องค์หญิงหลิงหยุนจ้องไปยังห้องรับรองโดยไม่วางตาย นางรู้สึกว่าอีกประเดี๋ยวเย่จายซิงก็จะต้องถูกผู้ดูแลโจวไล่ตะเพิดออกไปเป็นแน่
บัตรผลึกดำแม้ว่านางยังไม่มีเลย เย่จายซิงยิ่งไม่ควรจะได้ครอบครอง คงจะดวงดีเจอใครบังเอิญทำตกไว้เป็นแน่เลยเก็บเอามา
เพียงแค่ผู้ดูแลโจวตรวจสอบตัวสำนึกที่อยู่บนบัตรผลึก ติดต่อเจ้าของที่ทำหายตัวจริงได้ ความละโมบที่แท้จริงของเย่จายซิงก็จะถูกเปิดโปง นางรอที่จะซ้ำเติมเย่จายซิงอยู่
ใครจะไปรู้ว่ารอแล้วรอเล่า แต่กลับไม่มีใครไล่ตะเพิดเย่จายซิงออกมาเลย และตอนที่นางก็จะอดทนรอไม่ไหวแล้วนั้น ก็เห็นผู้ดูแลโจวเปิดประตูออกมา ใบกน้ามีรอยยิ้ม ค่อยๆ โค้งคำนับตัวลง ท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน
“คุณหนูเย่ เชิญ”
สีหน้าของเย่จายซิงเดินออกมาอย่างเกียจคร้าน
องค์หญิงหลิงหยุนอ้าปากค้างแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เป็นไปได้ยังไง!
หรือว่าบัตรผลึกดำนั้นเป็นของเย่จายซิงจริงๆ?
ไม่ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะมีเงินมากมายเช่นนั้น แม้ว่าตอนนั้นที่เทพสงครามยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่สามารถเก็บสะสมเงินมากมายได้เช่นนี้
นางคิดไปคิดมาก็นึกถึงจวินหยวน
แค่จวินหยวนเลี้ยงอสูรทิพย์กิเลนตัวเดียวก็หนักหนามากพอแล้ว แต่ไม่ว่าจะกินหรือใช้ล้วนต้องเป็นของดีที่สุด แม้แต่ในวังยังเทียบไม่ได้กับจวนอ๋องของเขาเลย
ความเป็นมาของจวินหยวนนั้นยังเป็นสิ่งคลางแคลงใจอยู่ คนที่นางส่งออกไปสืบทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ต่อมาก็เลยไม่กล้าที่จะสืบต่อไปแล้ว
นางขมวดคิ้วแล้วคิดในใจว่า
“หรือเป็นไปได้ว่าความจริงแล้วจวินหยวนมาจากตระกูลที่ร่ำรวย?”
แต่นางไม่เคยได้ยินว่าตระกูลที่ร่ำรวยนั้นมีแซ่จวินด้วย จึงคาดเดาไม่ได้ในตัวจวินหยวน
คิดไม่ถึงว่าจวินหยวนจะดีกับหญิงอัปลักษณ์ถึงเพียงนี้ นี่ทำให้ในใจของนางขัดแย้งกันอยู่ นางเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นคิดไม่ถึงว่ายังสู้คนอัปลักษณ์คนหนึ่งไม่ได้เลย
เย่จายซิงเดินก้าวใหญ่ไปด้านหน้า แม้แต่ชายตามององค์หญิงหลิงหยุนยังไม่เลย
องค์หญิงหลิงหยุนกัดริมฝีปากล่างแน่นแล้วเดินตามออกไป กล่าวด้วยเสียงทุ้มในตอนที่อยู่ใกล้กับนางว่า
“เย่จายซิง เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป พึ่งพาผู้ชายจะได้สักเท่าไหร่เชียว ก็คงไม่นานหรอก เจ้าก็ต้องถูกจวินหยวนทิ้ง!ความรู้ในตอนนี้ที่เขามีต่อเจ้าก็แค่เป็นความแปลกใหม่ อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยพบหญิงหน้าตาอัปลักษณ์เช่นเจ้าแบบนี้มาก่อน!”
เย่จายซิงค่อยๆ เลิกคิ้วขึ้นแล้วคิดว่าองค์หญิงคนนี้น่าจะสติไม่ดีหรือเปล่า?
นางก็ไม่ได้ถือสาอะไรต่อองค์หญิงเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ดูที่นางทำคิดไม่ถึงว่าจะมาหาเรื่องกับ
“ได้สิ งั้นพวกเราก็มารอดูกัน!”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่ได้เห็นองค์หญิงหลิงหยุนอยู่ในสายตาแม้แต่นิด
คนอย่างเย่จายซิงนางไม่ใช่ผู้หญิงที่จะเอาชีวิตรอดด้วยการพึ่งพาผู้ชายมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ที่ติดค้างจวินหยวนในตอนนี้อยู่นั้นนางก็จะคืนให้หมดสิ้น ต่อไปนางมีความสามารถที่แท้จริงแล้วก็ยิ่งไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายอีกต่อไป
ดังนั้นองค์หญิงหลิงหยุนคิดว่าคำพูดนี้จะทำให้นางอึ้งไปจนทำอะไรไม่ถูก ความจริงแล้วนางได้ฟังแล้วก็ไม่ต้องแปลกใจอะไร อีกอย่างในใจของนางไม่ได้มีจวินหยวนอยู่ แล้วจะไปรู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไรกัน
เพียงแค่คำว่า “อัปลักษณ์” ทำแสลงหูนาง แต่มันก็เป็นความจริง ใครให้พิษที่อยู่ในตัวนางดันลามขึ้นไปบนหน้ากัน
รอจนถึงตอนที่กำจัดพิษบนหน้าออกไปได้อย่างสิ้นเชิงก็ถึงเวลาที่นางจะต้องฟื้นฟูรูปลักษณ์ก่อนหน้านี้ของนาง
นางกวาดสายตามองไปยังองค์หญิงหลิงหยุนชั่วครู่ องค์หญิงหลิงหยุนแต่งหน้างดงามและละเอียดลออ ความเย่อหยิ่งที่อยู่ตรงหว่างคิ้วของนางแสดงให้เห็นถึงการถูกตามใจจนเคย แต่เห็นได้ชัดว่าดวงตาของนางกลับมืดมนเล็กน้อย จะสวยก็ว่าสวยแหละ แต่หากเปรียบกับนางในเมื่อก่อนแล้วนั้นคงจะเทียบไม่แค่เพียงหนึ่งดาวครึ่ง
ด้วยเหตุนี้สายตาที่มองไปนี้แฝงไว้ด้วยความหมายของการดูถูกรังเกียจเล็กน้อย
องค์หญิงหลิงหยุนมองมายังสายตาของนาง โมโหจนปอดจะระเบิด รูปลักษณ์ของตนราวกับดอกไม้ คนที่ตามจีบนางต่อแถวรอคิวกันไปถึงตอนตะวันออกเลย คิดไม่ถึงว่าหญิงอัปลักษณ์อย่างเย่จายซิงจะใช้สายตาที่เหยียดหยามดูถูกนางมาจ้องนางเช่นนี้ได้
ตามความคิดของนางมันก็คือการยั่วยุที่f6gfnvf
เย่จายซิงนางอาศัยว่ามีอ๋องเซ่อเจิ้งคอยให้ท้าย ไม่เห็นอำนาจฮ่องเต้อยู่ในสายตา ไม่เคารพองค์หญิง ช่างเป็นคนต่ำทรามที่ไร้คุณธรรมอย่างยิ่งยวด!
“เจ้ารอข้าก่อนละกัน!”
“ขึ้นมา”
จวินหยวนยื่นมือมาให้เย่จายซิง
ฝ่ามือของเขาทั้งใหญ่ทั้งกว้าง นิ้วทั้งห้ายาวเรียว นางเอามือวางลงไป มือเล็กๆ ที่ขาวสะอาดใหญ่แค่ครึ่งหนึ่งของมือเขาเท่านั้น
เขาจับอย่างเบาๆ ก็สามารถกุมมือของนางทั้งมือไว้แน่นได้แล้ว
ขึ้นไปบนเกี้ยวแล้ว เขาก็ยังไม่ได้ปล่อยมือ แต่กลับลูบไปยังแหวนที่อยู่บนนิ้วก้อยของนางอย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวว่า
“น้องซิงวันนี้มันเกิดความร้อนขึ้นมาหรือเปล่า?”
เย่จายซิงรีบส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ไม่นะ แล้วก็เจ้ามีประกายความร้อนขึ้นมาไหม?”
นางมองไปยังตำแหน่งหัวใจของเขา นางจำได้ว่าเขาเอาแหวนวงนั้นแหวนไว้ขนคอ แต่เสื้อผ้าปิดบังไว้มิดก็เลยมองอะไรไม่เห็น
จวินหยวนไม่ได้ตอบแล้วก็ปล่อยให้นางดึงมือกลับไป
เย่จายซิงก็ไม่ได้ถามต่ออีก นางหยิบเอาบัตรผลึกดำออกมาจากโลกเสมือนแล้วกล่าวว่า “อะให้ เสด็จอา ข้าคืนท่าน”
เป้าหมายในการขึ้นมาบนเกี้ยวของนางก็คือเพื่อคืนเงินให้แก่เขา
“ระหว่างเจ้าและข้าเป็นคู่หมั้นกัน ต้องแบ่งกันชัดเจนเช่นนี้เลยหรือ? หรือว่าน้องซิงเจ้าไม่อยากแต่งกับข้า?”
จวินหยวนมองมายังนาง ดวงตาลึกล้ำและแหลมคมเล็กน้อย
เย่จายซิงมองมายังเขาที่อารมณ์ไม่ปกติ ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ในหัวพยายามคิดหาทางออก
และตอนนี้เองจวินหยวนกลับโอบนางเข้ามาในอ้อมอก คางเกยอยู่บนบ่าของนาง ใช้น้ำเสียงทุ้มที่อ่อนโยนพูดอยู่ข้างหูนางว่า
“ไม่เป็นไรน้องซิง เจ้าเป็นอยู่ก็เป็นคนของข้า ถึงตายก็เป็นผีของข้า เจ้ากับข้าถูกลิขิตมาแล้วว่าจะต้องพัวพันด้วยกันในชาตินี้ เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”
เย่จายซิง: ……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...