บทที่ 1202 ไร้เทียมทาน
บทที่ 1202 ไร้เทียมทาน
ในชั่วพริบตา เฉินซีและหลิวเจ๋อเฟิงต่างก็ต่อสู้กันอย่างเข้มข้นมาไม่ต่ำกว่าสองสามร้อยกระบวนท่า ทำให้หัวใจและความคิดของผู้คนสั่นคลอน ไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป
นี่เป็นการต่อสู้ของขอบเขตเซียนลึกลับที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างแท้จริง!
ฝ่ายหนึ่งคือศิษย์ใหม่ผู้ได้อันดับหนึ่งในปีนี้ ชายผู้มีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดา อีกทั้งยังไร้เทียมทานในหมู่คนรุ่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งต่อสู้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ทำให้คนอื่นไม่สามารถคาดเดาขีดจำกัดได้
ส่วนอีกฝ่ายคือ เซียนทองคำ ผู้อยู่ในอันดับที่แปดของเทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์ ถึงแม้การบ่มเพาะจะถูกระงับ แต่ปราณเซียนพิสุทธิ์และเคล็ดวิชาต่อสู้ไม่ได้ถูกระงับตามไปด้วย
จนถึงตอนนี้ การต่อสู้อันรุนแรงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง ดังนั้นจะไม่ให้พวกเขาสั่นคลอนได้อย่างไร?
ปัง!
แสงอันเรืองรองสาดส่องไปทั่วลานบำเพ็ญเต๋า กระบี่ของเฉินซีที่สร้างขึ้นด้วยนิ้ว ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า ปราณกระบี่เบญจธาตุถูกใช้ออกมาดั่งใจนึก ชายหนุ่มต่อสู้กับหลิวเจ๋อเฟิงอย่างดุเดือด ทุกท่วงท่าเต็มไปด้วยความอหังการและกดขี่
ในขอบเขตเซียนลึกลับ เฉินซีเป็นผู้ที่ไม่อาจหยุดยั้ง เขาโดดเด่นอย่างมาก ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะมีกลิ่นอายที่ไม่มีใครเทียบได้
อย่างไรก็ตาม คู่ต่อสู้ตรงหน้าไม่ใช่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับที่แท้จริง แต่เป็นเซียนทองคำซึ่งการบ่มเพาะถูกระงับไปสู่ขอบเขตเซียนลึกลับ ทั้งยังเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่เซียนทองคำ ดังนั้นในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาจึงสามารถรับมือกับทุกกระบวนท่า และไม่ได้ตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบแม้แต่น้อย
หากกล่าวอีกนัยหนึ่ง ทั้งสองคนไม่ใช่เซียนลึกลับธรรมดาทั่วไป ดังนั้นการต่อสู้นี้จึงถือว่าไร้เทียมทานอย่างยิ่ง และหาดูได้ยาก แม้แต่ในสมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตื่นตาตื่นใจกับฉากนี้ ทั้งจิตใจและหัวใจตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแทบลืมหายใจ
“ในขอบเขตการบ่มเพาะนี้ เฉินซีครอบครองพลังที่ไร้ผู้ต้านแล้ว” โจวจื่อหลีแสดงความคิดเห็นจากระยะไกล
“น่าเสียดาย หากหลิวเจ๋อเฟิงแสดงพลังที่แท้จริง เฉินซีคงไม่สามารถหลีกหนีจากความพ่ายแพ้ได้” สีหน้าของจั่วชิวฮงมืดมนเล็กน้อยขณะกล่าว
โจวจื่อหลียิ้มและไม่กล่าวอะไรอีก
“การเอาชนะศิษย์ขอบเขตเซียนลึกลับมันยากถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ไยถึงต้องเสียเวลาและเรี่ยวแรงไปกับมันด้วย?”
ในอีกด้านหนึ่ง จั่วชิวจวิน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย เพราะเฉินซีกำลังต่อสู้กับหลิวเจ๋อเฟิงอย่างทัดเทียมกัน อีกทั้งหลิวเจ๋อเฟิงก็ไม่ได้บดขยี้เฉินซีในทันที สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมาก
เคร้ง! เคร้ง!
ในเวลาเดียวกัน เฉินซีและหลิวเจ๋อเฟิงซึ่งอยู่ในการต่อสู้ ได้ชักสมบัติอมตะของตนออกมา
หลิวเจ๋อเฟิงถือกระบี่เซียนสีขาวดูเหมือนหิมะและดูเหมือนเงิน มันยาวกว่าสี่ฉื่อ กว้างสองชุ่น ใสกระจ่างราวผลึก ทันทีที่มันออกจากฝัก มันก็เหมือนพระอาทิตย์ที่แผดเผากลางท้องนภาและส่องสว่างไปทั่วบริเวณ
“กระบี่เต๋าหยางสุดขั้ว!”
“พี่ชายอาวุโสหลิวเจ๋อเฟิง จะใช้กำลังเต็มที่แล้วหรือ?”
“ตามคำล่ำลือ กระบี่เต๋าหยางสุดขั้วและกระบี่เต๋าหยินสุดขั้ว เป็นคู่สมบัติอมตะโบราณที่สะท้อนกลับทั้งหยินและหยาง เมื่อถูกใช้งาน พวกมันสามารถพึ่งพาพลังแก่นแท้ของดารามหาหยางและดารามหาหยินได้”
จิตวิญญาณของศิษย์อาวุโสทุกคนในสำนักศึกษาฝ่ายนอกพลุ่งพล่าน ด้วยความตื่นเต้น
“นั่นมัน…”
“ประกายสุกใสซึ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับปราณกระบี่ที่พร่างพรายราวกับดวงดาว มันอาจจะอยู่ในระดับจักรวาลด้วยเช่นกัน!”
“นี่คือสมบัติอมตะของศิษย์พี่เฉินซีหรือ?”
เมื่อเหล่าศิษย์ใหม่เห็นกระบี่เซียนในมือของเฉินซีอย่างชัดเจน มันแผ่กลิ่นอายโบราณและดูธรรมดา เหมือนกระบี่เซียนเล่มอื่น ๆ
แต่เมื่ออยู่ในมือของเฉินซี ตัวกระบี่ก็แปรเปลี่ยนเป็นผืนนภากวางใหญ่ เปล่งแสงเย็นยะเยือกออกมาราวกับผืนฟ้าพรายดวงดาราพร่างพราว
ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่ได้ด้อยไปกว่ากระบี่เต๋าหยางสุดขั้วแม้แต่น้อย
“โอ้?”
“กระบี่ตะขอดารา!”
“นี่ไม่ใช่… กระบี่ของหัวเจี้ยนคงหรอกหรือ?”
มีอาจารย์อาวุโสสองสามคนในหมู่ผู้คนจำกระบี่ในมือเฉินซีได้ รูม่านตาของพวกเขาหดลง และรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“เมื่อหลายปีก่อน เจ้าสำนักได้มอบกระบี่ตะขอดาราให้กับหัวเจี้ยนคง เมื่อการบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่ของเขาบรรลุถึงขอบเขตเซียนกระบี่ ทว่าตอนนี้หัวเจี้ยนคงได้มอบกระบี่ให้กับเฉินซีแล้ว…” ในระยะไกล หัวใจของโจวจื่อหลีก็สั่นไหวเช่นกัน ในขณะที่ดวงตาหรี่ลง รู้สึกได้ราง ๆ ว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นกับเฉินซีโดยที่ตนไม่รู้
เขาทราบอย่างชัดเจนว่า กระบี่ตะขอดารา ไม่ได้เป็นเพียงสมบัติที่มีพลังลึกลับ มันยังมีความหมายที่ไม่ธรรมดา เพราะมันเป็นกระบี่ที่เจ้าสำนักมอบให้!
จั่วชิวฮงสังเกตเห็นว่า ท่าทางของโจวจื่อหลีแปลกไปเล็กน้อย และได้แต่รู้สึกงุนงงอยู่ในใจ เพราะไม่ได้สังเกตเห็นร่องรอยความพิเศษใด ๆ จากกระบี่ในมือเฉินซี
เนื่องจากหัวเจี้ยนคงได้เฝ้าติดตามอยู่เคียงข้างเจ้าสำนักมาตลอดหลายปี อาจถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่เข้าใจได้ยากในสำนักศึกษา มีเพียงไม่กี่คนที่มีโอกาสได้เห็นคนผู้นี้ต่อสู้ ดังนั้น จึงมีไม่กี่คนที่จดจำกระบี่ตะขอดาราได้
นอกจากนี้ ด้วยสถานะและความอาวุโสของจั่วชิวฮง เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้เรื่องนี้
ปัง! ปัง! ปัง!
ขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ เฉินซีและหลิวเจ๋อเฟิงก็ปะทะกันอีกครั้ง
ตั้งแต่เข้าสู่ลานประลอง ในที่สุด พวกเขาทั้งสองก็ใช้สมบัติอมตะ ทำให้การต่อสู้รุนแรงยิ่งขึ้น ทุกพื้นที่ที่สายตามองเห็นมีแต่ปราณกระบี่กำลังทะลุทะลวงผ่านท้องฟ้า
“เปลวเพลิงอัสดง!” หลิวเจ๋อเฟิงตะโกนเสียงดัง แล้วระเบิดพลังที่แท้จริง กระบี่เต๋าหยางสุดขั้วร่ายรำบนผืนนภา ราวกับพระอาทิตย์ที่แผดเผา แต่แสงที่เปล่งออกมากลับเหมือนโลหิตสีแดงฉาน สว่างไสวประหนึ่งพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน เผยให้เห็นถึงพลังงานเศร้าโศก อาฆาต และทำให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่ความเงียบงัน
“เคล็ดกระบี่พฤกษา!” เฉินซีไม่หวั่นเกรง หว่างคิ้วเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟัน กระบี่ตะขอดาราลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า กลิ่นอายแผ่ซ่านพลุ่งพล่าน เปี่ยมล้นด้วยพลังชีวิตอันอุดมสมบูรณ์อย่างไร้ขอบเขต ปราณกระบี่ทุกสายก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นตามกาลเวลา
เมื่อมีเหตุไม่คาดฝัน ก็ย่อมมีความประหลาดใจ เมื่อมีความประหลาดใจ ก็ย่อมมีความฉงนสนเท่ห์ และที่ใดมีความฉงนสนเท่ห์ ที่นั่นย่อมมีความตกใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่รู้ และความไม่รู้คือที่มาของความกลัว
ทว่าตอนนี้ไม่มีใครหวาดกลัว แต่ทุกคนต่างประหลาดใจกับการแสดงฝีมือของศิษย์ใหม่ผู้นี้ พวกเขาไม่สามารถประเมินหรือหยั่งพลังที่แท้จริงของชายผู้นี้ได้ ประหนึ่งตัวประหลาดปรากฎตัว
“ข้ารู้ว่าเฉินซีจะไม่เข้าร่วมการต่อสู้ที่เขาไม่มั่นใจ…”
“ชนะ! ชนะ! ชนะ!”
“ศิษย์พี่เฉินซี หากท่านชนะ ข้าจะเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับท่าน!”
เหล่าศิษย์ใหม่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ต่างก็ไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใด พวกเขาโห่ร้องให้กำลังใจเฉินซีอย่างตื่นเต้น ดวงตางดงามของหญิงสาวบางคนถึงกับเปล่งประกาย ขณะแสดงความรักต่อเฉินซีอย่างกล้าหาญ
หญิงสาวจากเผ่าปักษาแยกเมฆาของทวีปแดนเถื่อนประจิมนั้นกล้าหาญยิ่งกว่า นางตะโกนด้วยเสียงแหลมเสียดหู “พวกเจ้าอย่าต่อสู้แย่งชิงเขากับข้าจะดีกว่า ข้าจะมีลูกกับศิษย์พี่เฉินซี!”
มันทำให้เกิดความแตกตื่นและดึงดูดสายตาแปลก ๆ มากมาย แต่หญิงสาวก็ยกศีรษะและเชิดหน้าอกของนางขึ้น ท่าทางภาคภูมิไม่สนใจเสียงรอบข้างแม้แต่น้อย
เฉินซีกลับสงบนิ่งเช่นเคย ในขณะที่สีหน้าของหลิวเจ๋อเฟิงดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
“กางเขนหยินหยาง!” กระบี่สีดำและสีขาวของหลิวเจ๋อเฟิงไขว้กัน เพื่อฉีกกากบาทในความว่างเปล่า ครึ่งหนึ่งเป็นหยิน อีกครึ่งหนึ่งเป็นหยาง มันเผยให้เห็นความเย็นเยียบของพลังแห่งการสังหารที่ทำให้วิญญาณหวาดกลัว
การซ้อนกฎ!
หลิวเจ๋อเฟิงได้บรรลุความสมบูรณ์ในกฎสองประเภทแล้ว แต่น่าเสียดายที่ความสามารถของเขาในเต๋าแห่งกระบี่นั้นด้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับยันต์เทวะอนันต์… เฉินซีคิดในใจ พริบตาต่อมา สายฟ้าเย็นเยียบสองสายก็พวยพุ่งออกมาจากดวงตา ทั้งร่างสว่างไสวด้วยแสงเรือรอง ความเข้าใจต่าง ๆ ในเต๋าแห่งกระบี่ก็เพิ่มขึ้นภายในชั่วพริบตานี้
บางส่วนมาจากพลังของสามจุดที่หัวเจี้ยนคงโจมตีตน
บางส่วนมาจากความลึกล้ำต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดกระบี่แห่งเบญจธาตุจากยันต์เทวะอนันต์
มีหลายสิ่งที่เฉินซีเรียนรู้จากเต๋าแห่งกระบี่ และใจแห่งกระบี่
ความเข้าใจทั้งหมดเหล่านี้ได้ฉายวาบขึ้นในใจ
พริบตาต่อมา เขาแทงกระบี่เซียนตะขอดาราออกไปเบา ๆ
ฟิ่ว!
เมื่อการโจมตีนี้เกิดขึ้น น้ำและไฟก็หลอมรวมกัน แสงระยิบระยับของไฟและน้ำร่ายรำผสานกัน กลั่นตัวจนถึงขีดจำกัด ปกคลุมไปด้วยแสงงดงามและพร่างพราว เมื่อมองจากระยะไกล มันเหมือนลำแสงที่สาดส่องมาจากนอกพิภพ
ปัง!
การโจมตีด้วยกระบี่นี้ เสมือนลูกศรที่ยิงอย่างแม่นยำโดยปรมาจารย์ในเต๋าแห่งคันศร มันเจาะไปที่ศูนย์กลางของไม้กางเขนหยินหยางด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ประหนึ่งลูกธนูพุ่งเข้าเป้า
คลื่นเสียงกัมปนาทปะทุขึ้น ปราณกระบี่หยินและหยางพังทลาย ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นกระแสอากาศพัดโหมไปรอบ ๆ ในขณะที่การโจมตีของเฉินซีกลับไม่สูญเสียแรงเลยแม้แต่น้อย มันพุ่งตรงไปใจกลางหน้าผากของหลิวเจ๋อเฟิง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...