บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1003

ออกมาจากอุโมงค์เวลา เป็นตำหนักบรรทมของไทเฮา

เป็นเวลานานหยวนชิงหลิงก็สงบอารมณ์จิตใจลงไม่ได้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตานี้ ก็เป็นการจากบ้านอีกครั้งแล้ว อดไม่ได้ที่น้ำตาจะไหลพรากออกมา

ไทเฮาหลงพูดปลอบใจว่า “ไม่จำเป็นต้องเสียใจมากเกินไป ขอเพียงมีใจ อย่างไรเสียก็สามารถพบกันได้อีก”

หยวนชิงหลิงมองไทเฮาหลงด้วยน้ำตา “ถ้าหากวันหน้าคิดถึงบ้าน สามารถมาขอร้องพระองค์ให้ส่งหม่อมฉันอีกสักครั้งได้หรือไม่ ”

“ไม่ดี ”ไทเฮาหลงยิ้ม จ้องมองนาง “คิดหาวิธีเอาเองเถอะ ไตร่ตรองให้มากขึ้นอีกสักหน่อย ก็สามารถไขความลับของทะเลสาบจิ้งได้ ”

ใช่แล้ว ยังมีทะเลสาบจิ้ง หยวนชิงหลิงตัดสินใจเงียบๆ หลังจากกลับไปจัดการเรื่องของหมันเอ๋อเสร็จแล้ว ก็จะพาพวกเด็กๆไปที่ทะเลสาบจิ้ง

พูดถึงอะซี่กับสวีอีที่เอายันต์เลือดเดินทางตรงไปยังหนานเจียง

หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกันแล้ว ก็ไม่เคยจะได้ออกเดินทางกันตามลำพังในที่ที่มีระยะทางไกลเช่นนี้ และการไปครั้งนี้ยังเป็นการไปเสี่ยงอันตราย

ฉะนั้นตลอดการเดินทางในครั้งนี้สวีอีรู้สึกจิตใจไม่สงบนัก ได้แต่กำชับอยู่ตลอด ถ้าหากพบเจอกับอันตราย มีโอกาสให้รีบหนีทันที อย่าสนใจเขาอย่างเด็ดขาด

อะซี่นั้นชอบที่จะคิดสวนทางกับเขา ควบม้าห้อตะบึงอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มสดใสราวกับแสงอาทิตย์ “ไม่ ข้ากับเจ้าต้องตายก็ตายพร้อมกัน”

สวีอีนิ่งอึ้ง ไล่ตามนาง “ตอนที่แต่งงานกัน เจ้าเคยรับปากแล้วว่าเรื่องใหญ่ล้วนจะเชื่อฟังข้า”

“เรื่องของประเทศชาติจึงจะนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ ความเป็นความตายและเกียรติยศส่วนตัวเป็นเรื่องเล็ก”อะซี่ยิ้ม “ท่านย่าบอกกับพวกเราเช่นนี้”

“แต่งงานออกเรือนต้องเชื่อฟังสามี ตอนนี้เจ้าต้องเชื่อฟังข้า”สวีอีรู้สึกลนลานขึ้นมา “เจ้าจำคำพูดนี้เอาไว้ให้ดี ถ้าหากมีอันตราย จำเป็นต้องหนี หนีกลับไปแล้วค่อยคิดหาวิธีการมาช่วยข้า”

“เจ้าตายใจเถอะ สวีอี เกี่ยวกับปัญหานี้ข้าไม่มีทางฟังเจ้าอย่างแน่นอน ในเมื่อพวกเราออกรบพร้อมกัน ถ้าหากท่านมีอันตราย ข้าไม่มีทางหลบหนีอย่างเด็ดขาด ในเมื่อแต่งงานกับเจ้าแล้ว ข้าก็ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่และตายพร้อมกับเจ้า ถ้าหากข้ามีอันตราย เจ้าจะทิ้งข้าไว้ไม่สนใจหรือ”

สวีอีได้ยินคำพูดนี้ ก็นิ่งไปชั่วครู่ ดวงตามีความร้อนผะผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย

สิ้นสุดคำพูดของอะซี่ สวีอีก็ไม่พูดถึงเรื่องที่ถ้าหากพบเจออันตรายให้นางหนีไปก่อน เพราะคิดในทางกลับกัน ถ้าหากอะซี่มีอันตราย เขาเองก็ไม่มีทางหนีไปก่อนแน่นอน

และพูดถึงหยู่เหวินเทียนที่พาแม่นมฉินเร่งเดินทางไปที่หนานเจียง ว่ากันตามความเร็วในการเดินทาง จะไปรวมตัวกับพวกพี่สามที่เมืองลู่ของหนานเจียง หลังจากรวมตัวกันแล้ว ก็สามารถขึ้นภูเขาไปด้วยกัน

ระหว่างทางเสียเวลาอยู่บ้าง เพราะหลังจากที่เดินทางมาได้ประมาณสองวันครึ่ง หมันเอ๋อก็ปรากฏตัวขึ้น

การปรากฏตัวของหมันเอ๋อทำให้แม่นมฉินตื่นเต้นมาก จะให้นางกลับเมืองหลวงทันที แต่ว่าหมันเอ๋อไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินยอม หาทางออกกันไม่ได้เป็นเวลาครึ่งวัน และด้วยเหตุนี้ทำให้เสียเวลาไปครึ่งวัน

สุดท้ายหยู่เหวินเทียนตัดสินใจจะพาหมันเอ๋อไปด้วย เขาเกลี้ยกล่อมแม่นมฉินด้วยตนเอง ถ้าหากเป็นกังวลในตัวหมันเอ๋อ เขาจะพยายามอย่างสุดกำลังในการปกป้องความปลอดภัยของหมันเอ๋อ

แม่นมฉินยังคงไม่เห็นด้วย นางไม่ได้ดูถูกหยู่เหวินเทียนหรือไม่เชื่อในตัวเขา แต่ความซับซ้อนและโหดเหี้ยมของเจียงเป่ย เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่มีทางนึกถึงได้

ในความคิดของนาง หยู่เหวินเทียนเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง แค่ปกป้องตนเองยังลำบากไหนเลยจะสามารถปกป้องหมันเอ๋อได้ และเมื่อถึงยามคับขันอันตรายที่สุด โรมรันฆ่าฟันกัน ใครยังจะมีเวลาไปสนใจคนอื่นอีก

นางดึงตัวหมันเอ๋อเข้าไปในป่า ยังไม่ทันได้พูดจา หมันเอ๋อก็พูดขึ้นมาว่า “แม่นมฉิน ท่านอย่าได้ร่ายเวทมนตร์หรือคาถาต่อข้า ที่ท่านรู้พวกนั้น ข้าก็รู้ ข้าแก้ไขได้ ”

แม่นมฉินรู้สึกท้อใจขึ้นมาทันที “หมันเอ๋อ ทำไมเจ้าไม่ฟังคำพูดของข้า เจ้าจะไปไม่ได้”

“พระชายารัชทายาทบอกว่า ”หมันเอ๋อมองนาง สายตามีแววซับซ้อน“ ท่านเป็นแม่ของข้า แต่ข้าสามารถบอกท่านอย่างมั่นใจได้ว่า ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่ลูกสาวของท่าน ข้าไม่ใช่ลูกสาวของอ๋องหนานเจียง”

แม่นมฉินสีหน้าขาวซีด มองนางและไม่พูดจา

หยู่เหวินเทียนรู้สึกหวาดกลัวอ๋องอันอยู่บ้าง เห็นเขาก็มาด้วย ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่ก็เข้าไปทักทายเรียกเขาว่าพี่สี่อย่างขลาดกลัว

อ๋องอันเหลือบมองเขาอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง “น้องห้าให้เจ้ามาหรือ เจ้าเด็กเมื่อวานซืน จะทำงานใหญ่อะไรได้ พาคนมาก็พอ ไม่ต้องตามขึ้นไปบนเขา ”

หยู่เหวินเทียนถูกดูถูก ในใจรู้สึกไม่พอใจมาก โต้แย้งว่า “ข้าเคยออกรบในสนามรบแล้ว ข้าไม่กลัวที่จะต้องไปเจียงเป่ย”

อ๋องอันเอ่ยเสียงเย็นว่า “เคยออกรบแล้วอย่างไร คนมากมายก็เคยออกรบ แม้แต่บัณฑิตยังเคยเป็นผู้บัญชาการทหารยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้า ตอนเจ้าออกรบข้างกายเจ้ามีคนตั้งเท่าไหร่คอยปกป้องเจ้า การไปเจียงเป่ยครั้งนี้ คงไม่มีใครสามารถดูแลเจ้าได้ พวกเราคนน้อย เจ้าอย่าได้เพิ่มความวุ่นวายอย่างเด็ดขาด กลับไปเถอะ”

หยู่เหวินเทียนแม้จะกลัวเขา พอได้ยินคำพูดนี้ก็ดื้อดึงขึ้นมา “ข้าไม่กลับไป ข้าจะตามพี่สามขึ้นเขาไปด้วยกัน “

อ๋องอันกลอกตาขึ้น พูดกับอ๋องเว่ยว่า “เจ้าบอกเขา ประเดี๋ยวพวกเราจะได้ไม่ต้องมาคอยปกป้องเขา”

อ๋องเอ่ยกลับพูดว่า “ข้าเชื่อในตัวน้องเก้า น้องเก้าได้เปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว”

อ๋องอันรู้สึกขัดใจ “เหลวไหล ถ้าหากเขาเป็นอะไรไป เสด็จพ่อกล่าวโทษขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ เจ้าอย่าได้ผลักมาบนตัวข้า ตอนนี้ข้าเองแม้แต่ผีสางเทวดายังรังเกียจ คนใกล้ชิดก็ตีตัวออกห่างไปหมดแล้ว แบกรับโทษทัณฑ์นี้ไม่ไหว”

“ข้าจะแบกรับเอง ข้าอายุยี่สิบแล้วนะ”หยู่เหวินเทียนโมโหจนเบิกตากว้าง

อ๋องอันนิ่งอึ้ง มองเขาอย่างประหลาดใจ “ยี่สิบแล้วหรือ”

หยู่เหวินเห้ารู้สึกล้มเหลวมาก ทำไมทุกคนจึงได้คิดว่าเขายังเป็นเด็ก เขาอายุยี่สิบปีแล้ว ยี่สิบแล้ว คนมากมายตอนอายุยี่สิบต่างก็ลูกชายแล้ว

อ๋องอันยังคงนิ่งอึ้ง น้องเก้ายี่สิบปีแล้ว เขาโตกว่าน้องเก้าหนึ่งรอบ เขาอายุสามสิบสองปีแล้ว เฮ้อ เขาก็อายุสามสิบสองปีแล้ว ได้ก้าวเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน