บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1208

นางมองหยวนชิงหลิง พูดว่า “เพราะฉะนั้น จึงอิจฉาเจ้ากับรัชทายาทมาก หลายปีแล้ว รัชทายาทไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานกับคนอื่น ได้แต่ใช้ชีวิตอยู่กับเจ้า”

หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงเบาว่า “อืม ใช่แล้ว ข้ารู้สึกว่าข้าก็มีความสุขมากจริงๆ”

หยวนชิงหลิงพูดเช่นนี้ ในใจกลับมีความรู้สึกเสียดสีอยู่บ้าง นางรู้สึกมีความสุข ไม่ใช่เพราะว่าเจ้าห้ามีแค่นางคนเดียวเท่านั้น แต่เพราะเจ้าห้าดีกับนาง พวกเขารักกัน พวกเขาอยู่ด้วยกัน

ซื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิตของตนเอง นี่เป็นหลักพื้นฐานสำคัญ แต่ว่าในยุคสมัยนี้ กลับกลายเป็นตัวแทนความหมายของความสุข

จากนั้นฮู่เฟยหัวเราะออกมา“แต่ว่า ข้าไม่สามารถไม่พอใจได้ นี่เป็นการเลือกของตัวข้าเอง ตอนที่ข้าทำการตัดสินใจก็รู้แล้วว่าภายหน้าจะต้องพบเจอกับเรื่องเช่นนี้ เพียงแต่หลายปีมานี้ฮ่องเต้ดีกับข้า ข้าก็อดไม่ได้ที่จะคิดฟุ้งซ่าน ภายหน้าหากข้างกายเขาไม่มีหญิงอื่นอีก นั่นก็คงจะดีมาก ข้าโลภมากไปหรือไม่ สุดท้ายข้าก็ไม่สามารถเลี่ยงขนบธรรมเนียมได้ ”

หยวนชิงหลิงฝืนยิ้ม “ผู้หญิงต่างก็หวังว่าผู้ชายของตนเองจะมีแค่ตนเองคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ความโลภ”

“แต่เขาเป็นฮ่องเต้ ฮ่องเต้แม้จะรักผู้หญิงคนหนึ่งมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถมีแค่นางคนเดียวเท่านั้น ราชวงศ์จะต้องมีทายาทสืบทอดก็ต้องมีคนในวังหลังที่เพียงพอ ไม่ว่าจะฮ่องเต้ราชสมัยใด ไม่มีนางงามในวังในสามพันคนกัน และนี่เดิมทีก็เป็นข้อบังคับของบรรพบุรุษ ”ฮู่เฟยเอาแต่สนใจความหดหู่ในใจตัวเอง กลับไม่รู้เลยว่าคำพูดนี้เมื่อหยวนชิงหลิงฟังแล้ว รู้สึกไม่สบอารมณ์มาก

เมื่อออกมาจากตำหนักของฮู่เฟย หยวนชิงหลิงก็ไปเยี่ยมฮองเฮา ตอนนี้ฮองเฮากำลังกินยาจีน ดูแล้วอาการดีขึ้น กำลังนั่งคุยอยู่กับตี๋กุ้ยเฟยและหวงกุ้ยเฟยข้างใน

และเป็นจังหวะพอดี ที่พวกนางกำลังคุยถึงเรื่องเลือกนางสนม

แม้ว่าตอนนี้ฮองเฮาจะไม่มีอำนาจในการควบคุมวังหลังแล้ว แต่ว่าหวงกุ้ยเฟยเห็นนางมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ว่าอย่างไรก็เคารพนางเป็นฮองเฮา ฉะนั้นจึงมาด้วยตนเอง รายงานเรื่องนี้ให้นางฟัง

เดิมทีหยวนชิงหลิงคิดว่าน้อมทักทายแล้วก็จะขอตัวลา แต่ฮองเฮาให้นางรอก่อนสักครู่ รอให้พูดเรื่องนี้จบแล้ว ให้นางช่วยตรวจดูว่าอาการดีขึ้นบ้างหรือไม่

หยวนชิงหลิงจึงได้แต่นั่งรอชั่วคราว มองดูองค์ชายแปดกับองค์ชายสิบที่เล่นกันอยู่ข้างๆ แต่บทสนทนาของพวกนาง อยากจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินนั้นเป็นไปไม่ได้เลย

ฮองเฮาเอ่ยขึ้นว่า “เดิมทีปีที่ไทเฮาทรงสวรรคต ก็ควรต้องจัดการคัดเลือกแล้ว แต่ว่าตอนนั้นก็ไม่เหมาะสม เลื่อนมาจนถึงปีนี้ ข้านั้นไม่มีความคิดเห็นอะไร มีกฎของบรรพชนอยู่ ไม่สามารถคัดค้านได้

ตี๋กุ้ยเฟยพูดว่า “เพียงแต่ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการคัดเลือกนางสนม ใช้ข้ออ้างเรื่องงานยุ่งผลักไสอยู่ตลอด ตอนนี้จะทรงเห็นด้วยหรือไม่”

ฮองเฮาพูดว่า “ทรงจะเห็นด้วยหรือไม่นั้นค่อยว่ากันอีกที แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่วังหลังต้องทำ ถ้าหากไม่เห็นด้วยจริงๆ ฮ่องเต้จะทรงห้ามเอง ข้าได้ยินว่า ที่จริงในราชสำนักก็มีขุนนางเก่าแก่ได้ถวายฎีกาให้ฮ่องเต้เลือกนางสนม เพียงแต่ฮ่องเต้ไม่ให้ความสนใจเท่านั้น แต่ว่า คนที่รู้ ต่างก็บอกว่าฮ่องเต้ขยันในการบริหารบ้านเมือง ไม่ถูกวังหลังทำให้เสียเวลา คนที่ไม่รู้ เกรงว่าจะพูดกันไปว่าฮู่เฟยทำให้ฮ่องเต้หลงใหลหรือไม่ก็บอกว่าหวงกุ้ยเฟยที่มีอำนาจดูแลวังหลังเกิดความอิจฉา จึงไม่ให้ฮ่องเต้เลือกนางสนม ”

ขณะที่ฮองเฮาพูด ก็มองไปยังหวงกุ้ยเฟยด้วยสายตาเรียบเฉย เพิ่มอีกประโยคหนึ่งว่า “คำกล่าวหาพวกนี้ ไม่รู้ว่าหวงกุ้ยเฟยยินดีแบกรับหรือไม่”

ตอนนี้หวงกุ้ยเฟยกำลังตั้งครรภ์รู้สึกพอใจกับทุกเรื่อง ได้ยินคำพูดของฮองเฮา นางยิ้มบางๆ “คำกล่าวหานี้หม่อมฉันแบกรับไม่ไหว เรื่องนี้ฟังบัญชาของฮองเฮา จะจัดก็จัด เพียงแต่หม่อมฉันมีลูกตอนอายุมากแล้ว……”นางเอ่ยถึงตัวเองเช่นนี้ กลับหลุดเสียงหัวเราะออกมา “หม่อมฉันคงจัดงานไม่ไหว เอาอย่างนี้ มอบหมายให้กุ้ยเฟยไปจัดการดีหรือไม่ แน่นอนว่า ตอนนี้ต้องตัดสินใจกันก่อนว่าจะจัดหรือไม่ ถ้าหากจะจัดค่อยเลือกคนจัดงาน”

ตี๋กุ้ยเฟยเดิมทีไม่ค่อยเห็นด้วยกับการคัดเลือกนางสนมเท่าไหร่นัก แต่พอได้ยินคำพูดของหวงกุ้ยเฟยแล้ว ก็รีบเหลือบสายตาขึ้นมาทันที “ในเมื่อเป็นข้อบังคับของบรรพบุรุษ เช่นนั้นก็ฟังที่ฮองเฮาพูด สมควรจัดก็จัด”

หยวนหย่งอี้บอกว่า “ตอนนี้โรงหมอมากมายทำการตรวจรักษาแค่วันละห้าสิบคน หลังคนที่หาสิบก็ไม่ตรวจแล้ว คนที่มีอาการป่วยกะทันหัน เพื่อแย่งให้ได้เป็นผู้รับการรักษา เหล่าญาติๆจึงทะเลาะชกต่อยกันขึ้น ต่อยตีกันรุนแรงมาก ใช้ทั้งมีดทั้งอิฐ สองคนจึงต้องตายไปเช่นนี้เอง”

หยวนชิงหลิงฟังนางพูดด้วยอาการนิ่งอึ้ง เรื่องนี้เจ้าห้าต้องรู้อย่างแน่นอน แต่ว่าเจ้าห้าไม่ได้บอกกับนาง คาดว่าเพราะเกรงว่านางรู้แล้วจะร้อนใจและเป็นทุกข์

ออกจากวังแล้ว หยวนชิงหลิงยังคงครุ่นคิดถึงปัญหานี้ องค์หญิงฮุ่ยผิงจะรู้ถึงผลที่เกิดขึ้นเช่นนี้หรือไม่ โรคเรื้อรังสามารถรอได้ แต่โรคที่กำเริบกะทันหันจะรอได้อย่างไร นางร่วมมือกับโรงหมอในเมืองหลวงรับแค่ผู้ป่วยห้าสิบคนต่อวันเพื่อต้องการกดดันเจ้าห้า มองจากมุมของคนทำการค้า นางจะรับผู้ป่วยกี่คนก็มีนางเป็นคนตัดสินใจเอง ใครก็ยุ่งเกี่ยวไม่ได้ อย่างน้อยนางไม่ทำผิดกฎหมาย

แต่ใช้การรักษามาเป็นการค้าอย่างหนึ่ง มองจากมุมของคุณธรรม เป็นการไร้ซึ่งคุณธรรมมาก แต่สิ่งที่องค์หญิงฮุ่ยผิงต้องการไม่ใช่คุณธรรม ที่นางต้องการคือผลประโยชน์

ตอนที่หยวนชิงหลิงก่อตั้งโรงเรียนแพทย์ ไม่เคยคิดจริงๆว่าเมื่อนักเรียนจบการศึกษาแล้วต้องเผชิญกับปัญหานี้ นางรู้ว่านี่ได้สั่นคลอนผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ควรเป็นคนของราชวงศ์เป็นคนกระทำ

ในใจนางรู้สึกโมโหมาก เพราะในมุมมองขององค์หญิงฮุ่ยผิง สองชีวิตที่เสียไปนั้นคนที่ต้องรับผิดชอบไม่ใช่นางฮุ่ยผิง แต่เป็นนางหยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าต่างหาก

ถ้าหากพวกเขาไม่ปฏิรูป ไม่เพิ่มโรงหมอหุ้ยหมิง สองคนนี้ขอเพียงมีเงินก็สามารถหาหมอได้ ก็ไม่จำเป็นต้องให้ญาติมาแย่งชิงเพื่อเข้ารับการรักษา แล้วก็ไม่ต้องตาย

หลายปีมานี้หยวนชิงหลิงมีนิสัยเงียบและสุขุม ไม่โกรธอะไรง่ายๆ แต่ว่าเรื่องนี้ ได้เกินขอบเขตของนางไปแล้ว

นางอยากจะกลับจวน รอให้เจ้าห้ากลับมาแล้วถามเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อน ค่อยไปหาองค์หญิงฮุ่ยผิง แต่ตอนที่กลับไปถึงหน้าประตูจวน กลับเห็นรถม้าขององค์หญิงฮุ่ยผิงจอดอยู่หน้าปากซอย เพราะว่าก่อนหน้านี้เคยมีคำสั่ง ไม่ให้นางเข้าไป ฉะนั้นนางจึงรออยู่ตรงนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน