บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 141

แล้วทันใดนั้นรถก็หยุดลงอย่างกะทันหัน

อ๋องซุนที่เห็นดังนั้นจึงเปิดผ้าม่านออก ก่อนที่สวีอีกล่าวอย่างเคร่มขรึม : “อย่าออกมาพ่ะย่ะค่ะ มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น”

อ๋องซุนที่เพิ่งจะชะโงกหัวออกมา ก็รีบหลบกลับเข้าไปด้านในทันที

ก่อนที่จะมีบางอย่างพุ่งทะลุกลางอากาศเข้ามา เฉียดหูสวีอีปักเข้าไปกับรถม้าดัง ชึบ

ถ้าหากเมื่อสักครู่นี้สวีอีไม่หันหน้าหนี ธนูดอกนั้นจะต้องปักทะลุกลางหันเขาไปเป็นแน่

“มีนักฆ่า!” สวีอีคำรามออกมา ให้ข้ารับใช้รีบเร่งรถม้าไป ในขณะที่เขาเหวี่ยงดาบสกัดลูกศรยาวเอาไว้

หยวนชิงหลิงเมื่อได้ยินว่ามีนักฆ่า สมองของนางก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที

การจะทำให้อ๋องหวยตาย ไม่ได้มีแค่การวางยาพิษวิธีเดียวเท่านั้น

ขอแค่นางตาย ก็จะไม่มีผู้ใดที่จะให้การรักษาอ๋องหวยอีก และไม่นานอ๋องหวยเองก็จะต้องตายอยู่ดี

วันนี้ที่นางรู้สึกถึงความผิดปกติอยู่ตลอด นั้นเป็นเพราะว่าเป้าหมายของศัตรูไม่ได้มีเพียงอ๋องหวยเท่านั้น แต่ยังมีนางด้วย

นักฆ่าครั้งนี้มีจำนวนไม่เยอะ ทั้งยังไม่ปรากฏตัวออกมา ทำเพียงแค่ยิงธนูเท่านั้น และลูกศรที่ยิงมานั้นมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่ไม่ถึงกับเป็นฝนธนูที่มีจำนวนมาก สวีอีจึงคาดเดาได้ว่านักฆ่าน่าจะมีเพียงสามคนเท่านั้น

เขาจึงภาวนาเพียงแค่ม้าอย่าโดนธนูยิงเข้าใส่ แล้ววิ่ต่อไปเรื่อยๆ ศัตรูก็ไม่อาจจะตามทันได้แล้ว ซึ่งนั่นนับว่าเป็นทางรอด

ทว่าเห็นได้ชัดเลยว่ายิ่งกลัวสิ่งไหนก็มักจะได้เจอสิ่งนั้น เพียงครู่เดียวม้าก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ขาทั้งคู่จะอ่อนลงและรถม้าจึงพลิกคว่ำลงไปทันที

แม่นมสี่กอดหยวนชิงหลิงเอาไว้อย่างแน่นคอยบังอยู่ตรงหน้าของนาง

ร่างกายของอ๋องซุนที่มีความอ้วนท้วน หลังจากที่ล้มกลิ้งไปกับพื้น เขาพยายามดิ้นรนที่จะลุกอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้นเสียที หยวนชิงหลิงที่เห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปพยุงเขาทันที ก่อนที่ลูกศรจะพุ่งมาด้วยความเร็วแล้วแทงลงไปที่ขาของหยวนชิงหลิง

ความเจ็บปวดรวดร้าวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว

ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดมน เพราะข้ารับใช้ได้โยนโคมไฟทิ้งไป ไม่ให้มันส่องแสง ขอเพียงไม่ส่งเสียงใดๆ อีกฝ่ายก็ไม่มีทางเห็นพวกเขา

ดังนั้นแม้หยวนชิงหลิงจะเจ็บปวดจนน้ำตาไหลนองออกมา ก็ต้องกัดฟันอดทนไม่ส่งเสียงออกมา

จากนั้นลูกศรอีกดอกก็พุ่งเข้ามาแล้วปักลงบนไหล่ของหยวนชิงหลิงโดยตรง หยวนชิงหลิงรู้สึกเจ็บจนแทบจะหมดสติลงไป นางได้เพียงแต่กัดฟันแน่น แต่สุดท้ายส่งเสียงเจ็บปวดเล็ดลอดออกมา

แม่นมสี่ตกใจจนเกิดความสับสนไปหมด

สวีอีรีบพุ่งเข้าไปยังทิศทางที่ลูกศรถูกปล่อยออกมาแล้วตะโกนออกมาอย่างสุดฤทธิ์ : “แม่นมสี่ รีบพาพระชายาหนีไปเร็วเข้า”

คราวนี้ลูกศรนั้นมีไฟติดมาด้วยอย่างหนาแน่น

และในที่สุดอ๋องซุนก็ลุกขึ้นยืนจนได้ เขากำลังจะเข้าไปพยุงตัวหยวนชิงหลิง แต่ทว่าลูกศรไฟนั้นพุ่งมาด้วยความเร็วอย่างมาก ซึ่งไม่มีทางที่จะสามารถพาหยวนชิงหลิงหลบได้ และธนูลูกนี้ถูกเล็งมากลางหัวใจของหยวนชิงหลิงโดยตรง

แม่นมสี่ที่คอยดึงตัวหยวนชิงหลิงอยู่ด้านหลัง ได้เพียงแต่มองไปยังลูกศรไฟนั้นพุ่งเข้ามาอย่างนิ่งอึ้ง ไฟบนลูกศรส่องลงมาให้เห็นใบหน้าที่กำลังซีดเผือดของนาง

หยวนชิงหลิงที่โดนลูกศรยิงตรงขาและไหล่ จึงไม่มีทางที่จะขยับตัวได้เลย จึงหลับตารอให้ลูกศรนั้นพุ่งเข้าใส่ตัวเอง

ซึ่ง ณ เวลานั้น นางก็นึกถึงหยู่เหวินเห้าขึ้นมา

เสียงลูกศรแทงทะลุเนื้อดังขึ้นมา ก่อนที่เลือดอุ่นๆ จะสาดกระเด็นลงบนหน้าของหยวนชิงหลิง

หยวนชิงหลิงเบิกตากลมโต มองดูใครบางคนที่กำลังนั่งคุกเข่าลงอย่างพร่ามัว ซึ่งนั่นก็คืออ๋องซุน

เขาบังลูกศร!

หยวนชิงหลิงคำรามออกมา “ท่านพี่รอง!”

อ๋องซุนค่อยๆ ล้มลงไปกับพื้น ในขณะที่ปากพูดออกมา : “ขาหมูอันนั้น ……น่าจะทานเสีย”

“ท่านพี่รอง!” หยวนชิงหลิงตื่นตระหนกอย่างมาก แล้วใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บค่อยๆ สัมผัสไปบนร่างแล้วพบกับลูกศรที่ปักอยู่บนหลัง

สวรรค์ ลูกศรนี้ปักลงบนตำแหน่งไหนกัน?ใช่ปอดส่วนหลังหรือเปล่า?

ครั้งนี้สวีอีฮึกเหิมเป็นอย่างมาก เขาหาตำแหน่งของนักฆ่าทั้งสามจนเจอ หลังจากการต่อสู้พวกเขาทั้งสามล้วนถูกสังหารจนหมด

ในตอนที่เขาเหาะกลับมายังข้างกายหยวนชิงหลิง ดาบยาวของเขามีเลือดหยดลงมา พลางหายใจหอบอย่างหนัก แขนด้านซ้ายมือของเขามีเลือดสดๆ ไหลออกมา เพราะลูกศรดอกสุดท้ายที่ยิงมานั้นปักทะลุผ่านไหล่ของเขาไปนั่นเอง

เขาใช้แรงเฮือกสุดท้าย คำรามใส่ข้ารับใช้ของอ๋องซุนที่ตอนนี้ตกใจจนขาดสติไปหมดแล้ว “รีบไปหาอ๋องฉู่ที่ทำการปกครองเมืองหลวง!”

ข้ารับใช้จึงค่อยตั้งสติกลับมาได้ ก่อนจะวิ่งไปอย่างล้มลุกคลุกคลาน

อ๋องซุนมอบยาเม็ดจื่อจินให้กับหยู่เหวินเห้า แต่ยาเม็ดจื่อจินนี้หยู่เหวินเห้ากลับให้อ๋องซุนทานเข้าไป เพื่อที่จะยื้อเวลา

ยาเม็ดจื่อจินนี้ นับว่าได้ช่วยชีวิตอ๋องซุนเอาไว้เลยก็ว่าได้ เพราะมันสามารถยื้อเวลาจนหมอหลวงเดินทางมาถึง

พระชายาซุนก็เดินทางมาถึงแล้วด้วย นางเป็นคนที่มีความสุขุมอย่างมาก นางไม่มีอาการตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังคอยอยู่ข้างๆ อย่างสงบ ซึ่งในเวลาวิกฤตินางก็ยังเข้าไปให้ความช่วยเหลืออีกด้วย

ลูกศรนั้นแทงทะลุเข้าไปยังหลังปอด ถ้าหากแทงลึกเข้าไปอีกเพียงหนึ่งเซนติเมตร ก็จะแทงทะลุส่วนหลังของปอดไป

แต่ถึงอย่างนั้นการสูญเสียเลือดไปมาก ทั้งลูกศรยังถูกยิงมาด้วยความเร็ว ก็มีความอันตรายต่อชีวิตเป็นอย่างมาก

หยวนชิงหลิงเองก็เช่นกัน

สิ่งที่เป็นปัญหาของหยวนชิงหลิงคือการเสียเลือดอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้สวีอีจะเร่งทำการห้ามเลือดให้กับนางแล้ว แต่ในตอนที่สวีอีไปต่อสู้กับเหล่านักฆ่าพวกนั้น นางก็ได้เสียเลือดไปจำนวนมากแล้ว ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้ตอนนี้นางยังไม่รู้สึกตัวขึ้นมา

ค่ำคืนนี้หยู่เหวินเห้ารู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะชาไปหมดแล้ว เขาคอยกอดหยวนชิงหลิงเอาไว้ในขณะที่หมอหลวงดึงลูกศรออกจากตัวนาง

ในตอนที่เลือดกระเด็นออกมาเขาที่เห็นร่างกายของหยวนชิงหลิงอ่อนลง ลมหายใจขาดหายไป ทำให้เขาคิดว่านางจะตายไปเสียแล้ว

จนกระทั่งได้เห็นนางยังหายใจอยู่ ชีพจรและหัวใจยังเต้นอยู่ เขาที่กำลังกังวลใจเป็นอย่างมากๆ ก็ค่อยๆ โล่งอก

แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีอะไรดีเลย หยวนชิงหลิงยังคงหมดสติ ยาห้ามเลือดก็ให้นางทานลงไปก็ไม่ได้ เขาหยิบกล่องยาของนางออกมา หวังจะหายาบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอหยิบกล่องยานั้นออกมาแล้วมันกลับมีขนาดเล็กเท่าเดิม ไม่ขยายใหญ่ขึ้น

เขาคอยระวังอยู่ข้างเตียง สภาพเขาตอนนี้ราวกับร่างที่ไร้ซึ่งวิญญาณไปแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา เพราะเขากลัวว่าหากเพียงพริบตาเดียว นางอาจจะไม่หายใจแล้ว

ที่จริงแล้วสมองของหยวนชิงหลิงรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา

นางรับรู้ทุกอย่าง แต่ราวกับกำลังถูกผีอำเสียอย่างนั้น นางไร้ซึ่งหนทางที่จะขยับตัว

จะบอกว่ารู้สึกตัว แต่ก็ใช่ว่าจะรู้สึกตัวไปเสียทีเดียว

นางหวาดกลัวอย่างมาก ภายในหูได้ยินเสียงต่างๆ มากมาย แต่สิ่งที่ได้เห็นคือน้ำวนอันมืดมิดที่กำลังจะดึงเข้าไป นางพยายามอย่างมากเพื่อที่จะหนีน้ำวนนั้น แต่ทุกครั้งที่นางพยายามหนีออกมา ก็ถูกความรุนแรงของมันดึงกลับลงไปทุกที

ช่างน่าวิงเวียนยิ่งนัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน