บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 80

บทที่ 80 มาเยี่ยมเยือน

รอจนหมอหลวงทำการตรวจดูอาการเสร็จ เจ้าพระยาจิ้งจึงได้ค่อยพาหมอหลวงและสวีอีมาดื่มชาที่โถงใหญ่

เจ้าพระยาจิ้งกล่าวถามสวีอีอย่างระมัดระวัง “อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องหายดีแล้วหรือ?”

“ทำให้เจ้าพระยาเป็นกังวลเสียแล้ว แต่ว่าท่านอ๋องนั้นดีขึ้นเยอะแล้วพะย่ะค่ะ” สวีอีที่ยืนอู่ด้านกล่าวขึ้นอย่างมีมารยาท

“แล้ว……” เจ้าพระยาจิ้งยิ้มออกมา “พระชายาลงมือดูแลท่านอ๋องด้วยตัวเองเช่นนั้นหรือ?ลูกสาวของข้าคนนี้ตอนอยู่ที่จวนก็มีนิสัยตามใจตัวเอง เกรงว่าคงจะไปทำให้ท่านอ๋องโกรธเคืองแล้วล่ะมั้ง?”

“ท่านอ๋องไม่เคยโกรธเคืองถือโษพระชายาเลยพะย่ะค่ะ” สวีอีเบิกตาพูดเรื่องโกหกออกมา ซึ่งแน่นอนว่านี่คือสิ่งที่ทังหยางฝากฝังเอาไว้ และหากเจ้าพระยาจิ้งรู้ว่าความสัมพันธ์ของพระชายาและท่านอ๋องนั้นมีความมั่นคง แน่นอนว่าจะทำให้เขาไม่มาสร้างความลำบากให้กับพระชายา

“เช่นนั้นหรือ ?” ถึงแม้ว่าเจ้าพระยาจิ้งจะไม่อยากเชื่อ แต่คนใช้บอกว่าเห็นพระชายาประคองมือท่านอ๋องเข้าไปในห้อง ซึ่งเขาเองก็เห็นกับตาตัวเอง หรือว่าหยวนชิงหลิงจะสามารถครองใจอ๋องฉู่ได้แล้ว?

หมอหลวงเทพเจ้าแห่งการช่วยเหลือ จึงถอนหายใจก่อนจะกล่าวออกมา “ความสัมพันธ์ของท่านอ๋องและพระชายานั้นดีเป็นอย่างมาก หลายวันมานี้ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ พระชายาก็คอยดูแลอยู่ข้างกายตลอด”

แน่นอนว่า ถึงเขาไม่รู้ว่าหยวนชิงหลิงจะมาเพียงเพื่อขโมยความรู้เท่านั้น แม้นางจะไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีน แต่นางกลับเชื่อมั่นในการรักษาตามแพทย์แผนจีน และหลังจากที่นางพยายามทำวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนายา ทั้งยังเคยทดลองสกัดยาสมุนไพรเพื่อจดกรรมสิทธิ์อีกด้วย

อาร์ตีมิซินินที่ใช้ในการรักษาโรคมาลาเรียและโรคภูมิแพ้ตัวเอง ซึ่งล้วนถูกสกัดมาจากต้นโกฐจุฬาลัมพา หรือสกัดมาจากกรดอาร์เทมิซินิกซึ่งมีความเข้มข้นกว่าสารในต้นโกฐจุฬาลัมพา ซึ่งนับว่าเป็นสมุนไพรกึ่งสังเคราะห์

ดังนั้นช่วงนี้นางจึงพยายามหาวิธีการที่จะเข้าไปศึกษาเรื่องแพทย์แผนจีนกับหมอหลวง

เจ้าพระยาจิ้งเมื่อได้หมอหลวงเฉ่าเป็นคนพูด ถึงค่อยเชื่อว่านั่นเป็นความจริง

ไม่ว่า จะเป็นเพราะสาเหตุใดที่ทำให้อ๋องฉู่เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหยวนชิงหลิง แต่นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะยังไงตอนนี้ ตระกูลฉู่ถูกตัดสินว่ากระทำความผิด ไร้ซึ่งหนทางย้อนกลับ ฉะนั้นเพิ่งพาความหวังจากอ๋องฉู่น่าจะดีกว่า

อ๋องฉู่ถึงแม้จะไม่ถูกฝ่าบาทสั่งให้ออกปฏิบัติงานบ่อยมากนัก แต่ว่าผู้ติดตามของเขานั้นก็ยังมีอยู่ ถ้าหากยินยอมให้การช่วยเหลือ การจะยกเขาให้เป็นแม่ทัพใหญ่นำกองทัพ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องยาก

จากนั้นเจ้าพระยาจิ้งจึงเดินออกไปส่งหมอหลวงเฉ่าและสวีอีพร้อมความพึงพอใจ

สวีอีเดินทางกลับมารายงานเรื่องให้กับหยู่เหวินเห้า ว่าเจ้าพระยาจิ้งนั้นมีความสุขมาก และช่วงนี้คงจะไม่มาสร้างความเดือดร้อนให้กับพระชายา

หยู่เหวินเห้ากล่าวกับหยวนชิงหลิงด้วยอารมณ์สดใส “ไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ!”

หยวนชิงหลิงกัดฟันแน่น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

หยู่เหวินเห้าที่หลังจากมีชัย เขาก็หัวเราะออกมาอย่างภูมิใจ

และเรื่องนี้ก็ทำให้รู้ว่า เจ้าพระยาจิ้งเป็นอีกคนที่หน้าด้านหน้าทนเช่นกัน

เมื่อไม่กี่วันก่อนยังต่อว่าหยวนชิงหลิงอยู่ไม่ขาด วันนี้กลับให้ฮูหยินรองนำของกำนัลมาเยี่ยมเยือนถึงที่ ทั้งยังบอกอีกว่าเป็นของรับขวัญท่านอ๋อง

แต่ก่อนไม่เคยกล้าที่จะเข้ามาเยี่ยมเยือน แต่หลังจากเมื่อวานที่หมอหลวงเฉ่าและสวีอีได้รายงานข่าวคราว พอทราบว่าตอนนี้พระชายานั้นมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับท่านอ๋อง จึงรีบเดินทางมาทันที

ประการแรกมาเพื่อพิสูจน์ว่าที่สิ่งที่สวีอี และหมอหลวงเฉ่าพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่

ประการที่สองคือถือโอกาสนี้ทำดีเอาหน้า เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล

เจ้าพระยาจิ้งนั้นไม่ได้เดินทางมา รวมทั้งฮูหยินเจ้าพระยาจิ้ง อย่างนางหวงเองก็ไม่ได้มาด้วย ใช่แล้ว ทางด้านตระกูลฉู่ พวกเขาก็ยังคงเหลือโอกาสสุดท้ายอยู่เช่นกัน ถ้าหากครั้งนี้เดินทางเข้าพบอ๋องฉู่ ก็จะนับว่าเป็นการละทิ้งทางฝั่งตระกูลฉู่ในเวลาเดียวกัน

ฮูหยินรองพาลูกสะใภ้คนโตอย่างนางหลวนและหยวนชิงผิงเดินทางมาด้วยกัน

ของกำนัลที่นำมาแล้วเป็นสมุนไพรบำรุง ซึ่งไม่ใช่สมุนไพรล้ำค่าอันใด เป็นเพียงแค่สิ่งของที่หาได้ตามร้านค้ายาทั่วไป

หยวนชิงหลิงต้อนรับพวกนางอยู่ที่หอเฟิ่งหยี นางหลวนที่พอได้เข้าไปก็เดินสำรวจ ซึ่งหอเฟิ่งหยีถือว่าใหญ่โตไม่เบา แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มีของประดับตกแต่งราคาสูงอะไร นางเบ้ปาก ดูแล้วก็ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานเสียเท่าไหร่

ส่วนฮูหยินรองเดินเข้าไปพูดคุยกับหยวนชิงหลิง “บาดแผลของท่านอ๋องดีขึ้นแล้วหรือ?ข้าควรที่จะมาเยี่ยมเยือนให้เร็วกว่านี้ ทว่าที่จวนไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยอันใดก็ต้องเป็นข้าที่ต้องคอยจัดการ จึงทำให้วันนี้เพิ่งได้เดินทางเข้ามา หวังว่าท่านอ๋องคงจะไม่ถือสา”

หยวนชิงหลิงร็สึกอึดอัดเล็กน้อยกับความสนิทสนมนี้ของนาง ก่อนจะกล่าวด้วยความเฉยเมย

“เขาจะถือสาหรือไม่นั้น ข้าเองก็ไม่ทราบ ฮูหยินรองไปไถ่ถามเขาเองจะดีกว่าเจ้าค่ะ?”

ดีที่สุดคือไปหาหยู่เหวินเห้าให้หมด จะได้ลดทอนการเข้าหาผู้คนของนางด้วย

ฮูหยินรองรู้สึกว่าหยวนชิงหลิงกำลังวางท่าอยู่ แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไร เพราะหากสามารถวางท่าได้ก็แสดงว่าก้องมีความขมีขมัน คนก็ควรจะเป็นเช่นนี้ ในตอนที่มีอำนาจควรทำตนให้องอาจ แม้ในตอนที่สูญเสียอำนาจก็ต้องอดทน

“เพราะเหตุอันใด?” หยวนชิงผิงคิ้วขมวดขึ้นมา “เหตุใดเขาถึงไม่ทำดีกับท่าน?”

หยวนชิงหลิงนั้นไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าน้องสาวคนนี้นั้นเป็นคนจิตใจดีหรือกำลังประชดประชัน เพราะในความทรงจำของนาง น้องสาวคนนี้นั้นไม่ได้ความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษเลย

นางหลวนดึงมือของหยวนชิงผิง พร้อมรอยยิ้ม “หลานสาวที่รัก อย่าไถ่ถามอีกเลย จะทำให้พี่สาวของเจ้าลำบากใจ จนไม่รู้จะตอบเจ้าอย่างไรแล้ว”

หยวนชิงผิงสะบัดมือออก แล้วกล่าวด้วยความเวทนา “บุรุษในทุกคนโลกหล้าแห่งนี้ ล้วนเป็นเหมือนดั่งสุนัข อ๋องฉู่คนนี้เองก็คงจะไม่ใช่คนดีอะไร”

หยวนชิงหลิงอยู่ๆ ก็หลงรักน้องสาวคนนี้ขึ้นมาแล้ว เพราะได้รับข้อคิดมากมาย โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย

“ข้าอยากจะพักอยู่ที่นี่สักสองสามวัน ท่านพอจะอนุญาตได้หรือไม่ ?” หยวนชิงผิงกล่าวถามนาง

หยวนชิงหลิงพยักหน้า “เจ้าพักอยู่ในห้องของข้า ข้าเป็นคนอนุญาต ไม่จำเป็นต้องไปถามคำอนุญาตจากผู้อื่น”

ฮูหยินรองกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “เช่นนั้นไม่ทราบว่าสามารถเข้าไปเข้าพบท่านอ๋องได้หรือไม่?”

“ไปเถอะ” หยวนชิงหลิงตอบกลับ

ฮูหยินรองถึงกับเขินอายขึ้นมา “แล้วพระชายาไม่เข้าไปพร้อมกันหรือ?”

“ข้าไม่ไป!” หยวนชิงหลิงมองไปยังคนที่อยู่ในห้องโถง “ข้ามีธุระเยอะ”

“พระชายามีเรื่องอันใดกัน?ได้ข่าวว่าทุกอย่างในตำหนักล้วนอยู่ในการดูแลของใต้เท้าทัง โดยที่พระชายาไม่ต้องเปลืองแรงอันใดเลย หรือเพราะเกรงว่าท่านอ๋องจะไม่ยอมพบพระชายา ดังนั้นพระชายาจึงไม่กล้าไปงั้นหรือ ?” นางหลวนกล่าวอย่างแดกดัน

หยวนชิงหลิงยังไม่ทันได้ตอบกลับ ด้านนอกกลับมีเงาจองคนกำลังเดินเข้ามา

“ท่านอ๋องเดินทางมาถึงแล้ว!”

เสียงของสวีอีดังแทรกขึ้นมา

ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างพากันตื่นตกใจ ด้านฮูหยินรองนั้นรีบลุกขึ้นยืน พลางมองไปยังประตูด้วยรอยยิ้ม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน