บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1419

บทที่ 1419 ความจริงที่ถูกเปิดเผย

บทที่ 1419 ความจริงที่ถูกเปิดเผย

จักรพรรดิเต๋า!

เมื่อทราบว่าจี้อวี๋ที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือจักรพรรดิเต๋า ผู้ซึ่งก่อตั้งสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เฉินซีก็ตกตะลึงอย่างแท้จริง

เขารู้สึกประหลาดใจ ตกใจ มึนงง และสับสนในคราเดียว

ที่ผ่านมา ตัวตนของจี้อวี๋เป็นเหมือนปริศนา นับตั้งแต่วันที่ได้รับเคหาดารา เขาเพียงคิดว่าจี้อวี๋เป็นเพียงร่างวิญญาณที่คอยดูแลเคหา และมีชีวิตอยู่มานาน ทั้งยังมีสติปัญญาและประสบการณ์อันสูงสุด

หลังจากได้พบกับศิษย์พี่สามจากเขาเทพพยากรณ์ และด้วยการพูดระหว่างศิษย์พี่สามกับจี้อวี๋ ทำให้ได้รับรู้เกี่ยวกับตัวตนของจี้อวี๋มากขึ้น ปรากฏว่าจี้อวี๋เป็นศิษย์น้องของปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ และเหตุผลที่จี้อวี๋อยู่ภายในเคหา ก็เพราะเขาได้กลายเป็นอาชญากรของทั้งสามภพ

เดิมทีเฉินซีคิดว่าค้นพบตัวตนของจี้อวี๋แล้ว แต่ไหนเลยจะคาดคิด ว่าตัวตนที่แท้จริงจะเป็นจักรพรรดิเต๋า!

เรื่องนี้น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง จนเฉินซีแทบไม่อยากเชื่อ

เพราะเมื่อตอนอยู่ที่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เขาเคยได้ยินข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิเต๋ามากมาย เช่นจักรพรรดิเต๋าเป็นหนึ่งในห้าจักรพรรดิบรรพกาล ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนได้ก่อตั้งสำนักศึกษาแห่งแรกในภพเซียน ซึ่งคือสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และทิ้งมรดกไว้เบื้องหลัง โดยเรียกว่าแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า และอื่น ๆ อีกมากมาย

บัดนี้ บุคคลในตำนานคนนั้น ได้กลายเป็นคนเดียวกันกับศิษย์น้องของปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ ซึ่งตัวเขารู้จักมานาน ดังนั้นชายหนุ่มย่อมรู้สึกตกใจอย่างมากจนอธิบายไม่ถูก

จิตวิญญาณของเคหา อาจารย์ลุงแห่งเขาเทพพยากรณ์ อาชญากรของสามภพ หนึ่งในห้าจักรพรรดิบรรพกาล เจ้าสำนักคนแรกของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า… เมื่อตัวตนทั้งหมดเหล่านี้ซ้อนทับกัน คงไม่มีใครที่จะจินตนาการได้ว่า ตัวตนทั้งหมดเหล่านี้ จะเป็นของคนคนเดียว

ด้วยความงุนงง เฉินซีนึกถึงตำราที่เคยอ่าน เมื่อครั้งที่เข้าไปฝ่ายสงวนคัมภีร์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเป็นครั้งแรก ตำราทดสอบแก่นแท้แห่งมวลสวรรค์

ตำราเล่มนี้ไม่ได้เขียนโดยจักรพรรดิเต๋า แต่ได้รับการอธิบายเพิ่มเติมโดยจักรพรรดิเต๋า ซึ่งเขาก็สังเกตเห็นว่า ช่วงเวลาที่เขียนตำราเล่มนี้ ดูเหมือนจะเป็นก่อนที่จักรพรรดิเต๋าจะบรรลุเต๋าด้วยซ้ำ สำหรับเหตุผลนั้นธรรมดามาก การแสดงความคิดเห็นและการอธิบายอย่างละเอียด เป็นรูปแบบหนึ่งของการเข้าใจและการตีความ ที่คนรุ่นหลังทำกับตำราของคนรุ่นก่อน

เมื่อเฉินซีสังเกตเห็นนามของผู้เขียนที่แท้จริงของหนังสือเล่มนี้ เขากลับต้องประหลาดใจ เพราะแท้จริงแล้ว ตำราเล่มนี้ถูกเขียนโดยปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ ฝูซี!

ในเวลานั้น เฉินซีสงสัยว่า จักรพรรดิเต๋านั่นอาจมีความสัมพันธ์กับเขาเทพพยากรณ์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์พี่และศิษย์น้อง!

ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไม ศิษย์พี่หญิงอย่างหลียาง ถึงขอให้เขาเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเพื่อที่จะสามารถตั้งหลักด้วยตนเองหลังจากที่ขึ้นสู่ภพเซียนแล้ว อีกทั้งในที่สุด ก็เข้าใจว่าทำไมหัวเจี้ยนคง ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ของเหมิงซิงเหอผู้เป็นเจ้าสำนักคนปัจจุบัน กลับเอายันต์ศัสตราของเขาไป

ทั้งหมดนี้ย่อมเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสจี้อวี๋อย่างแน่นอน!

“ไม่น่าแปลกใจ ไม่น่าแปลกใจเลย…” เฉินซีพึมพำด้วยความรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก

ปรากฏว่าข้าได้รับการคุ้มครองจากเขาเทพพยากรณ์มาตลอดเส้นทางการบ่มเพาะ!

แท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขาเข้าสู่แดนภวังค์ทมิฬผ่านสมรภูมิบรรพกาล หรือเมื่อตอนที่เข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ทั้งหมดนี้ถูกเตรียมการโดยศิษย์พี่หญิง มันถูกกระทำอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งเฉินซีเพิ่งเข้าใจบัดนี้ อารมณ์ความรู้สึกทุกรูปแบบ ก็พรั่งพรูอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้

“การที่ข้าไม่ได้บอกเรื่องกับเจ้าในอดีต เป็นเพราะการบ่มเพาะของเจ้ายังต่ำเกินไป แต่ที่สำคัญที่สุด จุดเริ่มต้นของเจ้าก็สูงเกินไปเช่นกัน เพราะเจ้าได้กลายเป็นศิษย์เอกของเขาเทพพยากรณ์ตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ขอบเขตตำหนักอินทนิล ในสามภพจะมีสักกี่คนที่เทียบเคียงกับจุดเริ่มต้นของเจ้าได้? ถ้าข้าบอกความจริงแก่เจ้าในเวลานั้น มันจะทำเส้นทางสู่เต๋าของเจ้าล่าช้า และจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี”

เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินซีค่อย ๆ กลับมาชัดเจนอีกครั้ง จี้อวี๋จึงกล่าวว่า “ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องแสวงหาเส้นทางสู่เต๋าด้วยตนเอง แล้วเจ้าจะแสวงหาเต๋าโดยไม่ต้องประสบกับการขัดเกลาที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ไปตลอดทางได้อย่างไร? การช่วยเหลือและปกป้องอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เจ้ากลายเป็นผู้บ่มเพาะธรรมดา ๆ ที่ต้องได้รับการช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา และมันไม่มีทางที่เจ้าจะขึ้นสู่จุดสูงสุดของมหาเต๋าได้”

เฉินซีเข้าใจหลักการนี้ดี เพราะในช่วงต้นของการบ่มเพาะ จี้อวี๋ได้เตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่หลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงเข้าใจหลักการนี้ดีกว่าใคร ๆ

ใช่แล้ว การบ่มเพาะเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญเพียงลำพัง

ความช่วยเหลือของผู้อื่นนั่นเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และหากใครต้องการที่จะไปไกลกว่านี้ ก็มีแต่จะต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น!

เพราะตราบเท่าที่เรายังคงเดินต่อไปในเส้นทางของตน สักวันหนึ่งก็จะก้าวข้ามผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่บนตำแหน่งสุดยอด จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปบนเส้นทางที่ไกลออกไปและสูงขึ้นไป ซึ่งนำไปสู่เต๋า เมื่อถึงตอนนั้นจะยังมีใครคอยช่วยได้บ้าง?

นี่คือเส้นทางสู่เต๋า มันเป็นเส้นทางที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ทั้งยังเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละคน!

การอาศัยความช่วยเหลือจากตระกูล คนรัก ผู้อาวุโส และนิกายจะช่วยให้แข็งแกร่งแค่ชั่วคราว แต่ก็ไม่อาจสามารถไปปลายทางของเส้นทางของมหาเต๋าได้!

“จริง ๆ แล้วข้าเป็นผู้ขัดเกลาโลงศพเซียนยมโลก น่าเสียดายที่มันถูกการโจมตีจากเนตรทัณฑ์สวรรค์ ทำให้มันเสร็จสมบูรณ์เพียงบางส่วน ในท้ายที่สุด ข้าก็ไม่สามารถขัดเกลามันได้สำเร็จ และยังก็ถูกลดสถานะให้เป็นอาชญากรของสามภพ”

“คราวนี้เจ้ากลับมาพร้อมกับความตั้งใจที่จะนำตระกูลเฉินเข้าสู่ภพเซียนหรือ?” จี้อวี๋เปลี่ยนหัวข้อ และถามเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของเฉินซี

เฉินซีส่ายหน้า “ไม่ใช่แค่ตระกูลเฉินเท่านั้น ข้าตั้งใจที่จะพาทั้งโลกห้องโถงโบราณไปด้วย”

คำตอบนี้ทำให้จี้อวี๋ตกตะลึงเล็กน้อย “แม้ว่าจะมีโลกเล็ก ๆ มากมายในภพมนุษย์ และห้องโถงโบราณก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่การเอามันไปกับเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อุปสรรคที่ยากที่สุดคือกฎเต๋าสวรรค์แห่งภพเซียน”

เฉินซีเข้าใจทุกสิ่งที่จี้อวี๋กล่าว ทว่าเขาได้เตรียมการไว้แล้ว ดังนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “ท่านอาจารย์ลุงจี้อวี๋ ท่านคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ ถ้าข้าจะใส่โลกห้องโถงโบราณไว้ในสมบัติอมตะ?”

คิ้วของจี้อวี๋เลิกขึ้น “แม้ว่ามันจะเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ระดับว่างเปล่า มันก็จะถูกจำกัดโดยกฎแห่งภพเซียน นอกเสียว่าเจ้าจะมีสมบัติที่เกินระดับว่างเปล่า?

เฉินซีจ้องมองไปที่จี้อวี๋อยู่ครู่หนึ่ง พลันกล่าวว่า“หม้อกลั่นศักด์สิทธิ์เก้าทวีปของจักรพรรดิอวี่ถือเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”

เฉินซีไม่แน่ใจถึงระดับของหม้อกลั่นศักดิ์สิทธิ์เก้าทวีป ทว่าตามข้อมูลที่ได้รับจากหม้อใบจิ๋ว เมื่อรวมกับทุกสิ่งที่หัวเจี้ยนคงกล่าว ก่อนที่จะลงไปสู่ภพมนุษย์ เฉินซีก็คาดเดาได้คร่าว ๆ แล้ว ว่าสมบัติอย่างหม้อกลั่นศักดิ์สิทธิ์เก้าทวีป ต้องไม่ด้อยไปกว่าระดับว่างเปล่าอย่างแน่นอน

เป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงกล้ากล่าวเกี่ยวกับการพาโลกใบเล็กทั้งใบ อย่างห้องโถงโบราณติดตัวไปด้วย

“หม้อกลั่นศักดิ์สิทธิ์เก้าทวีปของจักรพรรดิอวี่?” แน่นอนว่า จี้อวี๋เผยท่าทางที่แปลกไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่าเฉินซีครอบครองหม้อกลั่น “ดูเหมือนว่าเจ้าได้เตรียมการมาอย่างดีแล้วจริง ๆ สมบัติชิ้นนี้เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ระงับชะตากรรมของโลก ก่อนที่ภพทั้งสามจะถูกสร้างขึ้น และมันอาศัยอยู่บนเส้นขอบทั้งเก้าของโลก ความลึกล้ำของมันไม่อาจหยั่งรู้ได้ และถือได้ว่าเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์แห่งมิติ เมื่อมีมันอยู่ในความครอบครองแล้ว เจ้าก็สามารถวางโลกใบเล็ก ๆ ไว้ข้างในได้”

จี้อวี๋หยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อประกอบกับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่เจ้าครอบครองอยู่ เจ้าจะสามารถปกปิดมันจากพลังของเต๋าแห่งสวรรค์ได้ ดังนั้นเจ้าจะสามารถหลีกเลี่ยงกฎแห่งเต๋าสวรรค์ของภพเซียนได้อย่างแน่นอน”

เห็นได้ชัดว่าความเข้าใจของจี้อวี๋ เกี่ยวกับหม้อกลั่นศักดิ์สิทธิ์เก้าทวีปนั้นลึกล้ำกว่าเฉินซี และเหตุผลนั้นง่ายมาก จักรพรรดิอวี่ถือเป็นหนึ่งในห้าจักรพรรดิบรรพกาล และในฐานะจักรพรรดิเต๋า จี้อวี๋จะไม่รู้จักหม้อกลั่นศักดิ์สิทธิ์เก้าทวีปที่อยู่ในความครอบครองของจักรพรรดิอวี่ได้อย่างไร

หลังจากที่ได้รับการยืนยันจากจี้อวี๋แล้ว เฉินซีก็ผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นคือสิ่งที่ข้าตั้งใจจะทำ”

ดูเหมือนว่าจี้อวี๋จะตกอยู่ในการครุ่นคิดที่ลึกซึ้งแทน หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ค่อย ๆ ถูกปกคลุมไปด้วยม่านแห่งรัตติกาล “นี่ก็ดีเช่นกัน กลียุคของทั้งสามภพไม่สามารถหยุดได้ ดังนั้นถึงเวลาที่ข้าต้องจากไปเช่นกัน…”

จากไป?

เฉินซีรู้สึกตกตะลึงในใจ “ท่านอาจารย์ลุงจี้อวี๋ ท่านไม่คิดจะกลับไปภพเซียนกับข้าหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]