บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 138

หยวนชิงหลิงทอดสายตาไปยังทางอื่น “ข้าถือสา ข้าคิดว่าท่านมีอะไรกับพวกนางแล้ว”

ทันใดนั้นดวงตาของหยู่เหวินเห้าก็มีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา “เจ้าจะถือสาด้วยเหตุอันใด?ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากให้ข้าหย่ากับเจ้างั้นหรือ?”

หยวนชิงหลิงคิดอยู่พักหนึ่ง คำบางคำไม่พูดออกมาจะดีกว่า ก่อนที่นางจะลุกพรวดขึ้นมา “ช่างเถอะ ข้าขอตัวกลับก่อน ท่านอ๋องรีบพักผ่อนเถิด”

พอนางหันหลังกลับ เขาก็จับข้อมือนางเอาไว้ทันที

“อย่าไปเลย !” เขาลุกขึ้นยืนแล้วดึงนางกอดเอาไว้ ก่อนจะประทับริมฝีปากกดลงไป ทำในสิ่งที่เขาต้องการนั้นก็คือการได้จุมพิตนางอย่างรุนแรง

ฉี่หลอที่อยู่ด้านนอกจึงรีบปิดประตูให้ทันที เพื่อไม่ให้ผู้ใดเข้ามารบกวนท่านอ๋องและพระชายา

รอยจูบนี้ ทำให้ความคำนึงถึงความปรารถนาที่อัดอั้นมาเป็นหลายวันล้วนพรั่งพรูออกมา ริมฝีปากเคลื่อนไหวอย่างเร่าร้อน แผดเผาเหตุผลที่เคยมีไปจนหมด

หยวนชิงหลิงถูกเขาอุ้มวางลงบนเตียง เสื้อด้านบนเปิดออก รอยจูบนั้นราวกับดูดซึมอากาศในหัวของนางไปจนหมด ทำให้สมองของนางขาดอากาศจไม่อาจคิดเรื่องใดๆ ได้เลย

มือของเขาลูบไล้ไปบนร่างกายของนาง จนมาหยุดลงบนหน้าอกของนางก่อนที่เขาจะเอาหัวคลอเคลียลงไประหว่างกลาง บดขยี้มันด้วยความเมามัน

หยวนชิงหลิงเต็มไปด้วยความประหม่า จนรู้สึกหายใจติดขัด ราวกับว่าสมองกำลังขาดอากาศหายใจ พร้อมกับร่างกายที่สั่นเล็กน้อยด้วยความไม่รู้จะทำเช่นไร

จนกระทั่งเขานั่งทับลงบนร่างกายของนาง นางจึงได้รีบเงยหน้าขึ้นมองดวงตาอันล้ำลึกของเขา ยิ่งทำให้ดวงตาของนางสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น

“ได้หรือไม่?” เขาถามด้วยเสียงแหบแห้ง แววตาเต็มไปด้วยความสับสน ความรุ่มร้อนที่เกิดขึ้นภายในใจตอนนี้ไม่อาจสะกดไว้ได้อีกแล้ว ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอดทนเพื่อที่จะถามนางก่อน

หยวนชิงหลิงกลั้นลมหายใจ แล้วทันใดนั้นนางก็หลบสายตาแล้วตอบด้วยเสียงสั่น “อืม!”

เขาใช้มือข้างหนึ่งโอบร่างของนางเอาไว้ และมืออีกข้างค่อยๆ ลูบไล้ไปบนไปหน้าของนาง ก่อนที่เขาจะจูบลงไป ทุกการเคลื่อนไหวค่อยๆ เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ และนุ่มนวล

แล้วหยวนชิงหลิงก็ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากของแหลมคมบางอย่างแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของนาง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย เหตุใดถึงได้เจ็บนี้กัน? นางขมวดคิ้วขึ้น พยายามสะกดเสียงคร่ำครวญที่กำลังจะเอ่อล้นออกมา

หยู่เหวินเห้าที่เห็นเช่นนั้นจึงหยุดการเคลื่อนไหวทันที ให้ตายสิ เขาเองก็ตื่นเต้นจนแทบจะบ้าแล้ว

“เจ็บงั้นหรือ?ข้าสามารถหยุดทำได้” เขาบอก

นางกัดริมฝีปากเบาๆ พลางส่ายหน้า แล้วในตอนนั้นเองที่แววตาของนางแสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ที่ประกายออกมา เพราะนางได้เห็นความเสียดายที่ประกายออกมาจากแววตาของเขา

ซึ่งทันใดนั้นนางจึงไม่คิดจะสนใจสิ่งใดแล้วทั้งสิ้น คนที่อยู่ในช่วงเวลาที่ควรจะบ้าบิ่น ทำเรื่องบางเรื่องที่สุดโต่งไปเลย

การแพร่กระจายความบ้าบิ่น!

จนกระทั่งไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ทุกอย่างสงบลง

เขาโอบกอดนาง กอดนางเอาไว้อย่างแน่นหนา ในขณะที่ร่างกายของนางยังคงสั่นพร้อมกับหอบหายใจเบาๆ

ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ร่างกายแนบชิดเข้ากับร่างกาย อย่างไร้ข้อผูกมัด ทำให้รู้สึกถึงความใกล้ชิดที่ไม่เคยมีมาก่อน

ไม่รู้ว่าจะมียาคุมฉุกเฉินในกล่องยาหรือเปล่านะ?อยู่ๆ หยวนชิงหลิงก็นึกถึงคำถามนี้ขึ้นมาในขณะที่มือทั้งสองแนบหน้าอกของเขาไว้

“ง่วงหรือไม่?” เขากระซิบข้างหูนาง

“ไม่ง่วง!” หยวนชิงหลิงพูดโดยไม่กล้าที่จะจ้องหน้าของเขา

นางไม่ใช่คนที่จะดัดจริตขนาดนั้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซื่อตรงเกินไป

เขาพลิกตัวขึ้นมากดทับนางไว้แล้วโน้มริมฝีปากลงมา “ข้าเองก็ยังไม่ง่วงนอน”

ความเร่าร้อนที่คุ้นเคย เริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้ง

หลายวันมานี้หยวนชิงหลิงไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอเลยสักวัน และคืนนี้เองคาดว่าก็คงจะไม่ได้พักผ่อนเช่นกัน

กลิ่นสุราบนตัวเขาในตอนนี้ได้จางหายไปจนหมดแล้ว ในเวลานี้ที่ขอบฟ้าเริ่มสลัว แสงแดดเริ่มสาดส่องเข้ามาด้านใน

เพราะฟ้าใกล้สว่างแล้ว

“วันนี้เจ้าไม่ต้องไปหาน้องหกแล้ว พักผ่อนเสียหน่อย” หยู่เหวินเห้ากอดนางพลางพูด

“ไม่ไปไม่ได้ วันนี้ต้องฉีดยา” ทว่าดวงตาของหยวนชิงหลิงแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้ว ร่างกายราวกับโดนรถทับมาเสียอย่างนั้น ทั้งเหนื่อยและล้า

“เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าไป พอหลังจากที่เจ้าฉีดยาเรียบร้อยแล้วนอนพักเสียหน่อย”

“ไม่ต้องหรอก ท่านนอนพักต่อเถอะ กู้ซือไปส่งข้าเอง” หยวนชิงหลิงเงยหน้าจ้องตากับเขา หลังจากที่ผ่านพ้นค่ำคืนอันเล่าร้อนมา ดูเหมือนว่าเรื่องราวหลายๆ ล้วนแต่เปลี่ยนไปหมด เขาในสายตาของนางตอนนี้ก็กลายเป็นบุรุษรูปงาม

ความเบิกบานภายในใจค่อยๆ เอ่อล้นออกมา

ในช่วงที่กำลังทานอาหารเช้า หยวนชิงหลิงพูดขึ้นพลางมองไปหาเขา: “แล้วสวีอี……”

“ฉี่หลอ!” หยู่เหวินเห้าเงยหน้าขึ้น “แจ้งกับทังหยาง ว่าให้เขาเรียกตัวสวีอีกลับมา”

“เจ้าค่ะ !” ฉี่หลอมองไปยังหยวนชิงหลิงอย่างตื้นตันใจ ถึงแม้สวีอีจะไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่เวลาที่มีเขาอยู่ ทุกวันก็ดูสดใสขึ้นเยอะ

หยู่เหวินเห้ายื่นเค้กดอกกุ้ยฮวายัดไส้ในมือป้อนใส่ปากหยวนชิงหลิง “ทานนี่สิ”

“ข้าอิ่มแล้ว” หยวนชิงหลิงที่ไม่ค่อยทานอาหารเช้ามากนัก บวกกับเมื่อคืนนี้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ จึงทำให้ไม่มีอยากอาหาร

“ทานอีกหน่อยเถอะ เจ้าซูบลงไปเยอะแล้ว” หยู่เหวินเห้าหยิกแก้มนางทีหนึ่ง “ใบหน้าเช่นนี้ยังจะไปพบปะผู้คนได้อีก”

หยวนชิงหลิงกลอกตาใส่เขา “แต่ใบหน้าของท่านวันนี้ไม่ควรออกไปพบปะผู้คน”

ก่อนหน้านี้ยังเป็นเจ้าเหมียวน้อยอยู่เลย แต่เหตุใดวันนี้ถึงได้มีสภาพเละเทะเช่นนี้

ถึงอย่างนั้นหยู่เหวินเห้าก็ไม่ใส่แม้แต่นิด “หากคนที่ที่ทำการปกครองเมืองหลวงถามขึ้นมา ข้าก็จะตอบว่าถูกภรรยาทุบตี”

หยวนชิงหลิงยิ้มออกมา “ไม่กลัวอายคนแล้วหรือไร?”

“ถูกภรรยาทุบตีมันน่าอายตรงไหนกัน?เป็นเกียรติอย่างยิ่งต่างหากเล่า” เขาพูดด้วยวาทะที่เต็มไปด้วยสัจธรรม

หยวนชิงหลิงกล่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยความไม่สบอารมณ์: “จริงด้วยสิ ข้าขอถามท่านหน่อย เหตุใดคนข้างนอกถือได้ลือกันว่าข้าไปทุบตีหญิงสาวสองคนนั้นด้วย ทั้งยังบอกว่าข้าไล่พวกนางลงจากเตียงอีก แล้วเสด็จพ่อเรียกตัวท่านเข้าวังไปเพื่อสอบถามด้วยใช่หรือไม่?”

หยู่เหวินเห้าพยักหน้ารับ “มีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ทั้งเสด็จพ่อยังสั่งสอนข้ายกใหญ่เลยทีเดียว”

“แล้วท่านอธิบายไปเช่นไร?”

เขาจ้องตานาง: “ไม่อธิบาย ตอนนั้นเจ้าไม่สนใจข้า ข้ายังทำใจไม่ได้ เลยไม่อยากจะอธิบายสิ่งใดทั้งสิ้น จึงปล่อยให้เสด็จพ่อต่อว่าเสียอย่างนั้น”

หยวนชิงหลิงถึงกับจุก “เหตุใดท่านถึงได้โง่เขลาเช่นนี้?ต้องทุกข์แค่ไหนที่ไม่ได้อธิบายออกไป ท่านไม่ได้ทำสิ่งใดเสียหน่อย”

“แต่เจ้าคิดว่าทำแล้ว”

หยวนชิงหลิงกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง: “พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังเพื่อชี้แจงให้กับท่าน เดิมทีก่อนหน้านี้เสด็จก็ไม่ยอมพบท่าน ตอนนี้มาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ไม่รู้ว่าพระองค์จะคิดกับท่านเช่นไร แล้วอีกอย่างเหตุใดเรื่องนี้ถึงแพร่ออกไปได้?ต้องตรวจสอบคนใช้ในจวนเสียแล้ว ข่าวลือกระจายออกไปไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่มันบิดเบือนจากข้อเท็จจริง”

หยู่เหวินเห้ายิ้มจางๆ นี่สิถึงจะเป็นอำนาจของภริยาหลวงที่เป็นผู้จัดการครอบครัวแห่งจวนอ๋องฉู่!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน