บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 73

บทที่ 73 เจ้าเป็นสุนัขหรือไร

ทังหยางที่เห็นท่าทางของนางที่กำลังถือมีดอยู่ หัวใจก็เต้นดัง ตุบๆๆ ซึ่งในตอนที่เขากำลังจะเอ่ยปากพูด หยู่เหวินเห้าก็ค่อยๆ ลุกขึ้นโดยใช้มือยันกับเอาไว้ พร้อมกล่าวด้วยเสียงทุ้ม

“พระชายามาหาข้า พวกเจ้าออกไปกันก่อนเถอะ”

กู้ซือมองไปทางเขา “แน่ใจหรือพะย่ะค่ะ?”

“ไปเถอะ” หยู่เหวินเห้าตอบกลับ

กู้ซือพยักหน้า ก่อนจะหันไปพูดกับทังหยาง “ไปกันเถอะ”

ทังหยางนั้นรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อสักครู่นี้กู้ซือเพิ่งจะมาแจ้งข่าวว่าพระชายาเมาสุราเพิ่งส่งกลับไป ตอนนี้ก็วิ่งมาที่นี่พร้อมมือที่ถือมีดเสียแล้ว มาโดยไม่ทันตั้งตัวใดๆ ทั้งสิ้น

หญิงสาวคลั่งฤทธิ์สุรา นับว่าอันตรายเป็นอย่างมาก แต่ว่า ถึงบาดแผลของท่านอ๋องยังไม่หายดี แต่การที่จะแย่งมีดมาจากมือของพระชายาคงจะไม่ใช่ปัญหาอะไร

จากนั้นเขาและกู้ซือก็พากันเดินออกไป

“ปิดประตูซะ!” หยวนชิงหลิงยกมีดขึ้น พลางกล่าวอย่างเยือกเย็น

ทังหยางหันไปทางหยู่เหวินเห้า หยู่เหวินเห้าจึงกล่าว “ทำตามที่พระชายากล่าวเถอะ ตอนนี้นางมีอาวุธอยู่ในมือ สุดแต่นางจะว่าเถอะ”

ทันทีที่ประตูปิดลง ภายในตำหนักก็สงบลง หยวนชิงหลิงหายใจหอบ หน้าอกขยับขึ้นลงไม่หยุด

หยู่เหวินเห้ามองไปอย่างนาง ด้วยใบหน้าที่ไม่ได้โกรธเคืองอะไร

“ท่านประชดข้า” หยวนชิงหลิงที่ได้ยินประโยคที่เขาพูดเมื่อสักครู่นี้ก็ยิ่งโมโหยิ่งขึ้น นางมีอาวุธ เลยต้องเอาตามที่นางพูดเช่นนั้นหรือ?นางรู้ดีว่าต่อให้นางจะมีปืนกลอยู่ในมือ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของยังไงนางก็เป็นเพียงผู้ที่อ่อนแอกว่าอยู่ดี

“ไม่ได้ประชดประชันเจ้า เพียงแต่เจ้าเมาแล้ว” หยู่เหวินเห้าลองเดินเข้าไป พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“อย่าเข้ามา ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ ท่านเข้ามาแล้วข้ารู้สึกไม่ปลอดภัย” หยวนชิงหลิงชี้มีดไปพร้อมกล่าวด้วยความโกรธ

“ในมือข้านั้นไร้อาวุธ ทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก ควรเป็นข้าสิที่จะต้องรู้สึกไม่ปลอดภัย” หยู่เหวินเห้ากล่าว

หยวนชิงหลิงพยายามที่จะหลี่ตาลง เพื่อที่จะให้ดูเหมือนมือสังหารมากที่สุด แต่ว่าสุราก็ดันขึ้นหัวมากเกินไป จึงทำให้ดวงตาของนางนั้นกลมใส ไม่มีกลิ่นอายสังหารเลยแม้แต่น้อย

นางสะบัดหน้าเล็กน้อย หลังจากที่วิ่งมาก็รู้สึกว่าโลกมันหมุนมากกว่าเดิม แม้แต่หยู่เหวินเห้าที่อยู่ตรงหน้าของนางก็เคลื่อนไหวไปมาไม่อยู่กับที่ นางจึงสบถคำหยาบออกมา

“แม่เจ้าเอ้ย ข้าขอเตือนเลยว่าท่านอย่าขยับ”

หยู่เหวินเห้ายกมือขึ้นอย่างว่าง่าย “ข้าไม่ได้ขยับ”

หยวนชิงหลิงจะต้องรีบแก้ปัญหาอันยุ่งยากนี้ให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้นางง่วงนอนเป็นอย่างมาก

“ข้าถามท่านหน่อย เหตุใดท่านถึงได้บอกว่าข้าไม่ยินยอมที่จะให้ท่านอภิเษกพระชายารองกัน?”

หยู่เหวินเห้าจ้องนางกลับ “ก็เพราะเจ้าไม่ยินยอม”

“ข้าไปบอกตอนไหนกันว่าข้าไม่ยินยอม?” หยวนชิงหลิงตอกกลับอย่างฉุนเฉียว พร้อมกับยกมีดในมือขึ้นอีกครั้ง แต่แล้วเศษเนื้อที่ติดอยู่หลังมีดก็ลอยออกมา แล้วตกลงบนศีรษะของนาง นางจึงเอื้อมมือขึ้นหาอย่างทุลักทุเลก่อนจะโยนเนื้อก้อนนั้นลงพื้นอย่างรุนแรง นางรู้สึกว่าท่าทางเช่นนี้ดู มีพลังอย่างมาก ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้า ก็ยิ่งทำให้เพิ่มความน่าเกรงขามมากขึ้นไปอีก

หยู่เหวินเห้ากระตุกริมฝีปากขึ้น “ก็ในตอนที่พวกเราอภิเษกกัน เจ้าได้กล่าวไว้ว่าห้ามให้ข้าอภิเษกพระชายารองอีก”

ใช่หรือ?หยวนชิงหลิงเอียงหน้าหนีคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็คิดไม่ออก ทั้งยังไม่มีเรื่องนี้อยู่ในความทรงจำเลยสักนิด

“จำไม่ได้แล้วงั้นหรือ?เช่นนั้นข้าจะพาเจ้ารื้อฟื้นความจำเสียหน่อย” หยู่เหวินเห้าเดินเข้ามาหานางอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงอันทรงเสน่ห์ “เหตุการณ์ในตอนนั้นเจ้ายังจำได้หรือไม่?วันนั้นข้าดื่มจนมีอาการสะลึมสะลือกลับไปยังห้องหอ แล้วเจ้า ……”

หยวนชิงหลิงดึงดันที่จะฟัง พร้อมกับพยายามเบิกตาให้กว้าง ก่อนจะเห็นใบหน้าอันบวมเป่งของเขาเคลื่อนไหวไปมาอยู่ตรงหน้า นางจึงเดินถอยหลังออกไป “ท่านเดินออกไปเสียหน่อย อย่าเข้ามา แล้วก็พูดเรื่องของท่านต่อไป”

หยวนชิงหลิงเช็ดน้ำตาออก “จุดพลุไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

“เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม?เป็นมิตรอะไร?”

หยวนชิงหลิงมองดูใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาที่ยื่นเข้ามา พลันนึกถึงเรื่องที่เขาเคยทำไว้กับตัวเอง พร้อมกับคิดถึงเรื่องที่ว่าหัวของนางจะอยู่บนคอได้อีกไม่นาน ก็รู้สึกเวียนหัวอีกครั้ง แล้วความรู้สึกเสียใจพลันเอ่อล้นออกมา

นางเอื้อมมือออกไปซึ่งในตอนที่มือกำลังจะจับมีด เขาก็เอื้อมเท้าแตะมันออกไป ในขณะที่ที่เขาแตะมีดนั้น เผอิญแตะไปโดนแขนของนางพอดี จนเกือบจะแตะแขนนางหลุดออกจากบ่าไป

ความเจ็บปวดเสียบแทงลงไปในใจ นางโมโหหนักจึงลุงขึ้นมาทันที แล้วกระโจนเข้าไปพร้อมกับคำพูดที่เคียดแค้น “ทำรุนแรงกับคนในครอบครัวงั้นหรือ?ข้าขอเตือนท่านเอาไว้เลยนะว่าห้ามตีข้า ข้าน่ารังแกขนาดนั้นเลยหรือไง?ผู้ชายเจ้าชู้อย่างท่านหยวนชิงหลิงต้องตาบอดแน่ถึงได้หลงชอบท่านได้ ผู้หญิงแบบนี้หากไม่ตาย ข้านี่แหละที่จะลงมือฆ่านางด้วยตัวเอง”

นางกระโจนเข้าไปพลางด่าเขาไปด้วยพร้อมกับทุบตีเขาไปด้วย จากนั้นก็ขึ้นไปคร่อมบนตัวเขา ก่อนจะรัวหมัดลงบนไหล่ทั้งสองของเขา แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้นางหมดแรงแล้ว แต่นางก็ยังคงทุบตีเขาต่อไป ซึ่งมันเหมือนกำลังทุบหลังอยู่เสียอย่างนั้น ไม่มีความรู้สึกเจ็บแต่กลับทำให้รู้สึกสบายตัวอีกด้วย ทว่า บริเวณที่นาง......นั่งทับอยู่นั้นจะดูไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะมี……บาดแผล

“ท่านอ๋อง ต้องให้ช่วยหรือไม่พะย่ะค่ะ?” เสียงของทังหยางดังแทรกเข้ามาจากด้านนอก

หยู่เหวินเห้าตอบกลับอย่างยากเย็น “จงรออยู่ด้านนอก ห้ามเข้ามาเด็ดขาด”

เพราะสภาพแบบนี้ ถ้าพวกเขาเห็นเข้า พวกเขาจะไม่หัวเราะเยาะเขาไปตลอดชีวิตหรือไร ?

เขากุมมือทั้งสองของนางเอาไว้ แล้วกล่าวอย่างขุ่นเคือง “เจ้าพอได้แล้ว อย่าคิดว่าเพราะเมาแล้วข้าจะไม่กล้าลงมือกับเจ้า”

หยวนชิงหลิงที่มือทั้งสองไม่สามารถขยับได้ จึงได้ใช้หัวกระแทกหน้าเขาโดยตรง จนเสียง “ตุบ” ดังขึ้น นางกัดฟัน พร้อมกับหัวที่สั่นระริก

จมูกของหยู่เหวินเห้าถูกกระแทกจนเกือบแตกออกมา เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาแล้ว ก่อนจะยกมือดันคางของนางเอาไว้ “หยุดซะ ได้ยินหรือไม่?”

หยวนชิงหลิงจึงหันหน้าหนีไปอีกข้าง ก่อนจะอ้าปากแล้วกัดลงบนฝ่ามือของเขา

“เจ้าเป็นสุนัขหรือไรกัน?” หยู่เหวินเห้าโมโหอย่างหนัก จนอยากจะแตะนางให้กระเด็นออกไป แต่เมื่อมองเห็นความขุ่นเคืองบนใบหน้าอันแดงก่ำของนางแล้ว เขาก็รู้ตัวทันทีเลยว่าครั้งนี้เขาสร้างความเดือดร้อนให้กับนางแล้วจริงๆ และไม่คิดว่าจะเอความอะไรกับนาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน