บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 2000

หงเย่ยกแขนขึ้นพาดไหล่ของเขา แล้วถามว่า "เจ้าอยากแต่งงานหรือไม่? ช่วงนี้ข้ามีโอกาสได้รู้จักกับผู้หญิงหลายคน รูปร่างหน้าตาล้วนใช้ได้ พิณ หมาก เขียนอักษร วาดภาพ ล้วนอยู่ในระดับสูง เวลาอยู่กับเจ้า อาจพอมีหัวข้ออะไรที่สนใจเหมือน ๆ กันก็ได้"

“พิณ หมาก อักษร วาดภาพ? คิดว่าข้าจะชอบของพวกนี้รึ?” โสวฝู่กลอกตามองบนใส่ เสียดายเวลาที่ได้รู้จัก ได้ทำงานร่วมกันมานานขนาดนี้เสียเปล่า ๆ ไม่รู้เลยหรือว่าสิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดตอนนี้ ก็คือพิณ หมาก อักษร วาดภาพน่ะ?

“ไม่ชอบพิณ หมาก อักษร วาดภาพ ? เช่นนั้นเป็นขี่ม้า ยิงธนู เล่นไพ่นกกระจอกก็ได้ ข้าก็พอจะรู้จักผู้หญิงในสาขาอาชีพนี้อยู่บ้าง”

“บุ๋นไม่รัก บู๊ก็ไม่รัก เรื่องสนุกสุขสันต์บันเทิงใด ๆ ข้ายิ่งไม่รัก เรื่องทุจริตเสื่อมทรามทั้งหลาย ข้าในฐานะโสวฝู่ประจำราชวงศ์ ควรชำระตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ รักตัวเองให้มาก "

“แล้วเจ้ามีเกณฑ์การคัดเลือกคู่ครองอย่างไรล่ะ? จากนี้ข้าจะได้ช่วยมอง ๆ หาให้เจ้าสักคน”

โสวฝู่ยื่นมือข้างหนึ่งออกไป กดหงเย่ลงกับพื้น ใช้ฝ่ามือกดที่หลังคอของเขา “พูดมา รับผลประโชน์จากแม่ของข้ามาเท่าไหร่ล่ะ?”

หงเย่สามารถสลัดตัวจนหลุดจากการจับกุมได้อย่างง่ายดาย จัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยด้วยท่วงท่าสง่างาม “ข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ? สมบัติเงินทองของพวกนี้ขอแค่ข้าต้องการ แค่กระดิกนิ้วทีเดียวเงินก็วิ่งมาหาง่าย ๆ แล้ว หากข้าคิดจะเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเป่ยถัง เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้นับว่าอยู่ใกล้แค่เอื้อม”

ท่านชายสี่กวาดสายตามองมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ดื่มเหล้ารสเข้มขณะที่พูดเบา ๆ ว่า “ก่อนจะพูดแบบนี้ ลองถามข้าดูก่อนไหม?”

หยู่เหวินเห้าก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า "ก่อนที่พวกเจ้าจะพูดแบบนี้ ลองถามเงินในคลังหลวงของข้าดูก่อนไหม?" เป่ยถังตอนนี้ เป็นเหมือนเป่ยถังเมื่อครั้งอดีตเสียที่ไหนกัน ตอนนี้ประเทศร่ำรวยจนเหมือนหมูที่อ้วนจนไขมันไหลเยิ้มท่วมแผ่นดินแล้วไม่รู้รึ?

ทันทีที่ฝ่าบาทระเบิด พวกผู้หญิงสะดุ้งจนเกือบร่ำไห้ ส่วนพวกผู้ชายก็พากันเงียบกริบ

หลังจากหยุดชะงักกันไปครู่หนึ่ง โสวฝู่ก็ยังต่อความยาวกับหงเย่ต่อ "ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรมา? ไม่ได้รับจริง ๆ รึ? เจ้ากล้าสาบานต่อสวรรค์หรือไม่?"

“ทำไมข้าต้องสาบานด้วยล่ะ?” หงเย่หัวเราะด้วยสีหน้าเหลาะแหละ “ล้อเล่นน่า ข้าในตอนนี้กลายเป็นคนที่ซื้อตัวได้ง่าย ๆ แบบนั้นไปแล้วรึ?”

“ได้ หลังจากนี้ข้าจะไปทุบกู่ฉินที่บ้านเจ้าให้พังเละเลย”

หงเย่กลอกตามองบนใส่เขา "ท่านป้าบอกว่าเชิญพ่อครัวขนมหวานคนหนึ่งมาให้ข้า เพื่อให้มาทำขนมให้ข้าคนเดียวโดยเฉพาะ ท่านป้าบอกว่าเป็นคนที่คัดมาพิเศษ นางรู้วิธีใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของข้า ตอนนี้ข้าเลยได้แต่ต้องรับปากนาง"

“เจ้ารีบไสหัวไปตายซะ!” โสวฝู่เงื้อเท้าขึ้นเตะเขาไปหนึ่งที

"กิริยาไม่เหมาะสม" หยู่เหวินเห้าปรายตามองเป็นสัญญาณเตือน "โสวฝู่ของข้า จะต้องไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้าและวาจา ทั้งไม่ควรลงไม้ลงมือตามใจชอบ"

บนใบหน้าของโสวฝู่ไร้อารมณ์อื่นใดให้เห็น "ข้าก็แค่ขยับเท้านิดหน่อย"

เขามองหงเย่ด้วยสายตาดูถูกเต็มที่ "แค่พ่อครัวขนมหวานคนเดียวก็ซื้อตัวเจ้าได้แล้ว เจ้าช่างเป็นของราคาถูกเสียจริง!"

"ข้าเป็นของดีราคาถูกมาตลอดนั่นล่ะ" หงเย่ไม่มีท่าทีละอาย แต่กลับรู้สึกเป็นเกียรติเป็นศรีมาก

สาวใช้ยกน้ำร้อนเข้ามา องค์หญิงสั่งให้นางออกไป แล้วเช็ดมือกับใบหน้าให้เขาด้วยตัวเอง เช็ดคราบเขม่าควันจากการย่างเนื้อออกจนหมด "ราชบุตรเขย ข้ามีคำถามหนึ่ง ที่ผ่านมาข้าไม่เคยถามเจ้ามาก่อนเลย"

"ถามมาสิ"

องค์หญิงนั่งลง มองดูเขา “หลายปีมานี้เจ้าซื่อสัตย์ต่อพี่ห้ามาตลอด ทั้งยังทุ่มเทเรื่องกายแรงใจเพื่อราชสำนักเสมอมา แต่ข้าจำได้ว่าตอนที่เพิ่งแต่งให้เจ้าใหม่ ๆ เหมือนว่าเจ้าจะไม่สนใจทำอะไรอีกแล้วทั้งนั้น กระทั่งสำนักเหลิ่งหลังกับกิจการของเจ้าก็ยังปล่อยให้คนอื่นทำ พี่สะใภ้หกยังบอกเลยว่าเจ้าเตรียมตัวจะเกษียณออกมาใช้ชีวิตบั้นปลายแล้ว ทำไมถึงยอมกลับมาทำงานหนักเป็นสิบ ๆ ปีแบบนี้อีกล่ะ?”

ท่านชายสี่มองนาง ริมฝีปากวาดเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ “มีเหตุผลสองประการ ประการแรกคือเจ้าห้ามีแรงชักจูงที่ดึงดูดให้คนรู้สึกเชื่อมั่นได้ อุดมคติและความรับผิดชอบที่มีต่อเป่ยถังของเขามันทำให้ข้าประทับใจ ในเวลานั้นทุกคนต่างมีความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ สร้างบรรยากาศที่เกิดจากการอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ ผลักดันไปจนถึงระดับสูงสุดในจุดที่ตัวข้าไม่เคยไปถึงได้มาก่อน ตอนนั้นข้าถึงได้ถูกล้างสมองจนโง่งม ถึงขั้นที่อยากเป็นคนคนหนึ่งในนั้น คนที่มีส่วนผลักดันประเทศชาติให้ก้าวหน้า ดังนั้นในตอนที่เจ้าห้าตามหาข้าจนพบ ข้าก็แค่แสร้งทำเป็นเห็นด้วยตอบตกลงเขาไปทันที "

องค์หญิงมองเขาขณะยกมือขึ้นเท้าคาง "ยังมีเหตุผลอีกประการหนึ่งไม่ใช่รึ?"

ท่านชายสี่ยื่นมือออกมาหยิกแย้มของนางเบา ๆ “เพราะเจ้า เจ้าคือองค์หญิงแห่งเป่ยถัง จึงมีเหตุผลที่เจ้าควรทุ่มเทแรงกายแรงใจให้ดีที่สุดเพื่อเป่ยถัง ข้าแต่งกับเจ้า ก็คือการกักตัวเจ้าไว้แต่ในบ้านให้มีลูกมีหลาน เช่นนั้นธุระตามหน้าที่การงานของเจ้า ให้ข้าทำหรือให้เจ้าทำล่ะ?”

“ข้ารึ? ข้าไม่มีธุระหน้าที่อะไรนี่? แล้วองค์หญิงก็เข้าไปยุ่งเรื่องในราชสำนักไม่ได้ด้วย”

“แต่เจ้ามีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ รู้หรือไม่ว่าข้าชื่นชมอะไรในตัวลูกศิษย์ของข้าที่สุด ก็คือแต่ไหนแต่ไรมา นางไม่เคยรู้สึกเลยว่าเรื่องอะไรในโลกนี้ล้วนไม่เกี่ยวกับผู้หญิง นางยังสอนเจ๋อหลานแบบนี้ด้วย เจ้าดูสิ เจ๋อหลานวางแผนว่าจะไปเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนสตรีแล้ว พวกนางมีกำลังตรงส่วนไหน ก็จะออกแรงทำงานตรงส่วนนั้น ในจุดนี้เจ้าต้องเรียนรู้ให้มาก”

องค์หญิงยิ้มแย้มอย่างมีความสุข “ได้ พอดีว่าทางสถานรับเลี้ยงเด็กยังต้องสร้างอาคารเพิ่มเติม วันพรุ่งนี้ข้าจะส่งเงินไปที่นั่นทันที”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน