วันแรกของปีใหม่ ทุกคนไปน้อมทักทายที่จวนอ๋องซู่ก่อน จากนั้นค่อยกลับมาดื่มชาที่วัง
บรรดาพี่น้องสะใภ้ต่างก็มารวมตัวกัน อะซี่ก็ตามสวีอีเข้าวังมาด้วย เพิ่งเข้าวังมาสวีอีก็ถูกฝ่าบาทเรียกให้ไปตกปลาทันที นี่มันกลางฤดูหนาวนะ มีปลาที่ไหนให้ตกด้วยรึ?
ฝ่าบาทนี่ก็จริง ๆ เลย จนป่วยหนักขนาดนี้แล้วแท้ ๆ จะเดินเหินก็ยังแทบไม่ตรงทาง ยังอุตสาห์ฝืนลากสังขารอันอ่อนแอ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงที่แข็งแกร่งไปตกปลาอีก
ลมหนาวพัดโชย หิมะที่ตกลงมาเมื่อสองสามวันก่อนจนบัดนี้ก็ยังไม่ละลาย ถูกข้ารับใช้ในวังกวาดไปกองรวมกันไว้อีกด้านหนึ่ง ขอบริมทางเดินสกปรกเล็กน้อย มีร่องรอยของเศษประทัดสีแดงกระจัดกระจายอยู่บนโคลน แต่กลับดูแล้วค่อนข้างงดงามมีศิลปะ
สวีอีพยุงฮ่องเต้ ด้วยความที่เมื่อคืนนี้เขาร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหลอย่างหนัก วันนี้ดวงตาของเขาจึงบวมเป่งเหมือนหนังตาปลา วันนี้เขาเข้าวังมาแต่เช้า รออยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน ถูกลมหนาวพัดใส่จนใบหน้าแดงก่ำ น้ำมูกเย็นเฉียบแทบจะจนกลายเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว
หยู่เหวินเห้ายื่นมือไปผลักเขาออก มีท่าทีรังเกียจเล็กน้อย ในใจอดนึกทอดถอนใจไม่ได้ สวีอีที่เป็นแบบนี้ รัชทายาทไม่มีทางเห็นเขาในสายตาแน่ ๆ ไม่ใช่เรื่องที่เขาไม่มีความสามารถในการทำงานให้ดี แค่พูดเฉพาะปัญหาด้านความสะอาดอย่างเดียวก็ไม่ผ่านแล้ว
“สวีอี ข้ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องพูดกับเจ้า จงเงี่ยหูแล้วตั้งใจฟังข้าให้ดี”
"ข้าไม่ฟัง!" สวีอีเริ่มรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่อัดแน่นอยู่ภายในใจพลุ่งพล่านขึ้นมาระลอกแล้วระลอกเล่า เจือด้วยความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจที่ถูกทอดทิ้ง
หยู่เหวินเห้าเงื้อเท้าข้างหนึ่งมาได้ก็เตะไปที่ก้นเขาทันที ก่อนจะพูดอย่างโกรธเคืองว่า: "ทำตัวแง่งอนเป็นผู้หญิงไปได้ หัดพูดจาให้มันดี ๆ มีเหตุมีผลหน่อยได้หรือไม่? เอามือออกไปซะ ถ้าสิ่งที่ข้าพูดออกไปมีคำไหนที่เจ้าฟังไม่เข้าใจล่ะก็ จงรีบไสหัวกลับจวนของเจ้าไปให้พ้น ๆ หน้าข้าซะ"
สวีอีพูดด้วยสีหน้าน้อยอกน้อยใจเป็นที่สุด: "ท่านพูดมาเถอะ กระหม่อมจะตั้งใจฟังให้ดี"
“ยิ้มหน่อย” หยูเหวินเห้าใช้มือทั้งสองข้างดึงหน้าเขา พลางจ้องมองเขานิ่ง ๆ “ไอ้สีหน้าน้อยอกน้อยใจพรรค์นี้ของเจ้าน่ะ กระทั่งข้าก็ยังไม่อยากชายตามองให้เสียอารมณ์เลย”
สวีอีพลันคิดถึงธุรกิจต้อนรับลูกค้าอย่างกระตือรือร้นที่หอฉิน ก็พยายามฝืนเค้นรอยยิ้มออกมา แต่พอในใจคิดขึ้นมาได้ว่าอีกเดี๋ยวเขาก็ต้องแยกจากฝ่าบาทแล้ว จึงอดรู้สึกทุกข์ทรมานใจขึ้นมาอีกไม่ได้ กระทั่งขอบตาก็ยังแดงก่ำไปด้วย
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า "ท่าทางไม่เอาไหนแบบนี้ ทำให้ข้าวางใจเจ้าไม่ลงเลยจริง ๆ"
“กระหม่อมก็วางใจท่านไม่ลงเช่นกัน” สวีอีมองเขาตาปริบ ๆ “ดังนั้น ถ้าท่านจะจากไป ได้โปรดพากระหม่อมไปด้วย ให้กระหม่อมไปอยู่รับใช้ท่านสักครึ่งปีแล้วค่อยกลับมา ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
หยู่เหวินเห้าตกใจจนผงะ "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคิดจะให้เจ้าไปอยู่รับใช้ครึ่งปี?"
"ท่านอยากให้กระหม่อมไปจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?" จู่ ๆ สวีอีก็ยิ้มเริงร่ายินดีขึ้นมา ถลาเข้าไปคว้าแขนของหยู่เหวินเห้า "ฝ่าบาท กระหม่อมกับท่านช่างใจตรงกันยิ่งนัก เมื่อคืนกระหม่อมเพิ่งจะคุยกับอะซี่เองว่า ไม่ว่าอย่างไรก็จะขอร้องให้ท่านพากระหม่อมไปที่นั่นด้วยสักครึ่งปี”
หยู่เหวินเห้ามองเขาด้วยสายตาที่ซับซ้อน จะว่าไปเรื่องนี้คงไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว
พูดตามตรง เขาไม่ค่อยอยากมีใจตรงกันกับสวีอีสักเท่าไหร่ เขาควรมีใจตรงกันกับเจ้าหยวนต่างหาก
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขากับสวีอีมีใจตรงกัน นั่นย่อมหมายความว่าสิ่งที่เขาคิดจะไร้เดียงสาพอ ๆ กับสวีอี ในฐานะฮ่องเต้ซึ่งได้เห็นความผันผวนที่ยากจะคาดเดาทุกรูปแบบในราชสำนักมาแล้ว ในใจเขาย่อมไม่มีความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอะไรขนาดนั้นหลงเหลืออยู่
ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปเถอะ สวีอี ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าก็คงไม่อาจแยกกับเจ้าได้
ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ที่ข้าเข้าวังไปน้อมทักทาย ก็เห็นว่านางดูมีความสุขมาก เหมือนกับว่านางเด็กลงกว่าแต่ก่อนนี้เสียอีก ผู้หญิงเราน่ะ พอมีความสุขแล้วก็จะทำให้ไม่ดูแก่เลยล่ะ
ฮูหยินเหยายกมือขึ้นมาลูบ ๆ คลำ ๆ ใบหน้าของตัวเอง ในฐานะผู้หญิงที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม นางรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเล็กน้อย
หยวนชิงหลิงใช้ปลายเท้าเตะนางเบา ๆ ไปครั้งหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มหยอกเย้าว่า "เจ้าลูบใบหน้าเหี่ยว ๆ ของตัวเองทำไมน่ะ? เจ้าไม่มีความสุขรึ?"
หรงเยว่หัวเราะเยาะ "นางไม่มีความสุข? ถ้าไม่เพราะอายุมากแล้ว บวกกับขอให้ฮูหยินเฒ่าสั่งยาคุมกำเนิดให้ ข้าเดาได้เลยว่าป่านนี้คงมีลูกคนที่สองคนที่สามกับฮุ่ยเทียนไปแล้วล่ะ ข้าได้ยินคนในจวนเล่าว่า พวกเขาพอตกค่ำก็ร่วมขับกล่อมเพลงรักอภิรมย์ไม่เคยขาด พอกลางวันก็หยอดคำหวานให้กันไม่มีแผ่ว อายุจนปูนนี้แล้วแท้ ๆ ยังรักกันหวานชื่นขนาดนี้ ทำเอาคนเขาอิจฉาแทบตายแล้ว”
“ถุย!” ฮูหยินเหยาหน้าแดงเถือก “ปากเจ้ามันพูดอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้วใช่ไหม? ถึงได้คอยจ้องแต่จะสอดส่องเรื่องบนเตียงของคนอื่นเขาตลอดเวลาน่ะ”
พระชายาซุนแสยะยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ "พูดเรื่องนี้ก็ดีออกนะ ข้าชอบพูดเรื่องแบบนี้ที่สุดเลยล่ะ แต่จะพูดไป ช่วงนี้พี่รองของพวกเจ้าเพิ่งจะได้ไปเรียน....."
หุบปากเดี๋ยวนี้เลย ฟังจนหูด้านชาไปหมดแล้ว ทุกคนอ้าปากห้ามนางอย่างพร้อมเพรียง ตอนนี้บนร่างของพี่รองมีไฝมีขี้แมลงวันอยู่กี่เม็ด ทุกคนต่างก็รู้จนชัดแจ้งแจ่มแจ้งกันทุกซอกทุกมุมแล้ว
พระชายาซุนพูดด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจ: "อะไรกันล่ะ? ข้าแค่จะบอกว่าช่วงนี้พี่รองของพวกเจ้าเพิ่งไปเรียนเพลงกระบี่ใหม่ ๆ มาได้สองสามกระบวนท่า แล้วก็มารำกระบี่ให้ข้าดูในจวนทุกวันเลย แต่ถ้าพวกเจ้าพูดถึงเรื่องนั้นล่ะก็ ช่วงนี้พี่รองของพวกเจ้าก็นับว่าออกแรงหนักไปบ้างเหมือนกัน...."
หรงเยว่รีบพุ่งเข้าไปปิดปากนางไว้ทันที "ยายแก่ตัณหากลับนี่ คิดจะเล่นมุกอ่อยอีกแล้วล่ะสิถ้า? แตงเก่าเฉาน้ำของเจ้าน่ะ ฟื้นคืนชีวิตกลับมาใหม่ได้นานแค่ไหนแล้วล่ะ?"
พระชายาซุนดึงมือนางออก หัวเราะชอบใจจนตายิบหยีเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...