นางโจวเห็นเขาลืมตาขึ้น ก็ตกใจถอยหลัง จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างค่อนข้างน้อยใจว่า “นี่เจ้าเห็นผีหรือ? เหลือกตาโตขนาดนี้ คนไม่รู้ยังจะคิดว่าเป็นศพกระตุกเสียอีก”
เจ้าพระยาจิ้งได้ยินเช่นนี้แล้ว ก็ตะโกนใส่นางว่า “เจ้าหุบปาก ปากสุนัขย่อมคายงาช้างออกมาไม่ได้จริงๆ ศพกระตุกอะไร? ข้าตายแล้วหรือ?”
นางโจวถูกเขาตะคอกใส่จนอึ้ง เห็นช่วงนี้เขาโมโหรุนแรงมาก จึงไม่กล้าทำให้เขาโกรธอีก ยกซุปแก้เมามาให้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดื่มซุปแก้เมาก่อน”
เจ้าพระยาจิ้งคอแห้งอย่างมาก รับมาดื่มจนหมด พร้อมถามขึ้นว่า “วันนี้ท่านแม่ทานข้าวหรือยัง?”
นางโจวเม้นปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครจะไปรู้?ฮูหยินดูแลอยู่”
เจ้าพระยาจิ้งปัดผ้าห่มจะลงจากเตียง นางโจวรั้งเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่ท่านจะทำอะไร? ดึกขนาดนี้แล้ว หากท่านจะไปก็ไปพรุ่งนี้เถอะ ฮูหยินใหญ่คงนอนลงแล้ว”
เจ้าพระยาจิ้งเดินโซเซออกจากประตูไป ปากก็บ่นด่าว่า “เจ้าจะไปรู้อะไร คนที่เป็นโรคลม นอนหลับแบ่งเวลาด้วยหรือ? กลางวันนอนเยอะ กลางคืนก็จะตื่นอยู่”
นางโจวพูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “ปกติก็ไม่เห็นกตัญญูขนาดนี้ ไม่รู้ว่าไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า ตอนนี้ถึงคิดอยากที่จะตอบแทน ไม่ใช่เจ้าหรือที่ทำให้ฮูหยินใหญ่โกรธ?”
เจ้าพระยาจิ้งหันกลับมา พูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดว่า “หากเจ้ายังพูดไปเรื่อยอีก ข้าจะฆ่าเจ้า”
นางโจวเห็นท่าทีเขาเหมือนกับจะฆ่าคน ก็ตกใจตกตะลึงเงียบทันที
ฮูหยินใหญ่ตื่นอยู่จริงๆ หมอหลวงเฉาฝังเข็มให้เขา เพื่อให้เลือดไหลเวียนสะดวก อาการค่อนข้างดีขึ้น แต่ยังคงไม่สามารถพูดได้
เจ้าพระยาจิ้งเดินโซเซไปที่ข้างเตียง กลิ่นเหล้าในร่างกายยังไม่จางหาย ฟุ้งกระจายใส่ฮูหยินใหญ่
เจ้าพระยาจิ้งนั่งลงด้านข้างเตียง มองเห็นฮูหยินใหญ่เหลือกตาโต เขาตกใจจนตัวหด ตกลงมา
“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านตื่นแล้วหรือ?”เขาค่อยๆปืนขึ้นมา นั่งลงอย่างเรียบร้อย ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
ฮูหยินใหญ่มองดูเขา ตั้งแต่เป็นโรคลม นางพูดไม่ได้ ในหัวสมองคิดถึงภาพเรื่องราวในวัยเด็กของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กชายตัวน้อยที่เดินโซเซมายื่นมือเรียกว่าท่านแม่ ตอนนี้กลับเติบโตขึ้นมากลายเป็นคนที่น่ารังเกียจ
เลือดแห่งความโกรธพุ่งขึ้นมา นางบีบคำพูดออกมาจากปากว่า “สามารถ...ทำตัวให้เป็นคนหน่อยได้ไหม?”
เจ้าพระยาจิ้งสะลึมสะลือ เมื่อได้ยินประโยคนี้แล้ว เขาเหมือนโดนฟ้าผ่า นิ่งอึ้งไปสักพัก ทันใดนั้นแล้วก็โอบกอดฮูหยินใหญ่ ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
ฮูหยินใหญ่ถอนหายใจ อ้าปากกว้าง น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง
นางเหนื่อยอย่างมากแล้ว กลั้นลมหายใจสุดท้ายไว้ ไม่ยอมตาย ก็เพื่อลูกเวรคนนี้
ซุนมามาเข้ามา มองเห็นทั้งสองแม่ลูกต่างก็กำลังร้องไห้ นางก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหล รีบปิดประตูแล้วก็ออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าพระยาจิ้งไปยังจวนอ๋องอาน
เขามองดูอ๋องอาน รวบรวมความกล้าครั้งแรก พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ท่านอ๋อง เรื่องที่ท่านสั่งเมื่อวาน ข้ากลับไปคิดดูแล้ว คิดว่าข้าทำไม่ได้ ขอท่านอ๋องให้อภัย”
อ๋องอานหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “อ๋อ? เช่นนี้ เจ้าพระยาจิ้งไม่อยากกลับมารับราชการอีกแล้วใช่ไหม?”
เจ้าพระยาจิ้งพูดขึ้นว่า “แม้แต่ฝันยังอยาก แต่ข้าขี้ขลาดมาครึ่งชีวิต ไม่มีความสามารถที่จะรับใช้ราชสำนัก ขอบคุณในความหวังดีของท่านอ๋อง”
เขายกมือประสาน พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอลา”
อ๋องอานมองดูเขาหันตัว ดวงตาก็มืดมัวลงในทันใด พร้อมพูดขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “เจ้าพระยาจิ้ง มีคนฝากให้ข้าบอกกับเจ้าพระยาจิ้งประโยคหนึ่ง”
เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ ทำไมอ๋องอานจะต้องวางแผนหลอกลวงเขา? ทำไมจะต้องจ้องจับตาดูเขา?
“เจ้าพระยาลองคิดดูแล้วเป็นอย่างไร? ด้านหนึ่งคือความมั่งคั่ง ด้านหนึ่งคือเหวลึก เจ้าพระยายังจะครุ่นคิดต่อไหม?”อ๋องอานพูดเร่งเร้าอย่างเย็นชา
เจ้าพระยาจิ้งเข่าอ่อนนั่งลงบนพื้น แววตาหมดหวัง เขายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ?
เขาไปจากจวนอ๋องอานด้วยแขนขาเย็นเฉียบ ในใจกระวนกระวายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากหยู่เหวินเห้าถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาท ตามหลักแล้วคือจะต้องย้ายเข้าไปอยู่ในตำหนักบูรพาตงกง
แต่หยู่เหวินเห้าอ้างว่าหยวนชิงหลิงเพิ่งคลอด ไม่สะดวกที่จะย้าย จึงขออาศัยอยู่ในจวนอ๋องฉู่ไปก่อน
หยวนชิงหลิงไม่ยินยอมที่จะไปอยู่ตำหนักบูรพาตงกง อาศัยอยู่ในวัง ประตูใหญ่ที่ใช้เดินทางเข้าออกก็คือประตูวัง ไม่สะดวกอย่างยิ่ง ต่อไปนางจะเปิดโรงเรียนแพทย์ จะเข้าออกวังได้ตามอำเภอใจแบบนี้ไม่ได้
ดังนั้น ตอนนี้นางก็กำลังคิดหนักหลังจากครบเดือนแล้ว จะพูดกับในวังอย่างไรว่าพวกเขายังคงอยากที่จะอยู่ในจวนอ๋องฉู่ต่อ
หลังจากที่นางพูดเรื่องที่นางไม่สบายใจให้กับหยู่เหวินเห้าฟัง หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “งั้นไม่ง่ายหรือ ให้เจ้าอาวาสไปบอกกับเสด็จพ่อว่า รูปทั้งสามคนของเราเกิดภายในวัด สถานที่เกิดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเด็ก จะต้องอาศัยอยู่ในจวนจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะถึงจะสามารถย้ายออกไปได้ เสด็จพ่อกับเสด็จปู่ต่างก็เชื่อฟังคำพูดของเจ้าอาวาส ใช้ให้เขาไปพูดเหลวไหลเลย”
หยวนชิงหลิงได้ยินคำว่าเหลวไหลสองคำ ก็ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี แต่ว่าเมื่อคิดดูดีๆแล้ว ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดี
หากไม่เข้าไปอยู่ในตำหนักบูรพาตงกง งั้นงานเลี้ยงครบเดือนของเด็กๆ ก็จะต้องจัดจวนอ๋องฉู่แล้ว
งานเลี้ยงครบเดือน สิ่งที่จะต้องเตรียมมีเยอะมาก แม่นมฉีไปที่สำนักนางชีหมิงเยว่ แม่นมสี่กับทังหยางพาคนในจวนทำงานยุ่งกันจนสี่ขาชี้ฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...