บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 87

สัตว์ร้ายเบื้องหลังกำลังมาถึง ขาข้างหนึ่งของเย่จายซิงย่ำเข้าไปในเจดีย์โบราณ

ประตูปิดอัตโนมัติ ลำแสงยามโพล้เพล้ สิ่งที่เข้าตาอย่างแรกคือพระพุทธทองคำ ดวงตาเปี่ยมเมตตามองสรรพสัตว์จากเบื้องบน

หน้าพระพุทธรูปมีโต๊ะไม้มะเกลือ เรียงรายไปด้วยเครื่องบูชา มีลูปประคำวางตามใจชอบอยู่เส้นหนึ่ง ธูปสามดอกในกระถางมอดไหม้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง

ควันธูปลอยเป็นสายอยู่กลางอากาศ กลิ่นชะมดอ่อน ๆ เข้าสู่โพรงจมูก

เย่จายซิงมองไปรอบ ๆ ที่นี่เหมือนสถามธรรมแห่งหนึ่ง บนพื้นมีเบาะนิ่มที่ใช้สำหรับคุกเข่าทำพิธีไว้ไม่ได้เก็บ หมายความว่าก่อนหน้าไม่นาน มีคนคุกเข่าไหว้พระอยู่นี่

นางไม่รู้ว่าแดนลวงตานี้มีการคุกคามหรือไม่จึงไม่เที่ยวเตร็ดเตร่ ยืนอยู่ปากประตู ในแดนลวงตาปล่อยญาณทิพย์ไปก็ไม่มีประโยชน์ ที่นี่เดิมทีก็เป็นแค่สภาพแวดล้อมมายา สิ่งที่ญาณทิพย์เห็นก็เป็นแค่สิ่งที่ไร้ตัวตน นางได้แต่ดูการเปลี่ยนแปลงของมันอย่างเงียบ ๆ

“อะซู ทำไมเจ้ามายืนอยู่ที่นี่ ลมแรง เจ้าตากเข้าแล้วจะปวดหัว ไป ข้าจะพาเจ้าเข้าไปพักข้างใน”

ในเวลานี้เอง อยู่ ๆ ก็มีเสียงอ่อนโยนของชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างตัวนาง

พอนางชม้อยตาขึ้น ก็เห็นชายหนุ่มสุภาพเรียบร้อยคนหนึ่งพูดกับนาง

เย่จายซิงก้มหน้าดูตัวเองด้วยสัญชาตญาณ พบว่าไม่รู้เมื่อไหร่ที่เสื้อผ้าบนตัวเปลี่ยนเป็นกระโปรงยาวสีขาวไปทั้งตัว บนมือไม่มีวงแหวน

มือคู่นี้ก็ไม่ใช่ของนาง ขาวจนโปร่งใส ซึ่งเหมือนคนป่วยถึงขั้นซีดเซียว

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

หรือนางกลายเป็นอะซู่ที่ชายผู้นั้นเรียก?

พอการคาดเดาเกิดขึ้นในสมอง นางก็พบว่าร่างกายไร้การควบคุมเดินตามชายผู้นั้นเข้าไปแล้ว

ชั้นที่หนึ่งในเจดีย์โบราณยังมีห้องอื่นอีก แต่ชายหนุ่มพานางไปยังชั้นที่สอง นั่นคือห้องโบราณส่วนตัวของหญิงสาว ชายหนุ่มพยุงนางนั่งที่ข้างโต๊ะ แล้วรินชาร้อนให้นางอย่างอ่อนโยน

เย่จายซิงพบว่าร่างกายนางไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของนาง ค่อย ๆ กลืนน้ำชาคำเล็ก ๆ ลงคออย่างเชื่อฟัง

ชายหนุ่มเผยรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย อ่อนโยนดุจน้ำ

จากนั้นชายหนุ่มก็คุยกับนางมากมาย เป็นเรื่องมโนสาเร่ อย่างลูกของบ้านน้าจางซุกซนตกลงมาจากต้นไม้ บุตรชายคนโตไม่เอาไหนบ้านลุงหวางขโมยสมบัติที่ตกทอดไปขายเอาไปเล่นการพนันเป้นต้น

เรื่องราวเหล่านี้เต็มไปด้วยสีสัน ราวกับพวกเขาเป็นแค่สามัญชนที่อาศัยอยู่ในตรอก ล้อมรอบไปด้วยผู้คนธรรมดา ทุกครอบครัวมีแต่ปัญหา

แต่เย่จายซิงสังเกตว่า มีแต่ชายหนุ่มคนเดียวที่พูด หญิงสาวที่ชื่อว่าอะซู่ไม่เอ่ยอะไรสักคำ แม้แต่ท่านั่งก็ไม่เปลี่ยน

ส่วนชายหนุ่มเหมือนชินมานานแล้ว เขาพูดจาเหมือนการเล่านิทาน ไม่มีการตอบกลับก็ยังคงพูดด้วยความอ่อนโยน

การคลุกคลีเช่นนี้น่าแปลกมาก ต่อให้หญิงสาวเป็นใบ้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่ไม่ขยับตัวเลย

“เอาล่ะ อะซู่ ฟ้ามืดแล้ว เจ้าควรพักผ่อนแล้ว ข้าจะพยุงเจ้าไปเอนตัว”

อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็ยืนขึ้น พยุงแขนของนาง เย่จายซิงรู้สึกว่าตัวเองยืนขึ้น เดินไปที่เตียง

ชายหนุ่มประคองนางเอนตัว ห่มผ้าให้นางอย่างอ่อนโยน พูดเสียงเบา ๆ ว่า: “หลับเถอะนะ อะซู่”

นางจึงหลับตา จิตเข้าสู่ความมืดมิด

เย่จายซิงร้อนใจ อยากหลุดพ้นจากกายนี้ แต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน อยู่ ๆ ก็ได้เสียงเรียกของชายหนุ่มผู้นั้นข้างหู:

“อะซู่ ตื่นได้แล้ว”

พอสิ้นเสียง ในที่สุดนางก็ลืมตาได้ เห็นแสงสว่าง

ภาพในม่านตาก็คือใบหน้าอ่อนโยนคมคายของชายผู้นั้น ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก ประคองนางลุกขึ้น ตักน้ำล้างหน้าให้นาง หวีผม เขียนคิ้ว……

นี่เป็นแค่เนื้อหนังมังสาที่ไร้ดวงวิญญาณที่ถูกฝึกให้เป็นหุ่นเชิด ถูกชายหนุ่มผู้นั้นควบคุม

ชายหนุ่มให้นางทำอะไรนางก็ทำ

ชายหนุ่มรักนางแน่นอน สายตาไม่ได้หลอกลวง

แต่ความรักเช่นนี้ผิดอาการเกินจนกลายเป็นความจมปลัก

“ไม่ได้ จะไหว้ฟ้าดินไม่ได้ พอไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากัน ความจมปลักของชายหนุ่มเกรงว่าจะยิ่งถลำลึก เข่นนั้นเราจะยิ่งออกไปไม่ได้!”

เย่จายซิงคิดอย่างร้อนใจ

นางยังไม่ทันคิดหาทางใด ๆ ชายหนุ่มก็กลับมาแล้ว

“อะซู่ ข้าจะช่วยเจ้าหวีผม คืนนี้เราจะแต่งงานกันแล้ว ข้าดีใจจัง เจ้าไม่รู้สินะว่าข้ารอวันนี้มานานกี่ปี ข้าจะเปิดผ้าคลุมสีแดงของเจ้าด้วยตัวข้าเอง ฟังเจ้าเรียกข้าว่าสามี เราจะมีลูกด้วยกันเป็นกอง จริงสิ เจ้าไม่ชอบเด็ก อย่างนั้นเราก็ไม่ต้องมี ขอแค่เจ้าอยู่เคียงข้างข้าตลอดไป ยังไงก็ได้หมด”

เขาหวีผมอย่างคล่องแคล่ว พูดกับตัวเอง แล้วก็คลุมผ้าสีแดงให้นาง

“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ วันนี้ข้าเชิญพวกน้าจางมาดื่มสุราที่นี่ พวกเขามายินดีกับพวกเรา รอส่งพวกเขาแล้ว ก็เป็นคืนที่เราจะส่งตัวเข้าหอกัน”

ชายหนุ่มมองหญิงสาวในชุดแต่งงานสีแดงอย่างหลงใหล หันตัวจากไป

เย่จายซิงร้อนใจเหมือนมดบนกระทะร้อน ส่งตัวเข้าหอน้องเจ้าสิ !นางยังอยู่ในร่างกายนี้อยู่เลย รอนางออกไปก่อนแล้วค่อยส่งตัวไม่ได้เหรอ?

แต่นางร้อนใจไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ร่างกายนี้เสมือนกำแพงที่หนาแน่น  ส่วนนางเป็นเหมือนวิญญาณที่เร่ร่อน ทำยังไงก็ผ่านไปไม่ได้

หญิงสาวนั่งอยู่บนเตียงอย่างเชื่อฟัง มือทั้งคู่วางบนหัวเข่า ไม่ขยับตัวเลย

ข้างนอกเหมือนมีเสียงดนตรีรื่นเริงดังขึ้น แล้วก็เสียงผู้คนจอแจ อย่างกับมีแขกเหรื่อมากมายมางาน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา