บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 71

บทที่ 71 พระชายาคลั่งฤทธิ์สุรา

ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าว “ในเมื่อเจ้าห้าให้เกียตริเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะให้เกียตริเจ้าห้าสักครา เรื่องแต่งงานบังคบไม่ได้ เพื่อทีหลังทั้งสองคนจะเกลียดกัน เรื่องนี้ข้าจะไปอธิบายกับเสียนเฟยเอง เจ้าจงไปเถอะ”

จริงด้วยยังมีเสียนเฟยอีก ตอนนี้แม้แต่แม่สามีนางก็ไปสร้างความขุ่นเคืองด้วยแล้ว ทั้งยังมีศัตรูจากทั่วทุกสารทิศอีก

เมื่อออกมาจากห้องทรงพระอักษร ในใจของหยวนชิงหลิงก็มีแต่ความเครียดแค้นพยาบาทเกิดขึ้น หากการฆ่าคนไม่มีความผิด หยู่เหวินเห้านั้นคงจะต้องตายด้วยน้ำมือของนางเป็นแน่

พอออกมาจากห้องทรงพระอักษร ด้านนอกก็มีคนอยู่รอนางพอดี พร้อมกล่าวว่าเสียนเฟยต้องการพบนาง

แรงกดดันจากภายนอกนั้นไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าจะมาถึงเมื่อใด แต่หากมาจากเสียนเฟยนั้นถือว่ารวดเร็วอย่างมาก

ในขณะที่กำลังจะมุ่งหน้าเดินไปยังตำหนักชิ่งหยู กลับคาดไม่ถึงว่าเดินได้ครึ่งทางฉางกงกงจะปรากฏตัวขึ้น

“พระชายา ไท่ซ่างหวงมีธุระเรียกเข้าพบ!”

แม่นมแห่งตำหนักชิ่งหยูจึงได้กล่าวขึ้นมา “ฉางกงกง เสียนเฟยได้เรียกเชิญตัวพระชายาก่อน อีกทั้งต้องการเจรจาเพียงไม่นาน เอาเป็นว่าให้พระนางไปยังตำหนักชิ่งหยูก่อนแล้วค่อยไปยังพระตำหนักฉินคุนดีหรือไม่ ?”

ฉางกงกงยิ้มขึ้นราวกับพระสังขจาย “จะเอาเช่นไรก็ได้ ข้าเพียงแต่เกรงว่าหากปล่อยให้ไท่ซ่างหวงรอนานเกินไปอาจจะทรงอาละวาดได้เพียงเท่านั้น”

แม่นมไม่กล้าที่จะต่อความ “เช่นนั้น ให้พระชายาไปเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงก่อน แล้วค่อยไปยังตำหนักชิ่งหยูก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

ฉางกงกงจึงกล่าวขึ้น “เกรงว่าคงจะไม่เร็วขนาดนั้น ทางฝั่งไท่ซ่างหวงมีธุระหลายเรื่อง ทั้งยังมีอีกเรื่องที่จะต้องให้พระนางรีบออกจากวังไปจัดการ เจ้าจงกลับไปทูลแก่เสียนเฟยว่าพระชายาจะไปเข้านางในวันอื่นก็เพียงพอแล้ว”

สีหน้าของแม่นมเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“นี่คือความประสงค์ของไท่ซ่างหวง” ฉางกงกงกล่าวเตือนขึ้นมา

แม่นมโน้มตัวลง “เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปหาเสียนเฟยก่อน”

หยวนชิงหลิงถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมเดินไปกับฉางกงกง

เมื่อเดินไปได้สักระยะ หยวนชิงหลิงจึงกล่าวขึ้นมาว่า “ขอบพระทัยฉางกงกงที่ให้การช่วยเหลือ”

“เป็นเพราะไท่ซ่างหวงเป็นคนที่สามารถคาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้า” ฉางกงกงกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ

ใช่สิ ก็ตาเฒ่านั่นฉลาดจะตาย

แต่ว่าเขาจะสามารถปกป้องตัวนางไปได้นานเท่าไหร่กัน? อยู่ในวังนี้อำนาจของเขานั้นสามารถคุ้มกันนางได้ แต่หากออกนอกวังไป นั้นก็กลายเป็นเรื่องที่เกินกำลังเขาเกินไป

เมื่อมาถึงพระตำหนักฉินคุน ไท่ซ่างหวงก็ออกมาเดินไปมาอยู่ที่หน้าลานเสียแล้ว ถึงแม้ว่าการทรงตัวเดินจะมีความทุลักทุเล แต่ก็ดูมีพละกำลังมากกว่าแต่ก่อน

“ถวายบังคมเสด็จปู่” หยวนชิงหลิงเดินเข้าไปถวายความเคารพ พลางเห็นเขาที่กำลังมีท่าทางทุลักทุเลจึงตั้งใจจะเอื้อมมือออกไปช่วยพยุงเขา

ฉางกงกงรีบกล่าวขึ้นมา “ไม่จำเป็นต้อง……”

ไท่ซ่างหวงจ้องมองเขาเขม็ง เขาจึงเงียบลงไปในทันที

พร้อมกับในใจมีคำพูดมากมายที่เอ่อล้นออกมา ทั้งที่เมื่อสักครู่นี้ยังไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปช่วยประคองเลยไม่ใช่หรอ?

“เข้าไปพูดคุยกันด้านในเถอะ” ไท่ซ่างหวงกล่าว

หยวนชิงหลิงตอบตกลงเพียงคำเดียว แล้วจึงพยุงเขาเข้าไปด้านใน

ตาเฒ่าไม่ได้นอนลงไปบนเตียง เพียงแต่นั่งเอนลงบนที่เตียงลั่วฮั่น โดยมีฉางกงกงเข้ามาช่วยรินน้ำชาให้ ส่วนตัวเขานั้นกลับบีบข้อนิ้วตัวเองอย่างสบายๆ จนเกิดเสียงกร็อกๆ

“ได้ข่าวว่า เจ้าคัดค้านการอภิเษกพระชายารองของเจ้าห้างั้นรึ” ไท่ซ่างหวงหลับตาลงพร้อมกล่าวถามอย่างเรียบเฉย

สมกับที่ว่าเรื่องดีไม่เป็นที่รับรู้แต่เรื่องร้ายกลับรู้ไกลถึงหลายพันลี้จริงๆ

“ท่านอ๋องกล่าวว่าข้าคัดค้าน เช่นนั้นข้าก็คัดค้าน” หยวนชิงหลิงพูดออกมาอย่างไม่สามารถบรรยายความรู้สึกโกรธออกมาได้

“อืม คัดค้านได้ดี” ไท่ซ่างหวงกล่าวอย่างสงบนิ่ง

หยวนชิงหลิงมองไปยังเขา “เหตุใดถึงคิดเช่นเล่าเจ้าคะ?”

“ทำไมจะไม่ดีเล่า?หากเป็นเช่นนี้ ตระกูลฉู่ก็จะไปจัดการกับเจ้าพระยาจิ้งก่อน แล้วเจ้าพระยาจิ้งก็จะไปจัดการเจ้า ส่วนเสียนเฟยเองก็จะจัดการกับเจ้า รวมทั้งทางฝั่งตระกูลซูด้วยก็เช่นกัน ก็ประมาณการว่าเจ้าเป็นหนอนในเนื้อที่จะต้องกำจัดมากที่สุด”

มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นเช่นนั้นสิ!

ไท่ซ่างหวงลืมตาขึ้นมาพร้อมกับจ้องมองนางด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วย ต่อจากนี้ไปเจ้าก็จะเป็นตัวการสำคัญของเรื่องนี้เสียแล้ว”

“เสด็จปู่ จะว่าสิ่งใดโปรดระมัดระวังภายภาคหน้าจะสู้หน้ากันไม่ได้ด้วยเจ้าค่ะ” หยวนชิงหลิงกล่าวอย่า

อดกลั้น จำเป็นที่จะต้องเยาะเย้ยกันถึงเพียงนี้เลยหรือไร?

“ไม่ใช่ข้าผลักไสเจ้าเข้าไปในใจกลางพายุเสียหน่อย เจ้าจะบ่นไปทำไมกันเล่า?”

หยวนชิงหลิงเริ่มเอือมระอา

ก่อนที่ไท่ซ่างหวงจะหันไปหานาง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ข้าจะเป็นเจ้ามือเชิญเจ้าดื่มสุราแล้วกัน”

“เยอะงั้นหรือ ?นั่นคือสุราดองดอกกุ้ยฮัว คนทั่วไปดื่มไปครึ่งกายังไม่เป็นอันใดเลยมั้ง ?นางเพิ่งจะดื่มไปเพียงแค่จอกเดียวเท่านั้นเอง” จอกเมื่อสักครู่นี้ ยังไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ

ไท่ซ่างหวงรู้สึกปวดหัว จนต้องเอามือปิดหูเอาไว้ “บอกให้นางหุบปากเสีย เสียงดังเกินไปแล้ว”

ฉางกงกงเองก็มองไปยังหยวนชิงหลิงที่กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะพร้อมสะเท้าเอวตะโกนด่า ปากของนางขยับพูดอยู่อย่างไม่ยอมหยุด แต่กลับไม่มีผู้ใดเข้าใจเลยว่านางกำลังพูดสิ่งใด ทว่าดูจากท่าทางสีหน้าแล้วนางกำลังเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก

แค่ตะโกนด่ากราดยังพอว่าได้ แต่นางยังจะทุบทำลายของใช้ต่างๆ อีก หากไม่ใช่ว่าได้ปิดประตูตำหนักแล้ว คงจะไม่พ้นที่ผู้คนจำนวนมากจะเข้ามามุงดูเป็นแน่

“นางกล่าวสิ่งใดกันแน่?ไม่เห็นจะเหมือนภาษาเป่ยถังเลย”

“ภาษาวิปลาสพะย่ะค่ะ!” ไท่ซ่างหวงตอบกลับอย่างมั่นใจ

“เฮ้อ จงไปต้มยาคลายฤทธิ์สุราเสีย แล้วรีบส่งตัวกลับไปเถอะ” ฉางกงกงจึงรีบเดินไปเปิดประตูตำหนัก แล้วสั่งการให้นางในที่กำลังตกตะลึงอยู่ด้านนอกไปจัดเตรียมยาคลายฤทธิ์สุรามา ก่อนที่นางในจะเดินจากไปด้วยสีหน้าที่กำลังประหลาดใจว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นในตำหนัก?เสียงที่ได้ยินราวกับหญิงมีอายุกำลังทำการโวยวายอย่างบ้าคลั่ง หรือว่าจะรู้สึกไปเอง?แล้วผู้ใดกันที่กล้ามาโวยวายในพระตำหนักฉินคุนกัน ?แล้วหญิงมีอายุจะมาจากไหนกันอีก?

เมื่อยาคลายฤทธิ์สุรามาถึง หยวนชิงหลิงที่ด่าทอโวยไวจนเสียงแหบแห้งไป ก็กำลังนั่งถอนหายใจอยู่บนโต๊ะพอดิบพอดี

“มา ดื่มต่อเถอะพะย่ะค่ะ!” ฉางกงกงได้แต่จำทนเดินเข้าไปหานาง พลันคิดอยู่ในใจว่าเหตุใดนางถึงได้คออ่อนเช่นนี้กัน?สมแล้วที่หัวใหญ่

หยวนชิงหลิงเอื้อมมือรับ จนยาคลายฤทธิ์สุรากระเด็นออกมา แต่นางก็ยังคงกล่าวอย่างองอาจ “ดื่ม ดื่ม……เหตุใดเหล้าอันนี้ถึงได้ร้อนนักเล่า?”

“สุราที่ผ่านการอุ่นจะได้ยิ่งมีฤทธิ์พะย่ะค่ะ” ฉางกงกงกล่าวตอบ

หยวนชิงหลิงดื่มเข้าไปอึกเดียวจนหมด แล้วทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าภายในกระเพาะกำลังมีอาการปั่นป่วน ก่อนที่นางจะค่อยๆคลานลงมา แล้วเดินไปยืนต่อหน้าไท่ซ่างหวง พลางมองเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ

“ตาเฒ่า ข้าอยากจะอาเจียน”

“ออกไป!” ไท่ซ่างหวงหวาดกลัวจนสบถออกมา

“พระชายา จะทรงไร้มารยาทไม่ได้นะพะย่ะค่ะ!” ฉางกงกงรีบเข้าไปห้ามปราม จะเรียกไท่ซ่างหวงว่าตาเฒ่าได้อย่างไรกัน?

หยวนชิงหลิงหันหน้ากลับไปอย่างสะลึมสะลือก่อนที่จะจับฉางกงกงเอาไว้ แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ฉางกงกง ข้าอยาก ……แหวก……”

ฉางกงกงแหงนขึ้นมองฟ้าอย่างสลด นี่เป็นเสื้อผ้าไหมชุดใหม่ที่ไท่ซ่างหวงประทานให้กับเขา

กู้ซือถูกพระตำหนักฉินคุนเรียกตัวเข้าพบอย่างกระทันหันเพื่อไหว้วานให้ไปจัดการธุระสำคัญ

ก่อนที่กู้ซือนำคนหามเกี้ยวสีน้ำเงินออกมาจากพระตำหนักฉินคุนด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก คนแบกหามเกี้ยวเดินไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังวิ่งเหยาะๆ เมื่อมาถึงนอกพระราชวัง ก็เปลี่ยนมาเป็นรถม้าแทน ซึ่งกู้ซือเป็นผู้บังคับม้าด้วยตัวเอง โดยมีนางในจากพระตำหนักฉินคุนออกมาด้วยหนึ่งคน ซึ่งผู้ที่อยู่ในนั้นต่างก็ตกใจอย่างที่สุด

เพราะหากฝ่าบาททราบเรื่องที่พระชายาไปเมาอาละวาดในพระตำหนักฉินคุนเข้า ทุกคนคงจะต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน