บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 136

สองวันมานี้อ๋องซุนเองก็เดินทางมายังจวนอ๋องหวยพร้อมกับพาพระชายาซุนมาด้วยกัน

พระชายาซุนเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก เป็นความงามที่เกินจะต้านทาน รูปร่างทรวดทรงดูดี ในยามที่เดินอยู่ข้างกายอ๋องซุน แล้วให้ความรู้สึกราวกับหญิงงามเดินเคียงกับสัตว์ป่าก็ไม่ปาน

พระชายาซุนไม่ได้เข้ามาที่นี่บ่อยมากนัก แต่ทุกครั้งที่ได้มาก็มักจะนำของบำรุงร่างกายมาด้วยเสมอ สามารถเห็นได้ถึงความใส่ใจที่นางมีได้อย่างชัดเจน เพราะสิ่งของที่นางนำมาไม่ว่าจะเป็นของบำรุงร่างกายหรือยา ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ใช้ต่อต้านโรคปอดอย่างดี

ฉู่หมิงชุ่ยก็มาที่นี่พร้อมกับอ๋องฉีเช่นกัน

โดยมีหยู่เหวินหลิงที่คอยจ้องมองนางตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในตอนที่นางเข้าไปเยี่ยมดูอาการของอ๋องหวย ก็ยังคอยตามติดไปสังเกตการณ์อย่าไม่ลดละ เพราะเกรงว่านางจะไปก่อเรื่องวุ่นวายขึ้น

ฉู่หมิงชุ่ยและหยวนชิงหลิงพูดคุยกันไม่กี่ประโยค ซึ่งล้วนแต่เต็มไปด้วยความเกรงใจ พอถามถึงอาการรองอ๋องหวยเสร็จก็โค้งตัวกล่าวขอบคุณ ก่อนจะจากไป ราวกับว่าพวกนางทั้งสองไม่เคยมีเรื่องที่บาดหมางกันมาก่อนเสียอย่างนั้น

อาการของอ๋องหวยเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

เพราะในตอนนี้ได้ล่วงเลยวันที่หมอหลวงได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังไม่ไอออกมาเป็นเลือดอีกแล้ว แม้อาการไอจะยังมีอยู่บ้างเป็นประปราย แต่ก็น้อยลงไปมาก และเขายังสามารถลุกขึ้นมาเดินได้แล้วอีกด้วย

ซึ่งคนที่ดีใจที่สุดก็ไม่พ้นหลู่เฟย ที่ไม่กี่วันมานี้นางดูแลให้ความเคารพหยวนชิงหลิงราวกับนางเป็นเทพเทวดาก็ไม่ปาน ไม่ว่าหยวนชิงหลิงต้องการทานสิ่งใด ต้องการใช้ของสิ่งใด นางก็จะสั่งให้คนไปจัดเตรียมมาทันที

ถึงอย่างนั้นหยวนชิงหลิงก็ยังมีความอึดอัดและไร้ซึ่งความยินดี

พอในช่วงเวลาบ่าย หลังจากที่หยวนชิงหลิงได้ทำการฉีดยาให้กับอ๋องหวยเรียบร้อย นางก็มานั่งเหม่อลอยคนเดียวอยู่ตรงลานจวนอ๋อง

ความเป็นจริงแล้วนางไม่เคยชินเลยกับการที่พวกเขาไม่ได้พบหน้ากันเลยหลังจากผ่านไปเจ็ดแปดวัน ทุกวันที่นางกลับไปถึงจวนก็มีแต่หอเฟิ่งหยีอันเงียบเหงา แม่นมฉี่ผู้เคร่งครัดในกฎระเบียบและลู่หยาผู้ที่ไร้ซึ่งความเป็นตัวเองมาคอยต้อนรับกลับเท่านั้น

ไม่มีแม้แต่คนที่จะมาพูดคุยปรับทุกข์ได้ นอกจากตอเป่า

กระทั่งบางครั้งนางก็คิดถึงช่วงเวลาที่ได้ทะเลาะและหยอกล้อกับเขา

นางเอนตัวซบลงกับราวบันได พลางมองไปยังมุมสวนดอกไม้

ใต้ร่มเงานั้นเป็นสถานที่ที่เขาได้จุมพิตนาง

ภาพสถานการณ์ในวันนั้น ทุกรายละเอียด ตอนนี้นางก็ยังจำได้ ทั้งยิ่งคิดก็ยิ่งชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆ

ความอบอุ่นบนริมฝีปากของเขา ทุกระเบียบปลายนิ้วการเคลื่อนไหว นั้นยังคงตราตรึงอยู่ในสมองไม่หายไปไหน

“เจ้ากำลังเหม่อลอยถึงเรื่องอันใดกัน?” เสียงของอ๋องซุนดังขึ้นมาข้างหู

หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองไปเห็นอ๋องซุนที่เอามือไขว้หลังไว้กำลังเดินเข้ามาหานาง ด้วยใบหน้าที่สงสัย พร้อมทั้งมีข้ารับใช้ตามมาด้วยอีกคน

“ไม่มีอันใดหรอก ข้าเพียงง่วงเท่านั้น” หยวนชิงหลิงพูดพลางเก็บอาการ

อ๋องซุนนั่งลงมองไปยังนาง “ข้าไม่ได้เจอเจ้าห้ามาหลายวันแล้ว เจ้ากับเจ้าห้าเป็นอะไรไปหรือ?”

“ไม่มีอะไรเสียหน่อย!” หยวนชิงหลิงแสร้งทำเป็นประหลาด “ข้ากับเขาจะมีเป็นอะไรได้?”

“เจ้าไม่ได้ไปทำลายการร่วมรักของเขาและหญิงสาวจากหอนางโลมหรอกหรือ?คนข้างต่างลือกันไปหมดแล้ว ทั้งยังกล่าวอีกว่าเจ้าได้ทุบตีหญิงสาวสองนางนั้นด้วย แล้วยังไล่พวกนางลงจากเตียงอีก” อ๋องซุนเล่า

หยวนชิงหลิงตกใจอ้าปากค้างจนคางแทบจะหลุดลงมาอยู่แล้ว เพียงครู่เดียวนางก็กระโดดลุกขึ้น: “ใครเป็นคนพูด?ใครปล่อยข่าวลือกัน?”

“คนข้างนอกก็ล้วนพูดเช่นนี้กัน” อ๋องซุนตอบกลับ

“เหลวไหล!” หยวนชิงหลิงด่าอย่างรุนแรง ช่างน่ารังเกียจเกินไปแล้ว นางไปทุบตีสองคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ยังไล่พวกนางลงจากเตียงอีก?ความคิดเช่นนี้ช่างน่าขยะแขยงเกินไปแล้ว

ถ้าหากเป็นเรื่องจริง สถานการณ์เช่นนั้นจะน่าอับอายขนาดไหนกัน

อ๋องซุนพูดขึ้นอย่างแปลกใจ: “ไม่ใช่หรือ?แต่คนข้างนอกต่างก็พูดกันเช่นนี้”

“แล้วหยู่เหวินเห้าทราบเรื่องนี้หรือไม่?” หยวนชิงหลิงถามกลับ

อ๋องซุนพ่นลมหายใจออกมา “เสด็จพ่อยังรู้เลย ทั้งยังเรียกเขาเข้าวังไปสั่งสอนอีกด้วย”

หยวนชิงหลิงแทบจะหัวเราะทั้งน้ำตาออกมา

อ๋องซุนมองนางแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ “ช่างเถิด ลองเปิดใจเสียหน่อย มีอะไรที่ทุกข์ใจก็แค่ทานอาหารสักมื้อก็ดีขึ้นแล้ว เอาเป็นวันหลังข้าจะเลี้ยงอาหารเจ้าสักมื้อใหญ่ จะได้ทำให้เจ้ามีความสุข”

หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างซึ้งใจ ถึงแม้ว่าการกระทำและคำพูดจาของอ๋องซุนจะมีความประหลาดไปนิด แต่เขาเป็นคนที่ไร้ซึ่งเล่ห์กลที่สุดแล้ว

อีกอย่างเขายังคิดว่าวิธีการปลอบใจคนที่ดีที่สดก็คือการเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ ดูแล้วเขานั้นจริงใจอย่างมาก

“ขอบคุณ!”

“พระชายาจะไปไหนเจ้าคะ?” แม่นมฉีตะโกนถามอยู่ด้านหลัง

“จะออกไปเสียหน่อย ข้าไม่ทานอาหารแล้ว” หยวนชิงหลิงตอบกลับโดยไม่หันหลัง

นางไปยังตำหนักเซี่ยวเยว่

ฉี่หลอที่เห็นจึงเข้าไปแจ้งทันที: “พระชายา ท่านอ๋องยังไม่กลับมาเลยเจ้าค่ะ”

“ข้าจะรอเขา!” หยวนชิงหลิงนั่งลงบนขั้นบันไดหินตรงหน้าระเบียง โดยมีลมเย็นพัดผ่านมาเบาๆ ตอนนี้นางรู้สึกสับสนไปหมด ตอนนั้นทั้งที่เขาอยากจะอธิบาย แต่นางกลับไม่โอกาสเขาเลย

“พระชายาเข้าไปรอด้านในเถอะเจ้าค่ะ” ฉี่หลอกล่าวทักท้วง

“ไม่เป็นไร ข้าจะนั่งตรงนี้รอสักหน่อย” หลายวันมานี้ได้แต่ปลอบประโลมตัวเองอย่างมีเหตุผล ไม่ว่าวันข้างหน้าเขาอยากจะทำสิ่งใดก็เรื่องของเขา เรื่องระหว่างพวกเขาสองคนนั้นเป็นไปไม่ได้ นางไม่ได้สนใจหญิงสาวสองคนนั้น อีกทั้งยังคิดว่าพวกเขาดูแล้วไม่มีอนาคตร่วมกันเลย

แต่พอได้รู้ว่าเรื่องของหญิงสาวสองคนนั้นเป็นเพียงความเข้าใจผิด ทุกความกังวลใจและความคิดเกี่ยวกับวันข้างหน้าต่างก็มลายหายไป

สิ่งที่ใจนางใส่ใจมากที่สุดก็คือหญิงสาวสองคนนั้น

วันนี้ยามห้ายถึงจะกลับมาจากที่ทำการปกครองเมืองหลวง (ยามห้าย คือ ช่วงเวลา 21:00-23:00 น.)

หลังจากที่ไล่สวีอีออกไป ตอนนี้เขายังไม่สามารถหามหาดเล็กที่เหมาะสมจะติดตามเขาได้เลย จึงได้เพียงให้มหาดเล็กในจวนคนหนึ่งมาคอยช่วยทำงานไปก่อน

วันนี้ตลอดปล่อยม้าเดินไปโดยไม่บังคับบังเหียน ทำให้มันค่อยๆ เดินไป เพราะถึงอย่างไรกลับไปถึงเร็วเขาก็นอนไม่หลับอยู่ดี ทั้งยังคิดแต่อยากจะไปหานาง ยังไงอยู่ข้างนอกต่ออีกสักหน่อยจะดีกว่า เขาจึงเดินทางไปหากู้ซือทันที

หลังจากที่กู้ซือได้เป็นผู้รับส่งหยวนชิงหลิงเป็นการส่วนตัว ก็ไม่จำเป็นต้องกลับเข้าวังอีก

ทั้งสองดื่มสุราด้วยกัน แล้วกู้ซือก็เอาแต่ถอนหายใจออกมา ซึ่งไม่มีเรื่องใดที่คับใจเท่ากับเรื่องการบังคับสมรสของทางบ้าน

กู้ซือผู้เป็นถึงขุนนางในพระราชสำนัก ทั้งยังเป็นหัวหน้ามหาดเล็กผู้ติดตามฝ่าบาทอีก ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถสู่ขอหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ได้ แต่แท้จริงแล้วเขาเองที่ไม่ยอมรับการสมรส เขาบอกว่ายังไม่พบคนผู้นั้น สมรสไปก็ไร้ซึ่งความหมาย

หยู่เหวินเห้าที่ได้ยินเช่นนี้ ได้เพียงแต่ยิ้มแห้งๆ “เจ้าอยากจะพบคนแบบไหนกัน?”

“คนที่สามารถทำให้เจ้าหัวเราะทำให้เจ้าร้องไห้ ทำให้เจ้ามีความสุขแต่บางทีก็ทำให้เจ้าเจ็บปวด ทำให้ใจของเจ้าเต้นแรงและยังทำให้เจ้าลุ่มหลง” กู้ซือที่เมาอย่างได้ที่ก็เริ่มพรรณนาความหมายที่แท้จริงของรักแท้ออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน