บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 143

หยู่เหวินเห้าคุกเข่าอยู่ข้างหัวเตียง พลางยื่นออกไปโอบใบหน้าของนางพร้อมกับลูบหน้านางเบาๆ โดยที่ไม่สามารถกล่าวคำพูดปลอบใจใดๆ ได้เลย มีเพียงบางครั้งที่เขาจะโน้มริมฝีปากจูบลงบนใบหน้าของนางอย่างเบาบาง

หยวนชิงหลิงรับรู้ถึงความเจ็บปวดของเขา นางจึงพยายามที่จะอดทนเอาไว้ ไม่ให้ตัวเองร้องเจ็บปวดออกมา ทั้งที่ความเป็นจริงมันเจ็บปวดจนไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้อีก นางอ้าปากกว้างสูดลมหายใจเข้า

และเป็นอยู่เช่นนี้ร่วมเวลาหนึ่งชั่วยาม และท้ายที่สุดหยวนชิงหลิงก็ไม่อาจอดทนต่อความเจ็บปวดได้อีก ร่างกายของนางกระตุกขึ้นมา และเพราะความเจ็บปวดที่ทำให้มีเหงื่อไหลออกมาจนท่วมตัว เหงื่อไหลลงมาเต็มหน้าผากพร้อมกับน้ำตาจากความเจ็บปวดที่ไม่อาจอดกลั้นเอ่อล้นออกมาพร้อมกัน

“ข้าเจ็บ……” นางกัดฟันสั่น ซึ่งตรงหัวไหลถือเป็นจุดที่เจ็บที่สุด เพราะลูกธนูไปแทงทะลุกระดูกลงไป และคาดว่าอาจเป็นเพราะกระดูกแตกจึงทำให้ความเจ็บแผ่ซ่านออกมา โดยที่ความเจ็บปวดนั้นค่อยๆ แผ่ออกมาเป็นระลอกๆ

หยู่เหวินเห้าเช็ดน้ำตาของนาง และเมื่อได้ยินนางพูดว่าเจ็บ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปตะคอกใส่หมอหลวง

: “ท่านเร่งวิธีเข้าสิ!”

“เม็ดยาจื่อจินพ่ะย่ะค่ะ” ตอนนี้หมอหลวงไร้ซึ่งหนทางแล้วจริงๆ พร้อมกับคุกเข่าลง : “ท่านอ๋องยังมียาเม็ดจื่อจินหรือไม่? ยาเม็ดจื่อจินสามารถระงับความเจ็บปวดได้ชั่วคราวพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าจะไปมียาเม็ดจื่อจินได้อย่างไรกัน?” หยู่เหวินเห้าคำรามออกมา ราวกับสิงโตที่กำลังเดือดดาล ทั้งยาเม็ดจื่อจินของอ๋องฉี และของอ๋องชินลุ่ยล้วนถูกเขากินไปหมดแล้ว

พี่น้องคนอื่น เขาก็ไม่คิดว่าจะมีผู้ใดยินยอมมอบให้อีก

“ข้าจะไปขอน้องหก!” ทันใดนั้นหยู่เหวินเห้าก็นึกถึงอ๋องหวยขึ้นมา เขากำลังจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกหยวนชิงหลิงที่รวบรวมแรงทั้งหมดดึงนิ้วมือหนึ่งของเขาเอาไว้ พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาที่หวาดกลัวและสิ้นหวัง “อย่า……ไป อย่าทิ้งข้าไว้!”

ทังหยางจึงรีบเข้าไปหาทันที : “กระหม่อมไปเอง กระหม่อมจะไปร้องขอเองพ่ะย่ะค่ะ”

ทังหยางรีบวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ ยาเม็ดจื่อจินนี้เป็นยาช่วยชีวิต อ๋องหวยน่าจะยอมมอบให้ แต่หลู่เฟยก็อยู่ที่จวนด้วยเช่นกัน หลู่เฟยจะยินยอมงั้นหรือ?

เขาอยากจะเข้าไปขอคำชี้แนะจากฮ้งเต้หมิงหยวนก่อน ทว่าตอนนี้ฮ้องเต้หมิงหยวนได้เสด็จกลับเข้าวังไปแล้ว เมื่อสักครู่นี้เขาอยู่ที่ฝั่งอ๋องซุนเพียงครู่เดียว ก็เสด็จกลับแล้ว

จะให้เข้าวังไปร้องขออีกครั้ง การเดินทางไปมา ก่อให้เกิดการเสียเวลา ความเจ็บปวดของพระชายาในตอนนี้นั้นสาหัสเป็นอย่างมาก ไม่สามารถที่จะเสียเวลาได้อีกแล้ว

ดังนั้นทังหยางจึงควบม้ามุ่งตรงไปยังจวนอ๋องหวยทันที

ตอนนี้ก็ใกล้จะเลยเวลาแล้ว หากตามเวลาในวันก่อนๆ หยวนชิงหลิงควรจะมาถึงจวนอ๋องหวยตั้งนานแล้ว

แต่วันนี้หลู่เฟยรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็นนางมาเสียที ซึ่งอ๋องหวยก็เตรียมตัวจะทานยาครั้งที่หนึ่งแล้ว ถึงจะบอกว่าที่นี่ยังมียา แต่ว่าทุกวันไม่ใช่ว่าจะต้องฉีดยาอะไรนั่นหรอกหรือ?

“วันนี้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น นางถึงยังมาไม่ถึงเลย” หลู่เฟยนั่งอยู่ตรงหน้าอ๋องหวยอย่างไม่สามารถระงับอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ได้

อ๋องหวยก็ยังคงกล่าวอย่างเรียบนิ่ง : “บางทีอาจจะมีธุระสำคัญเลยล่าช้าพ่ะย่ะค่ะ”

“ก็ใช่ บางทีอาจจะล่าช้าเสียหน่อย” หลู่เฟยนึกถึงเรื่องที่ถูกวางยาเมื่อวานนี้ ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ในขณะที่กำลังร้อนรนอยู่นั่น ก็มีคนรับใช้เข้ามารายงานว่ามีขุนนางในจวนอ๋องฉู่เข้ามาพบด้วยธุระด่วน

หลู่เฟยถึงกับตกตะลึง “ขุนนางในจวนอ๋องฉู่งั้นหรือ ?ไม่ใช่พระชายาฉู่ที่มาหรอกหรือ?หรือว่าจะนำยามาส่ง?รีบให้เขาเข้ามา”

หลู่เฟยคิดว่าในเมื่อหยวนชิงหลิงสามารถฉีดยาเหล่านั้นได้ นางคงจะสอนให้ผู้อื่นรู้วิธีการฉีดยานั้นด้วย บางทีวันนี้นางอาจจะมีธุระจนอาจจะมีความล่าช้า ดังนั้นจึงได้สั่งให้ขุนนางในจวนมาฉีดยาให้หวยเอ๋อร์แทน

ทังหยางที่เข้ามาก็คุกเข่าลงทันทีก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่กังวลใจ “กระหม่อมขอถวายบังคมหลู่เฟย และอ๋องหวยพ่ะย่ะค่ะ”

หลู่เฟยตอบกลับทันที : “เจ้าลุกขึ้นเถอะ พระชายาฉู่ส่งเจ้ามาที่นี่เพื่อฉีดยาใช่หรือไม่?”

ทังหยางไม่ลุกขึ้นและยังคงคุกเข่าอยู่อย่างนั้น เขาที่เร่งเข้ามาทำให้ยังมีอาการหายใจติดขัด “เปล่า ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ โปรดกระหม่อมหลู่เฟย และอ๋องหวย กระหม่อมมาที่นี่ด้วยคำสั่งของอ๋องฉู่ในการร้องขอยาเม็ดจื่อจินของอ๋องหวยพ่ะย่ะค่ะ”

หลู่เฟยที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวปฏิเสธทันที “ยาเม็ดจื่อจิน?ไม่ได้ นี่เป็นยารักษาอาการบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถที่จะมอบให้เจ้าได้”

ตอนนี้ในวังไม่มียาเม็ดจื่อจินแล้ว และเหล่าอ๋องทุกคนล้วนมีเพียงคนละเม็ดเท่านั้น ในยามขับขานสามารถช่วยหนึ่งชีวิตได้ จะมอบให้ผู้อื่นตามอำเภอใจได้อย่างไร?

อ๋องหวยกลับดันตัวขึ้นนั่ง “ทังหยาง เหตุใดถึงต้องการยาเม็ดจื่อจินด้วย ?ท่านพี่ห้ามีปัญหาเกิดขึ้นเช่นนั้นหรือไม่?”

อ๋องหวยเองก็เดือดขึ้นมาเช่นกัน “เสด็จแม่ ถ้าหากท่านจะให้ข้าเป็นคนที่อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ แล้วเช่นนั้นข้าจะมีหน้าที่ไหนมาอยู่บนโลกนี้ต่อไปเล่าพ่ะย่ะค่ะ ?ให้ข้าตายเสียอย่างจะดีกว่า”

หลู่เฟยที่ได้ยินคำว่าตายเพียงคำเดียวก็ถึงกับสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เงามืดแห่งความตายได้ตามหลอกหลอนนางมานานเหลือเกิน

สามปีมานี้นางจมอยู่กับความสิ้นหวัง

แต่เป็นเพราะช่วงไม่นานมานี้ได้พบกับแสงรุ่งอรุณแห่งความหวัง

แต่แสงสว่างนั้นกลับเป็นสิ่งที่พระชายาฉู่เป็นผู้ที่มอบให้

ในใจของนางตอนนี้ซับซ้อนอย่างมาก นางไม่เกรงกลัวที่จะกลายเป็นผู้ลืมบุญคุณคน นางสนใจเพียงแต่ความอยู่รอดของลูกชายเท่านั้น

แต่ว่าผู้ใดกันที่ได้มอบความหวังให้กับนางในตอนที่นางสิ้นหวังที่สุดเล่า?

ทังหยางกัดฟันแน่นกล่าวด้วยความเศร้าโศก : “ท่านหญิง ถึงแม้พระชายาจะมารักษาอ๋องหวยตามพระบัญชาฝ่าบาท แต่นางไม่ได้กล่าวว่าจะสามารถให้การรักษาจนหายป่วยได้ พระชายาไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผู้อื่น และไม่มีความจำเป็นต้องขัดแย้งกับพระชายาจี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะพระนางกลัวว่าพระชายาจี้จะสร้างผลกระทบต่อการรักษาท่านอ๋อง และไม่ลังเลเลยแม้จะต้องบาดหมางกับพระชายาจี้ นี่นับเป็นเพียงการร้างคุณงามความชอบเท่านั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ?”

หลู่เฟยถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะมอบยาเม็ดจื่อจินให้กับทังหยาง ถึงแม้จะมีความลังเล แต่ใบหน้าของนางก็แสดงความโล่งใจออกมา

“เอาล่ะ จะเป็นหรือตายแล้วขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว ยาเม็ดจื่อจินนี้ได้มอบไปแล้ว ระหว่างหวยเอ๋อร์และนางก็นับว่าสิ้นแล้วต่อกัน”

ที่จริงแล้วนางเข้าใจเป็นอย่างดีว่าไม่อาจที่จะสิ้นแล้วต่อกัน เพราะการที่พระชายาฉู่ประสบเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ เกิดมาจากอ๋องหวย

ถึงงอย่างนั้น การพูดก่อนย่อมดีกว่าเพื่อไม่ให้ถูกผู้นำไปติฉินนินทาได้

และนี่คือวิธีการในการจัดการปัญหาของหลู่เฟย นางไม่มีความต้องการในการแสวงความได้เปรียบ หรือต่อให้นางจะได้เปรียบมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร แต่นางไม่มีทางยอมที่จะเป็นฝ่ายเสียแต้มเด็ดขาด

มีหรือที่ทังหยางจะไปสนใจเกี่ยวกับความหมายจากคำพูดของนาง?เมื่อได้ยาเม็ดจื่อจินมา เขาก็รีบกล่าวขอบพระทัยแสดงถึงความซึ้งใจก่อนที่จะจากไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน