บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 61

ในมือขององค์หญิงฉายเวยมียานิพพานเล็กหนึ่งเม็ด นางใช้เวลาเกือบครึ่งปีเพื่อที่จะร้องขอมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์

ที่ชื่อว่ายานิพพานเล็กก็เพราะว่าเหมือนกับยานิพพาน สามารถใช้ในการรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสที่เรื้อรัง ราวกับว่าสามารถเกิดใหม่ได้เลยก็ไม่ปาน

แต่ยานิพพานเล็กแม้ว่าจะเป็นยาขั้นหกเช่นกัน แต่ฤทธิ์ของมันมีเพียงไม่ถึงหนึ่งในสามของยานิพพานเท่านั้น

มีก็ดีกว่าไม่มีเยอะเลย อย่างน้อยก็สามารถรักษาชาของเย่ยู่หยางให้ดีขึ้นได้ องค์หญิงฉายเวยคิดไว้เช่นนี้

ไม่ง่ายเลยที่นางจะร้องขอยานิพพานเล็กมาได้หนึ่งเม็ด แล้วยังรีบร้อนเดินทางตรากตรำมายังแคว้นหงส์แดงอีก แน่นอนว่าย่อมไม่อยากฟังที่เหยียนฮั๋วกวงพูดว่าจะต้องเสียเวลาไปอีกหนึ่งคืน เพียงแค่อยากรีบให้เย่ยู่หยางได้กินมันลงไปเร็วๆ

เหยียนฮั๋วกวงสีหน้าเจ้าเล่ห์ มีแสงแห่งการอาฆาตแวบขึ้นมาที่ใต้ตา หากรู้เช่นนี้ตอนนั้นเขาก็ฆ่าเย่ยู่หยางทิ้งไปนานแล้ว

เขาไม่เข้ามจว่าเย่ยู่หยางก็เป็นคนพิการไปแล้ว ทำไมไฉเวยยังดูเป็นห่วงเป็นใยเขาเช่นนั้นอีก และคนดีเลิศเช่นนี้อย่างตนที่อยู่ข้างกายนาง นางกลับมองไม่เห็น

เขาจะไม่ให้เย่ยู่หยางได้มีโอกาสกินยานิพพานเล็กเม็ดนั้นอย่างแน่นอน คนพิการก็คือคนพิการ มีเพียงลมหายใจที่รอความตายเท่านั้น

เดิมทีเขาวางแผนไว้ว่ารอจนเข้าพักที่โรงเตี๊ยมก่อนแล้วค่อยให้คนไปขโมยยานิพพานเล็ก ในเมื่อไฉเวยไม่ฟังงั้นก็ได้เพียงทำให้นางตกใจบ้างเล็กน้อย

เขาทำสัญลักษณ์มือไปยังลูกน้อง

ลูกน้องพยักหน้าแล้วบีบป้ายหยกที่ข้างเอวให้แหลก

ชิ๊ว!

เสียงขลุ่ยยาวดังขึ้น ธนูเย็นเฉียบพุ่งมาจากอากาศที่อบอวลไปด้วยแสงเย็นวาบปักลงบนเกี้ยว!

“อารักขาองค์หญิง!”

เหยียนฮั๋วกวงชักดาบแล้วตะโกนเสียงดัง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”

องค์หญิงฉายเวยเอาหัวออกมาดู ปรากฏหให้เห็นหน้ารูปไข่ของสาวน้อยที่ละเอียดอ่อนงดงาม หิ้วที่น่ามองขมวดขึ้นมา

“องค์หญิงท่านอยู่ในเกี้ยวก่อนอย่าเพิ่งออกมา มีคนร้าย ข้าจะไปจัดการเด็ดหัวคนร้าย!”

ขณะที่พูดอยู่เหยียนฮั๋วกวงก็ตะโกนออกมาเสียงดัง แล้วพุ่งทะยานไปด้านหน้าด้วยความกล้าหาญอย่างไร้ความกลัว

องค์หญิงฉายเวยคิดว่าก็เป็นแค่คนร้ายธรรมดาๆ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะอุกอาจและจำนวนเยอะมาก

เพียงชั่วพริบตาก็สังหารลูกน้องของนางจนไม่เป็นชิ้นดีเลย สุดท้ายก็เหลือไว้เพียงนาง เหยียนฮั๋วกวงและลูกน้องของเขาหนึ่งคน พวกเขาสามคนถูกล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนา

และตอนที่คนร้ายคนหนึ่งฟันดาบลงมา ตอนนั้นเหยียนฮั๋วกวงยกมือขึ้นบังดาบนี้เอาไว้ให้นาง เขาคร่ำครวญออกมาชั่วครู่แล้วเลือดก็ไหลอาบชุดสีขาวไปหมด

“องค์หญิง!รีบหนีไป!”

เขาบังไว้ด้านหน้านาง

องค์หญิงฉายเวยกล่าวขึ้นอย่างทันทีว่า “ข้าไม่ทิ้งเจ้าไว้หรอก พวกเราฆ่ามันออกไปด้วยกัน!”

เหยียนฮั๋วกวงส่ายหัวแล้วกล่าวด้วยเสียงแหบอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า

“ไม่ องค์หญิง พวกเราไม่สามารถหนีออกไปได้ ข้าต้องให้ท่านมีชีวิตรอดออกไป แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตข้าก็ตาม ข้าก็ต้องให้ท่านหนีออกไปให้ได้!ท่านรีบไปซะ เข้าไปในเมืองหลวงก็ปลอดภัยแล้ว!”

และขณะที่พูดอยู่เขาก็ผลักนางออกไปอย่างรุนแรง ส่วนตนเองและลูกน้องอีกสองคนฟาดฟันต่อสู้กับคนร้ายจำนวนมากอย่างสุดกำลัง

องค์หญิงฉายเวยมองร่างของเขาที่เลือดอาบจากการต่อสู้ก็กัดริมฝีปากอย่างรุนแรง หันหน้าแล้วรีบวิ่งไปทางเมืองหลวง เขาจะไปเรียกกำลังเสริมให้มาช่วยเหยียนฮั๋วกวง จะให้เขามาตายเพราะนางไม่ได้

เหยียนฮั๋วกวงที่อยู่ในกลุ่มของคนร้ายก็ยิ้มอย่างได้ชัยออกมาที่มุมปาก ส่งสายตาให้คนร้ายสองสามคนไล่ตามไป

ยานิพพานเล็กอยู่ในถุงสัมภาระขององค์หญิงฉายเวย เพียงแค่แย่งชิงถุงสัมภาระมาได้ก็เป็นเรื่องดีที่ต้องฉลองแล้ว

องค์หญิงฉายเวยวิ่งมาได้ช่วงหนึ่งก็มีคนร้ายไล่ตามมา ผลการฝึกตนของคนร้ายสูงกว่านาง นางหวาดระแวงทำอะไรไม่ถูก แต่มือยังจับถุงสัมภาระนั้นไว้อยู่

ชีวิตได้รับการข่มขู่ และนาทีแรกที่นางนึกถึงก็คือเย่ยู่หยาง ก็เลยหยิบป้ายหยกขึ้นมาส่งข่าวให้เขา หากนางตายนางหวังว่าเขาจะสามารถมาช่วยเก็บศพให้นางได้

“ใครเป็นคนส่งพวกเจ้ามา แม้ว่าต้องตายก็ขอให้ข้าได้รู้เพื่อตายตาหลับ!”

นางเงยหน้าขึ้นไม่ยอมอ่อนข้อ

คนร้ายยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าวว่า

เย่ยู่หยางเขย่าตัวองค์หญิงฉายเวยอย่างเบาๆ

“เจ้าหลีกไป เป็นเพราะเจ้า หากองค์หญิงไม่ใช่เพราะว่ามาส่งยานิพพานเล็กให้เจ้าจะไปได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?”

เหยียนฮั๋วกวงผลักเขาออกไป แล้วควักยาออกมาหนึ่งเม็ดยัดเข้าปากองค์หญิงฉายเวยไป

“เจ้าพูดอะไร? นางมาที่นี่ก็เพื่อข้างั้นหรือ?”

เย่ยู่หยางแปลกใจเป็นอย่างมาก

แค่ครู่เดียวหลังจากได้รับยาไปองค์หญิงฉายเวยก็ค่อยๆ เริ่มรู้สึกตัว

“เย่ยู่หยาง!”

พอนางลืมตาขึ้นมาก็เห็นหน้าของเย่ยู่หยาง ตื่นเต้นดีใจจนดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็โอบคอเขาเอาไว้แน่น และเหยียนฮั๋วกวงที่อยู่ใกล้นางมากกว่ากลับถูกนางมองข้าม

เห็นคนที่ตัวเองรัก ใครจะไปสนใจผู้ชายที่ไม่ได้สลักสำคัญคนอื่นได้เล่า?

เหยียนฮั๋วกวงกำหมัดแน่น สีหน้าน่าเกลียดราวกับว่ากินแมลงวันเข้าไปก็ไม่ปาน

เย่ยู่หยางหน้าแกง แล้วบอกให้นางปล่อยมือออก อีกทั้งยังถอยหลังไปหลายก้าว องค์หญิงฉายเวยดูกระตือรือร้นมาก เขาไม่ชินเท่าไร

องค์หญิงฉายเวยไม่ได้โมโหต่อสิ่งที่เห็น เพราะเมื่อก่อนเขาก็เป็นเช่นนี้ ให้ความรู้สึกปฏิเสธออกห่างจากคนอื่นได้หลายพันลี้เลย แต่เสด็จพ่อบอกว่าผู้ชายดีๆ ก็จะกลัวผู้หญิงเซ้าซี้ นางเชื่อมั่นว่านางจะค่อยๆ โน้มน้าวเขาได้

“องค์หญิง นี่คือถุงสัมภาระของท่านหรือเปล่า?”

เหยียนฮั๋วกวงหยิบถุงสัมภาระที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วกล่าวกับนาง

“เป็นของข้าเอง คิดไม่ถึงว่าคนร้ายคนนั้นจะขโมยถุงสัมภาระของข้า!” องค์หญิงฉายเวยโมโหมากรีบใช้ตัวสำนึกตรวจดู

“ฮะ!ยาของข้าหายไปแล้ว!”

นางตะโกนเสียงดัง สักพักตาก็แดงขึ้น

นั่นมันคือยาที่นางร้องขอมาเป็นระยะเวลาครึ่งปีเชียวนะกว่าจะได้เอามาให้เย่ยู่หยาง!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา