บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 699

หยวนชิงหลิงพูดว่า “ท่านน่ะไม่รู้จักวิธีในการจัดการเงิน ค่าใช้จ่ายของหนึ่งเดือน ท่านเอาไปเลี้ยงเหล้าจนหมดในมื้อเดียว ไม่ว่าจะให้ท่านสิบตำลึงหรือสองร้อยตำลึง อย่างไรก็คงใช้ได้ไม่พ้นเดือนอยู่ดี ใช่แล้ว ออกไปทำงานครั้งนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่ หรือว่า ได้พบกับใครบางคนหรือไม่ ”

นางจำได้ว่าเสี้ยนจู่โหรหมิ่นกับคุณหนูห้าแห่งตระกูลกู้เดินทางไปฮู่ยโจว ไม่รู้ไว้ได้พบกันหรือไม่

เขาออกไปทำงานครึ่งเดือน กลับบ้านไม่ได้เข้ามากอดมาหอมนางเหมือนแต่ก่อน กลับมาแล้วก็กล่าวโทษว่านางเอาเงินเก็บส่วนตัวของเขาไปทำให้เขาต้องทนหิว ถ้าเมื่อใดที่เขารู้สึกผิดในใจ ก็จะหาเรื่องควบคุมคนอื่นก่อน

ปรากฏว่า เมื่อหยู่เหวินเห้าได้ยินคำพูดนี้ ดวงตากลอกไปมาหลายครั้ง เห็นได้ชัดว่ารู้สึกผิดในใจ

“ก็…… ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเสียหน่อย พบกับ…… ไม่ได้พบกับใครทั้งนั้น มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไรมาก”หยู่เหวินเห้าหยิบเอาลูกพลับแช่แข็งที่ถูกโยนทิ้งไว้ข้างๆขึ้นมาอีก กัดคำใหญ่ๆ สีหน้าเป็นกังวล

หยวนชิงหลิงไม่ถามอีก นั่งลงตรงหน้าเขา สองมือเท้าไว้ใต้คางมองเขา

หยู่เหวินเห้าถูกจ้องจนรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข จึงยิ้มขึ้นมา “ประเดี๋ยวเจ้าคงจะรู้เอง คงต้องมาหาถึงบ้านแน่ๆ”

สายตาของหยวนชิงหลิงมีแววอันตรายประกายขึ้น “ก่อนที่คนอื่นจะมาหาถึงบ้าน ข้าควรจะรู้ก่อนหรือไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

หยู่เหวินเห้าพยักหน้ารัวๆ เอ่ยด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาว่า “ใช่แล้ว เจ้าต้องรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่เช่นนั้นถ้าจวิ้นจู่องจิ้งมา เจ้าก็ไม่มีอะไรจะทะเลาะกับเขาได้ ”

“ฉะนั้น เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

หยู่เหวินเห้าประสานสองมือเข้าหากัน สายตาที่มองหยวนชิงหลิงนั้นชัดแจ๋วมาก “ข้า……ทำลายความบริสุทธิ์ของลูกสาวผู้อื่นไปแล้ว”

สายตาของหยวนชิงหลิงราวกับมีพายุฝนก่อตัวขึ้นมา หยู่เหวินเห้ารีบยกมือขึ้นมาแก้ตัวว่า “ไม่ได้หมายความเช่นนั้น ไม่ใช่ข้าเป็นคนทำลาย เป็นคนอื่นที่ทำลาย แต่ว่ามีความเกี่ยวข้องกับข้าเล็กน้อย”

“ท่านหมายความว่าอย่างไร”หยวนชิงหลิงถามอย่างนิ่งสงบ ผ่านคลื่นลมฝนมาตั้งมากมายแล้ว ที่จริงไม่มีอะไรทำให้นางจะรู้สึกตกใจและโกรธได้ในชั่วพริบตา

หยู่เหวินเห้าอ้ำอึ้งอยู่ชั่วครู่ ค่อยเล่าความเป็นไปเป็นมาของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ที่แท้พวกเขาก็ไปยังหนานอานก่อนจะวนกลับมายังฮู่ยโจว หลังจากกลับมาจากกองทัพที่ฮู่ยโจว ก็ไปอาศัยอยู่ยังบ้านเก่าของกู้กั๋วกงสองวัน

ไหนเลยจะรู้ว่า เสี้ยนจู่โหรหมิ่นก็อยู่ที่นี่ด้วย เข้ามาทำตัวพัวพันกับเขา พี่ชายอย่างโน้นพี่ชายอย่างนี้ หยู่เหวินเห้าไม่สนใจนาง เพื่อเป็นการหลบหน้านางจึงพาสวีอีออกไปเดินชมบรรยากาศของทิวทัศน์และผู้คนของฮู่ยโจว

แต่คิดไม่ถึงว่าเสี้ยนจู่โหรหมิ่นกับคุณหนูห้าแห่งตระกูลกู้ก็ตามไปด้วย ยังตามติดไม่ยอมปล่อย หยู่เหวินเห้ารู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว จึงจงใจเดินทางไปยังสถานที่ที่ค่อนข้างเปลี่ยว ดูสิว่าพวกนางจะตามไปอีกหรือไม่ ปรากฏว่าพวกนางยังคงตามอยู่ตลอดไม่ไปไหน

หยู่เหวินเห้ากับสวีอีจึงใช้วิชาตัวเบาหนีไป ทิ้งพวกนางเอาไว้

ในคืนวันเดียวกัน พวกนางไม่ได้กลับมา กู้กั๋วกงให้คนออกไปตามหาก็หาไม่พบ ช่วงเที่ยงของวันที่สอง จึงพบว่าพวกนางอยู่ในหอคณิกาแห่งหนึ่ง

หลังจากตรวจสอบแล้วจึงรู้ว่า เดิมทีพวกนางสองคนพาบ่าวรับใช้ตามหยู่เหวินเห้าไป หยู่เหวินเห้าจงใจนำทางพวกนางให้ไปยังสถานที่ที่ค่อนข้างเปลี่ยว แล้วก็ทิ้งไว้ไม่สนใจ ทำเอาพวกนางหลงทางกลับมาไม่ได้ ได้แต่ถามทางกับคนแถวนั้นมาตลอดทาง ที่แห่งนั้นเดิมก็วุ่นวายอยู่แล้ว พวกนางมีหน้าตาสวยงามบวกกับไม่ได้พูดสำเนียงในท้องถิ่น จึงถูกคนลงมือลักพาตัวไป พาไปยังหอคณิกา

แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้ถูกกระทำการข่มขืน แต่เป็นถึงเสี้ยนจู่คนหนึ่ง อีกคนก็เป็นคุณหนูของตระกูลกู้ ถูกคนค้นหาจนพบในหอคณิกา ความบริสุทธิ์นั้นนับว่าถูกทำลายไปแล้ว

และเพราะว่าตอนนั้นหยู่เหวินเห้าก็ได้ออกไปตามหาพร้อมกัน ฉะนั้นหลังจากที่ช่วยเหลือเสี้ยนจู่โหรหมิ่นและคุณหนูห้าออกมาจากหอคณิกาแล้ว เสี้ยนจู่โหรหมิ่นก็ร้องไห้โฮกับหยู่เหวินเห้า บอกว่าเขาจงใจทิ้งนางเอาไว้ ทำให้นางถูกพวกคนชั่วลักพาตัวไป ระหว่างที่ตำหนิอย่างเจ็บปวด นางก็พูดถึงฐานะของหยู่เหวินเห้ากับนาง

หยวนชิงหลิงยิ้มจนตาหยีแทบลืมไม่ขึ้นแล้ว “โชคชะตาของท่านทำให้ต้องพบเจอกับนาง ยอมรับเถอะ แต่งกับนาง ให้นางเป็นเทพเฝ้าประตูให้ท่าน วันหน้าจะไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องท่านอีก”

“ยายหยวน”หยู่เหวินเห้าถลึงตาให้นาง “ข้าโมโหจริงๆแล้วนะ”

หยวนชิงหลิงกอดคอของเขาเอาไว้ ดูจริงจังขึ้นมา พูดว่า “ได้ ครั้งนี้ข้าจะช่วยท่านแก้ปัญหา แต่ให้จำไว้เป็นบทเรียนห้ามทำอีก ถ้าหากยังมีครั้งต่อไปละก็ นางมา ข้าไป พวกเราหย่ากัน ”

หยู่เหวินเห้าได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจ ร้องตะโกนว่า “ให้ตายข้าก็ไม่หย่า”

หยวนชิงหลิงจุ๊ปาก “กับข้านั้นรู้จักดุใส่ ถ้าจะดุเช่นนี้ทำไมไม่ไปทำกับจวิ้นจู่องจิ้งเล่า”

“นั่นทำไม่ได้ ข้ากลัวหญิงปากร้าย”หยู่เหวินเห้านึกถึงนิสัยใจคอของสองแม่ลูกจวิ้นจู่องจิ้งแล้วก็หัวใจกระตุก ถ้าหากไม่ใช่ญาติ แม้แต่ไปมาหาสู่ก็ไม่จำเป็น

หยวนชิงหลิงยิ้ม คิดถึงท่าทีดุร้ายของจวิ้นจู่องจิ้งที่เคยเห็นตอนอยู่ที่ตำหนักสู้ซิน ช่างน่ากลัวจริงๆ

เผชิญหน้าคนเช่นนี้ แสดงความอ่อนแอนั้นไร้ประโยชน์ จำเป็นต้องดุกว่านาง

หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตนเองที่เป็นนักวิจัยคนหนึ่ง คงไม่อาจจะดูดุกว่านางได้ แต่ว่า ในเมื่อภายหน้าต้องควบคุมดูแลตำหนักอันกว้างใหญ่ของรัชทายาทให้อยู่หมัด ยังต้องห้ามไม่ให้คนอื่นมาหมายปองจับจ้องคนเนื้อหอมในบ้านของนางอีก ฉะนั้น ถึงเวลาที่สมควรดุ ก็ต้องดุซะบ้าง ดีที่สุดคือทำครั้งเดียวให้สำเร็จ

เพื่อเรื่องนี้ วันรุ่งขึ้นนางก็ให้คนไปเชิญหรงเยว่มาตั้งแต่เช้า ขอคำแนะนำในการฝึกฝนวิชาอาละวาดหาเรื่องเสียหน่อย

พอหรงเยว่ได้ยินว่าเป็นเรื่องทะเลาะกันก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างยิ่ง ยังบอกว่าจะช่วยออกหน้าไปทะเลาะกับจวิ้นจู่องจิ้งเอง แต่ว่าหยวนชิงหลิงปฏิเสธไป เพราะว่าเรื่องนี้ถ้ามีครั้งแรกต้องมีครั้งที่สอง เพื่อให้ชื่อเสียงด้านลบของนางขจรแพร่ไกลออกไป ทางที่ดีที่สุดคือให้นางออกหน้าเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน