บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 818

วันรุ่งขึ้นแม่นางเหยาก็ไปหาหยู่เหวินจุน ตอนที่นางจากจวนอ๋องมา ข้างกายไม่ได้พาใครมาด้วย คนที่เคยรับใช้ก่อนหน้านี้ล้วนถูกไล่ออกไปแล้ว

สาวรับใช้ในตอนนี้ก็เป็นหรงเยว่ที่หามาให้นาง เป็นเด็กสาวจากชนบท ชื่ออูอู ไม่รู้จักการสังเกตสีหน้าและคำพูด แต่รู้เรื่องการตัดฟืนก่อไฟทำกับข้าว รู้ร้อนรู้หนาว

ในช่วงเวลาไหนต้องการคนเช่นไร นางรู้ดี ตอนนี้รู้สึกพอใจในตัวอูอูมาก

หยู่เหวินจุนในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้สงบสุขสบายเท่ากับแม่นางเหยา ในช่วงแรกๆของเขานั้น เมาหัวราน้ำทุกวัน เพื่อทำให้ตนเองไร้ความรู้สึก แต่ว่าบางครั้งก็มีท่าทีราวกับจะกลับเนื้อกลับตัว ติดต่อขุนนางเก่าที่คุ้นเคยในวันวาน หลังจากถูกปฏิเสธ ก็เศร้าเสียใจมาก กลับบ้านมาทั้งด่าทั้งร้องไห้ ท่าทางราวกับเป็นคนบ้า

เดิมทียังคงมีความหวังอยู่ที่ตัวของฮองเฮา แต่หลังจากที่ฮองเฮาจากไปแล้ว ในที่สุดเขาก็รับรู้อย่างจริงจังเสียทีว่าตัวเองนั้นไม่สามารถมีโชคชะตาที่ฝืนธรรมชาติได้อีกแล้ว ยิ่งอยู่ก็ยิ่งซึมเศร้า ดื่มเหล้าอย่างลืมวันลืมคืน แม้กระทั่งตอนนี้ในเมืองหลวงเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็ไม่รู้

เห็นแม่นางเหยามาหาถึงบ้าน เขายังคงนอนเกลือกกลิ้งอยู่ในลานบ้านเล็กๆที่แสนจะรกรุงรัง บ่าวรับใช้นั่งสัปหงกอยู่ข้างๆ ราวกับคุ้นเคยกับเรื่องนี้จนเป็นปกติไปแล้ว

บ่าวรับใช้เห็นแม่นางเหยามา และไม่เคยรู้จัก จึงถามขึ้นว่า “ท่านเป็นใคร”

แม่นางเหยามองหยู่เหวินจุนที่นอนกรนอยู่กับพื้นด้วยสายตาเฉยเมย ถามบ่าวรับใช้ว่า “อากาศเย็นแล้ว เจ้าจะให้เจ้านายของเจ้านอนอยู่กับพื้นอย่างนี้หรือ ไม่กลัวจะหนาวตายหรืออย่างไร”

บ่าวรับใช้บอกว่า “แตะต้องเขาไม่ได้ แตะแล้วจะถูกเขาทุบตี”

แม่นางเหยาพูดว่า “ใช่แล้ว ถ้าเขาดื่มเหล้า ก็จะทุบตีคนไปเรื่อย หลายปีมานี้ คุ้นชินเสียแล้ว”

บ่าวรับใช้มองนางอย่างประหลาดใจ “แม่นางท่านนี้ ท่านรู้จักนายท่านของพวกเราหรือ”

“รู้จัก พวกเราเคยเป็นสามีภรรยากัน ”แม่นางเหยาเคลื่อนสายตาออกมาจากใบหน้าที่สกปรกบวมเบ่งของหยู่เหวินจุน “ไปเถอะ ไปต้มน้ำแกงสร่างเมากรอกให้เขา ประเดี๋ยวก็จะดีขึ้น ”

บ่าวรับใช้เห็นนางมีท่าทีน่าเกรงขาม ก็ไม่กล้าขัดขืน รีบไปต้มน้ำแกงสร่างเมาทันที

แม่นางเหยายังให้อูอูไปต้มน้ำ หลังจากต้มน้ำร้อนมาแล้ว นางลงมือเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับหยู่เหวินจุนด้วยตนเอง เช็ดล้างจนสะอาด

น้ำแกงสร่างเมาถูกบังคับให้กรอกลงปากไป หยู่เหวินจุนอาเจียนอย่างหนักครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ได้สติขึ้นมาเจ็ดแปดส่วน

เขาเช็ดปาก หันหน้ากลับไปก็พบว่าแม่นางเหยานั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงระเบียงบ้าน รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างกะทันหัน “หญิงอำมหิต เจ้ายังกล้ามาอีกหรือ”

แม่นางเหยาส่งผ้าเช็ดหน้าให้เขา “เช็ดซะหน่อย”

หยู่เหวินจุนปัดมือของนางออก “ไม่ต้องมาเสแสร้งแกล้งทำ ไสหัวไป”

ผ้าเช็ดหน้าที่มีคราบเหลืองหล่นลงไปที่พื้น แปดเปื้อนกับฝุ่นผง นางมองสีหน้าที่โหดร้ายของเขา พูดเสียงเรียบเฉยว่า “ข้ามาอวยพรท่าน”

หยู่เหวินจุนใช้ขาเตะอ่างน้ำที่วางอยู่บนพื้นจนคว่ำลง “อวยพร มาดูว่าข้าตกอับโชคร้ายถึงเพียงไหนเสียมากกว่ากระมัง”

แม่นางเหยายกมือขึ้นไล่ให้อูอูและบ่าวรับใช้ให้ออกไปก่อน จากนั้นสองมือก็ประสานกันไว้ที่ใต้คาง จ้องมองเขานิ่ง “ท่านจะได้เป็นพ่อคนอีกแล้ว ไม่คู่ควรที่จะได้รับการอวยพรหรือ”

ทันใดนั้นสีหน้าของหยู่เหวินจุนก็เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าดู จ้องมองไปที่ท้องของนาง “เจ้ามันเป็นหญิงต่ำช้าที่ไร้ยางอาย”

ตอนนี้ เขารู้แล้วว่าตัวเองไม่สามารถมีลูกได้ ด้วยเหตุนี้พอได้ยินคำพูดนี้ ก็คิดว่าแม่นางเหยาลอบมีชู้

แม่นางเหยากลับหัวเราะออกมา “คนที่ไร้ยางอายไม่ใช่ข้า เป็นฉู่หมิงหยาง นางตั้งครรภ์แล้ว”

แม่นางเหยาค่อยๆลุกขึ้นมา เดินไปตรงหน้าเขา

“ชีวิตของข้าจนถึงทุกวันนี้ไม่ร้องขอสิ่งอื่นใด แค่มีชีวิตอยู่เพื่อลูก เมิ่งซิงยังเด็ก แต่เมิ่งเยว่อีกสองปีก็ต้องแต่งงานแล้ว ถ้าหากนางมีพ่อที่ถูกคนทั้งใต้หล้านี้หัวเราะเยาะ คงจะเป็นอุปสรรคกับการแต่งงานของนาง วันหน้าหากมีการเจรจาเรื่องแต่งงานกับครอบครัวของฝ่ายสามี ก็คงจะถูกครอบครัวฝ่ายสามีดูถูกดูแคลน ฉะนั้น เพื่อพวกนางสองพี่น้อง ข้าก็จำเป็นต้องประคองท่านให้ลุกขึ้นมา ”

นางเตี้ยกว่าหยู่เหวินจุนมาก ใบหน้าเผยให้เห็นสีหน้าเศร้าและไม่สบายใจ ทำให้หยู่เหวินจุนเกิดความรู้สึกได้ใจราวกับอยู่ในจุดที่สูงกว่าขึ้นมาทันใด จึงได้เชื่อคำพูดของนางอย่างสนิทใจไร้ข้อกังขา

เพราะว่า ทุกคนต่างก็ถูกปลดเป็นชนชั้นเลว ไม่มีที่พึ่ง แล้วนางจะทำอะไรได้อีก

“ท่านคิดทบทวนเอาเองเถอะ ข้าไปล่ะ ถ้าหากจะยอมรับเป็นพ่อของเด็ก ก็ไปที่จวนฉู่ให้เร็วหน่อย เกรงว่าพ่อที่แท้จริงของเด็กจะปรากฏตัวขึ้น ชื่อเสียงของท่าน ก็คงจะเสียหายป่นปี้อย่างแท้จริง ”

แม่นางเหยาพูดจบ แล้วก็พาอูอูจากไป

รถม้าของหยวนชิงหลิง รอนางอยู่ที่ด้านนอกของปากซอย แม้นางเหยาขึ้นรถม้าไป หยวนชิงหลิงก็ถามขึ้นว่า “เป็นอย่างไรบ้าง เขาเห็นด้วยหรือไม่”

“เขาไม่สามารถไม่เห็นด้วยได้ ยอมรับเด็กคนนี้ ในใจเขาอาจจะอัดอั้นแต่ก็มีข้อดี แต่ถ้าไม่ยอมรับ การดูถูกและเหยียดหยามจากทุกคนก็จะเพิ่มพูนไปบนตัวเขา สายตาที่แฝงไปด้วยการเหยียดหยามและเห็นใจที่ทรมานยิ่งกว่าการถูกด่าว่า เขาเป็นถึงโอรสของฮ่องเต้ ทนรับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้แน่ ฉะนั้น เขาต้องเห็นด้วยแน่ ”

“เจ้าเข้าใจเขามากจริงๆ”

“เป็นสามีภรรยากันมาสิบกว่าปี ย่อมต้องเข้าใจอยู่แล้ว ทางเขานั้นข้ารับรองว่าต้องเห็นด้วยแน่ ต่อไป เจ้าก็สั่งให้คนไปกระจายข่าวให้เป็นที่ซุบซิบนินทาเถอะ”

หยวนชิงหลิงพูดว่า “ได้สั่งการลงไปแล้ว ฉวยโอกาสในตอนนี้ที่ข่าวลือของศัตรูยังไม่กระจายออกมา พวกเราชิงลงมือก่อนจะได้เปรียบกว่า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน