งใช่หรือไม่ เช่นนั้นต้นนั้นคือต้นเหอหรือไม่?”
โม่เสิ่นยวนมองต้นไม้ทั้งสองต้นที่อยู่ข้างๆกัน และถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ใช่ นี่คือต้นผู่ถีเซิ่งต้นข้างๆนั่น เจ้าไป๋บอกว่าน่าจะเป็นต้นเทวเบิกนภา ใช่หรือไม่ข้าเองก็ไม่รู้”
นางตอบ
เจ้าไป๋บอกว่านางคาดหวังที่จะให้ต้นผู่ถีเซิ่งออกผลเร็วๆ แต่กลับไม่ได้บอกว่าเพราะเหตุใด นางคิดว่าน่าจะเป็นเพราะผลของต้นผู่ถีเซิ่งอร่อยมาก
ตอนนี้เย่จายซิงยังไม่ค่อยรู้เรื่องอายุขัยของโม่เสิ่นยวนมากนัก เขาซ่อนมันไว้อย่างลึกล้ำ จนไม่มีผู้ใดมองออก รวมถึงนางด้วย
นางจึงไม่รู้ว่าทำไมนางถึงตั้งตารอผลของต้นผู่ถีเซิ่งแต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะผลต้นผู่ถีเซิ่งสามารถยืดอายุขัยได้
สามารถเพิ่มอายุขัยของโม่เสิ่นยวนได้
แต่เมื่อโม่เสิ่นยวนเห็นต้นต้นผู่ถีเซิ่งก็เข้าใจความคิดของนางก่อนหน้านี้ได้ทันที มุมปากของเขายกขึ้นอย่างอดไม่ได้
“เป็นต้นเทวเบิกนภาหรือไม่ รอให้มันผลิดอกออกมาก็รู้แล้ว ดูจากตอนนี้แล้ว ลำต้นนี้ไร้ความเป็นร่างเทพ บางทีอาจอยู่ในดอกไม้”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เย่จายซิงพยักหน้า หากว่าใช่ เช่นนั้นก็ดี หากว่าไม่ใช่ ก็ไม่เป็นไร
นางรู้สึกว่าต้นเทวจะมาขึ้นอยู่ในห้วงกาลเวลาของนางได้เช่นไร
เมื่อนางรู้ว่ามีพู่เทพอยู่ในห้วงกาลเวลา นางก็พึงพอใจมากแล้ว
ต่อมานางก็นำข้าวพู่เทพที่เจ้าไป๋เก็บไว้มากมายออกมา กินพู่เทพกับโม่เสิ่นยวนทุกมื้อ
นางหวังว่าความเป็นเทพของ พู่เทพจะนำผลลัพธ์ที่ดีมาสู่ทารกน้อยในครรภ์ของนาง
“น้องซิงไปวาดยันต์เถอะ ข้าจะไปเดินรอบๆด้วยตัวเอง”
“อืม ดี เช่นนั้นข้าไปแล้วนะ”
เจ้าไป๋ย้ายโต๊ะของนางเข้ามาในฝั่งผดุงจิตให้นางนานแล้ว นี่คือสถานที่ที่มีพลังงานจิตวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด มีผลดีต่อการวาดยันต์เป็นอย่างมาก
ไม่นานนางก็ตั้งใจวาดยันต์ นางบอกไว้แล้วว่านางจะทำให้เทพธิดาทิพย์โบราณพ่ายแพ้ ก็ต้องชนะในวิชายันต์ของอีกฝ่ายให้ได้
จะไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้พลิกกลับมาได้แม้แต่น้อย
รอให้ชนะเทพธิดากู่หลิงได้แล้ว ค่อยให้นางชื่อเสียงป่นปี้ แล้วจึงค่อยไปแก้คำสาป
มีเพียงแบบนี้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยวิญญาณชั่วร้ายในใจของนางได้
ภาพวาดนี้ใช้เวลาเกือบทั้งวัน โม่เสิ่นยวนเดินเล่นไปรอบนึงแล้ว เมื่อกลับมาก็อยู่ข้างกายนางตลอด
เพราะกลัวว่านางจะหิว จึงไปที่ห้องครัวในห้องกาลเวลาเพื่อกับข้าวและขนมอบ
เมื่อนางกินข้าวเสร็จก็ลงมือวาดต่อ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับยันต์ทิพย์ไปหลายเล่ม
นางยังเป็นปปรมาจารย์ยันต์ทิพย์ขั้นเจ็ดจริงๆ ปรมาจารย์ยันต์ทิพย์ขั้นเจ็ดในหนังสือยันต์นางก็สามารถวาดออกมาได้อย่างสบายๆ หากสูงกว่านี้ นางก็ยังขาดไฟเล็กน้อย
ความเร่งรีบไม่เพียงพอ หากไม่ถึงความแข็งแกร่งของขั้นแปด นางก็ไม่สามารถวาดสิ่งที่ยากได้
หลังจากนั้น นางหยิบตำรายันต์ขั้นเทพของโจวหยวนจื่อออกมา และเริ่มเรียนรู้ยันทิพย์โบราณบนนั้น
จากขั้นตอนแรกขึ้นไป นางวาดขึ้นไปทีละขั้น
มีระดับความยากสูงมาก แต่โชคดีที่นางอดทนมากพอ นางคัดลอกมันอย่างระมัดระวังก่อน แล้วเมื่อนางรู้สึกมั่นใจจึงวาดออกมาในจังหวะเดียว
แต่เมื่อนางเข้าสู่ขั้นหกไม่ว่าจะละเอียดมากน้อยเพียงใด อักษรยันต์ก็ไม่อาจกลายเป็นรูปเป็นร่างได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? มีปัญหาที่ตรงไหนกันแน่?”
นางกัดหัวพู่กัน คิ้วก็ขมวดเป็นปม
“น้องซิง ข้าจะสอนเจ้าเอง”
โม่เสิ่นยวนยืนขึ้นและเข้าไปใกล้นาง อ้อมไปจับกระดาษในมือของนางจากด้านหลัง จับมือนางที่จับพู่กันอยู่ และวาดยันต์ลงบนกระดาษ
เพื่อความประหลาดใจของเย่จายซิงเขาวาดอักษรยันต์ที่ซับซ้อนทั้งหมดเสร็จในจังหวะเดียว จากนั้นแสงก็วาบขึ้นบนอักษรยันต์และยันต์ก็เสร็จสมบูรณ์!
“น้องซิงเห็นได้ชัดเจนหรือไม่?”
เขาเอ่ยถามใกล้หูของนาง
เมื่อครู่เย่จายซิงสัมผัสได้ถึงความทรงจำของนางจากพู่กันเขียนยันต์ นางจึงพยักหน้าตอบ
หลังจากหัวเราะไปซักพัก นางก็สงบลงและวาดยันต์ต่อไป
ยิ่งไปถึงช่วงหลังๆยิ่งยากขึ้น อักษรยันต์บนหน้ากระดาษ ล้วนเป็นอักษรยันต์โบราณที่สามารถสรุปจากเรื่องหนึ่งก็สามารถอนุมานไปเรื่องอื่นๆได้ หากนางวาดทั้งหมดได้อย่างชำนาญ นางจะก้าวไปสู่ระดับต่อไปได้ง่ายขึ้นมาก
หลังจากผ่านไปสองสามวัน ในที่สุดนางก็วาดยันต์ทั้งหมดตั้งแต่ขึ้นแรกจนถึงขั้นเจ็ดในหนังสือยันต์โบราณออกมาได้หมด
โดยมีเสด็จอาคอยอยู่ข้างๆ นางพักๆวาดๆสลับกันไปเรื่อยๆ เพราะเขาไม่ต้องนางให้นางเหนื่อย
ไม่เช่นนั้นนางคงเสร็จไปนานแล้ว
แม้ว่าในห้วงกาลเวลานั้นเวลาจะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ภายนอกนั้นเพิ่งจะผ่านไปเพียงสองวันเท่านั้น
ผู้อาวุโสห้าป๋ายหลี่ส่งคนมาเฝ้าใกล้ๆเรือทิพย์อยู่ตลอด รอให้ทั้งสองคนออกมา คิดจะหาโอกาสลอบโจมตี
ใครจะรู้ว่าเวลาสองวันนี้ ทั้งสองคนแม้แต่หัวก็ไม่โผล่ออกมาสักนิด
ผู้อาวุโสห้าป๋ายหลี่รอจนหัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไต เดือดพล่าน และสงสัยว่าพวกเขาจงใจซ่อนตัวอยู่ในเรือทิพย์ไม่ยอมออกมา
เรือทิพย์นั้นเป็นภัณฑ์เทพ การที่เขาลงมือก็ไม่แน่ว่าเขาจะสามารถทำลายภัณฑ์เทพได้ นับประสากับการจะฆ่าคนสองคนที่อยู่ข้างใน
“พี่ พวกเขาออกมาแล้ว ออกไปทางสุสานแล้ว”
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสห้าป๋ายหลี่ได้ยินคำรายงานจากลูกน้องของเขา
มุมปากยกยิ้มเยือกเย็นขึ้นมา เขาหลบและสุ่มโจมตีอยู่ใกล้สุสานโบราณ
“นายท่าน วันนี้ไม่ใช่โอกาสที่จะไปที่สุสาน ข้ารู้สึกได้ถึงอันตราย”
เมื่อถึงสุสานโบราณ เจ้าไป๋ ก็สื่สารกับนางในใจ
ตอนนี้เจ้าไป๋ได้กลายเป็นไม้แกะสลักที่แขวนอยู่บนคอของ จิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงซึ่งสามารถแสวงหาความโชคดีและหลีกเลี่ยงความโชคร้ายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
มันไม่สามารถสัมผัสถึงโชคได้เลย สัมผัสได้เพียงภัยพิบัติ
“นายท่าน นายท่าน มีชายชราตัวเหม็นต้องการจะฆ่าท่าน”
น้ำเสียงไร้เดียงสาเสียงหนึ่งผ่านเข้าไปในสมอง มันคือเสียงของ วิหคเพลิงน้อย
ในทุกๆวันวิหคเพลิงน้อยบินไปทั่วทุกที่ บินไปจนไม่เห็นแม้แต่เงา แต่ในช่วงเวลาสำคัญ มันก็จะบินออกมาอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...