ทุกอย่างเป็นไปตามที่คิดไว้
นางกระโดดเหยียบกรงเหล็ก ปีนข้ามกำแพงไปอย่างราบรื่น ลงบนพื้นเหมือนมนุษย์ที่บินได้ แต่ว่าล้มได้อย่างน่าสังเวชมาก ท้ายทอยไปกระแทกหิน นางใช้มือไปจับดู เลือดออกแล้ว
นางไม่มีเวลามาสนใจมาก นางวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต สุนัขดุร้ายก็วิ่งตามมา แต่ไม่ใช่มาตามนาง แต่ว่าจะกันผู้คุ้มกันที่ไล่ตามนาง
มีสุนัขดุร้ายคอยปกป้อง หยวนชิงหลิงหนีรอดออกมาจากทางประตูหลังได้อย่างราบรื่น
หลังจากออกจากประตูแล้ว นางก็ยังคงวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต นางถึงขนาดที่ไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองจะหนีการจับกุมมาได้
หนีมาไกลแสนไกล นางได้หลบไปในซอยเล็กๆซอยหนึ่ง นั่งลงบนพื้นอย่างเต็มก้น หายใจเข้าเฮือกใหญ่ พบว่าหัวใจนั้นที่แท้ก็แขวนอยู่บนลำคอ เกือบจะหลุดออกมาข้างนอกแล้ว
ปวดหัวมาก ปวดแก้มมาก ปวดจะตายอยู่แล้ว
นางรีบหยิบกล่องยาออกมา หยิบผ้าก๊อซจุ่มน้ำยาฆ่าเชื้อไปพันที่แผลท้ายทอย กลับจวนอ๋องก่อนแล้วค่อยว่ากัน ไม่ควรจะอยู่ที่นี่นาน เดี๋ยวถูกคนของจวนเจ้าพระยาตามมาเจอต้องตายแน่
ลุกขึ้นมา นางเพื่อรู้สึกว่าสองขาของนางสั่นแรงมาก
มีชีวิตมานาน ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นหวาดเสียวเช่นนี้มาก่อน
ก่อนตาย นางเป็นลูกสาวที่เรียบร้อยมาก แม้กระทั่งโดดเรียนยังไม่เคยทำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องหนีเอาชีวิตรอดพวกนี้เลย
นางคิดถึงสุนัขดุร้ายที่ช่วยเหลือนางในวันนี้.........ไม่ เจ้าหมา ไม่รู้ว่าชะตากรรมของพวกเจ้าจะเป็นเช่นไร?
จู่โจมเจ้าของ เกรงว่าน่าจะมีจุดจบที่น่าสังเวชทีเดียว?
แต่นางจะมีกำลังอะไรไปช่วยพวกมันได้?
หยวนชิงหลิงเสียใจ สุนัขหางสั่นหูตั้งสีดำเมื่อกี้ได้เรียกให้นางหนีอย่างซึ้งใจ
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งเป็นพวกชอบความรุนแรง และเป้าก็ยังถูกทำร้าย เจ้าหมาดำช่วยเหลือนางในการหนี คงไม่ถูกปล่อยไปง่ายๆหรอก? ช่างเหอะ ยังไงก็ต้องกลับจวนก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี นางปลอบใจตัวเองเช่นนี้ เพื่อให้ตัวเองสบายใจขึ้นมาหน่อย
นางค่อยๆเดินออกมาจากในซอย ยื่นหัวออกไปดูให้แน่ใจว่าไม่มีทหารตามมา กำลังจะเดินออกไป ก็เห็นถนนทิศตะวันออกจู่ๆก็ดังขึ้นด้วยสีฝีเท้าที่เร่งรีบของม้า กองกำลังทหารแล่นผ่านเข้าตา
ผู้นำสิบคนที่อยู่ด้านหน้า ล้วนขี่ม้าที่ตัวสูงใหญ่ ดูแล้วสง่าผ่าเผยมาก
นางรีบหดหัวกลับไป นึกว่าเป็นทหารที่ไล่ตามนาง
เพียงแต่ ตอนที่หดกลับไปนั้นกลับตกตะลึงไปชั่วขณะ ดูเหมือนว่าคนที่ขี่ม้าอยู่ข้างหน้า จะเป็นหยูเหวินห่าว?
นางเอาร่างชิดกำแพง ยื่นหัวออกไปมอง เป็นหยู่เหวินเห้าจริงๆ
เขาสวมชุดทางการพื้นสีม่วงที่ปักด้วยลวดลายพระอาทิตย์และพระจันทร์ สวมหมวกข้าราชการ หน้าตาก็น่าเกรงขาม เคร่งขรึมแต่ดูธรรมชาติ
สวีอีกับทังหยางก็ควบม้าตามเขา คนที่อยู่ด้านหลังนางก็รู้จัก เป็นทหารในจวน เข้าออกมักจะเห็นเป็นประจำ
สำหรับพวกด้านหลัง.........หยวนชิงหลิงมองไปสักพัก ไม่รู้จัก เพียงแต่ เครื่องแบบที่เหมือนกัน ท่าทางที่พร้อมเพรียงกัน เหมือนจะเป็นทหาร
เขาพาทหารที่มากมายของจวนกับทหารในกรมการพระนครจะไปที่ไหน?
มองทิศทางที่เขาจะไป เหมือนจะเป็นจวนเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง
หยวนชิงหลิงอึ้งไปชั่วขณะ เขาคงไม่ได้พาคนไปช่วยนางหรอกนะ?
แต่ว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าเจ้าพระยาหุ้ยติ่งจับตัวนางละ?
น่าจะไม่ใช่ คงไม่ได้ใจดีขนาดนั้น
เขาคงอยากให้นางตายมากกว่า
นางรอจนกองกำลังผ่านไปแล้ว จึงได้เดินออกมา หัวถูกพันไว้ด้วยผ้าก๊อซ แต่งกายด้วยเครื่องแบบผู้ชาย ใบหน้าช้ำบวม รอยนิ้วมือชัดเจน จริงๆแล้วน่าจะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี
แต่กลับไม่มีเลย คนที่ยืนอยู่บนถนนสองข้างทางล้วนมองกองกำลังที่ผ่านไป
“ใช่อ๋องฉู่หรือเปล่า? เขาพาทหารของกรมการพระนครไปไหน?”
“ใช่อ๋องฉู่ไม่ผิดหรอก เพิ่งจะรับตำแหน่ง คาดว่าคงจะไปหาเรื่องใครสักคน”
ท่านหมอก้มหน้า “เกรงว่า.......มิน่าได้เช่นกัน”
“งั้นก็ไม่ต้องพูดมาก” เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกล่าวอย่างโกรธเคือง
ไม่ว่าจะเป็นหยู่เหวินเห้าหรือหยวนชิงหลิง เขาจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว ไม่ให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อและไม่มีทางที่จะให้พวกเขาตายดี
หยู่เหวินเห้ามาถึงหน้าประตูจวน ทั้งหมดก็ลงมาจากหลังม้า ไม่รอให้สาวใช้มาถาม ก็ฝ่าเข้าไปอย่างอุกอาจ
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งที่พาทหารในจวนและผู้คุ้มกันออกมา ขณะที่เห็นหยู่เหวินเห้า เขาได้ตั้งปณิธานว่าจะทำให้คนผู้นี้เป็นเถ้าธุลี แค้นเก่าแค้นใหม่ ชำระให้หมดในวันนี้
“ท่านอ๋องพาคนตั้งมากมายมาที่จวนเจ้าพระยา มีอะไรจะชี้แนะ?” เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกล่าวอย่างเย็นชา
หยู่เหวินเห้าก็มองเขาอย่างเย็นชา สำหรับเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง เขานั้นเกลียดมันเข้ากระดูกดำจริงๆ
ครั้งแรกที่เขาเป็นทหาร ก็อยู่ภายใต้การฝึกฝนของเจ้าพระยา ตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าไปในค่ายทหาร เจ้าพระยาก็ดูถูกเขามาโดยตลอด ในคำพูด ส่วนใหญ่จะเยาะเย้ยและดูถูก จงใจกดทับผลงานของเขา ถึงขนาดยื่นหนังสือบอกว่าเขาเป็นโลภทะเยอทะยานโดยไม่ดูความสามารถของตัวเอง ใช้ทหารอย่างประหม่า หากไม่ใช่เพราะหัวหน้ามาเป็นพยานให้เขา เกรงว่าวันนี้เขาก็คงโผล่หัวออกมาไม่ได้
จากนั้นเพราะว่าเจ้าพระยาทำร้ายผู้หญิงเขาจึงได้ต่อสู้กับเจ้าพระยา
หัวหน้ายามรักษาการณ์เดินขึ้นมาด้านหน้าแล้วยกมือกล่าว “มีคนเห็นกับตาว่าท่านเจ้าพระยาลักพาตัวพระชายาฉู่ เกรงว่าจะท่านเจ้าพระยาจะเสียงชื่อ ท่านอ๋องจึงได้พาคนมาตรวจสอบ เพื่อคืนความยุติธรรมกับท่านเจ้าพระยา”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกล่าวอย่างโมโห “เหลวไหล ข้าไม่เคยเห็นและไม่รู้ว่าพระชายามีรูปร่างหน้าตายังไง จะลักพาตัวได้อย่างไร?”
หัวหน้ายามรักษาการณ์ถาม “งั้นขอถามท่านเจ้าพระยา วันนี้ได้ท่านพาคนที่อยู่บนท้องถนนมาคนหนึ่งหรือไม่?”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งหัวเราะกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่เคย เป็นการใส่ความทั้งนั้น”
หยู่เหวินเห้ามองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา “ใส่ความหรือไม่ แค่ค้นก็รู้”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งไม่โกรธแต่กลับหัวเราะ เผยให้เห็นฟันที่ดำเหลือง ราวกับว่าสัตว์ร้ายกำลังอ้าปาก “ท่านอ๋อง จวนเจ้าพระยา ไม่ใช่สถานที่ที่ท่านอยากจะค้นก็ค้นได้?”
“ท่านเจ้าพระยากลัวข้าจะค้นอะไรเจอรึ?” หยู่เหวินเห้าจ้องมองเขาแล้วกล่าว
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งก็จ้องมองเขา ค่อยๆเดินขึ้นมาข้างหน้า ทุกวินาที เจ็บเหมือนโดนเจาะที่หัวใจ ทั้งสองคนจ้องมองกัน แววตานั้นคมกริบเหมือนกระบี่ ยังไม่ลงมือ มันก็ได้สร้างสนามรบแห่งต่อสู้ในแววตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...