บทที่ 736 เคล็ดวิชานวลักษณ์
บทที่ 736 เคล็ดวิชานวลักษณ์
เฉินซีรวมถึงคนอื่น ๆ ต่างพากันตกตะลึงเมื่อได้เห็นเรือนร่างอรชรงดงามนั้นเต็มตา
หญิงสาวผู้นี้มีเส้นผมดำสลวย จมูกโด่งเป็นสัน เนื้อฟันขาววาวดั่งหยก ริมฝีปากเย้ายวนแต่งแต้มด้วยสีแดงสด คอเรียวระหงอย่างนกกระเรียนขาวปลอด แม้แต่รูปร่างของนางก็เว้าโค้งเป็นสัดส่วน เผยเสน่ห์อันชวนให้ดำดิ่งสู่ความปรารถนาออกมา
นางเยื้องย่างเข้าใกล้อย่างสง่างาม ทุกก้าวเต็มไปด้วยความน่าหลงใหล ความงามของหญิงสาวนางนี้ชวนล่มเมืองเป็นอย่างมาก เพียงสบตาผู้คนก็คล้ายกับถูกดูดวิญญาณจนตัวแห้งเหือด
โดยเฉพาะบรรดาเด็ก ๆ ที่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง กระทั่งเผยความลุ่มหลงออกมา
“หืม? ไม่แปลกใจเลย นางเป็นจิ้งจอกเก้าหางสายเลือดบริสุทธิ์จริง ๆ สินะ” ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวของอาซิ่วกวาดมองรอบ ๆ พร้อมเผยรอยยิ้ม ขณะที่น้ำเสียงซึ่งเปล่งออกมานั้นเย็นเยียบดั่งน้ำพุบริสุทธิ์ที่ช่วยชะล้างจิตใจ
ทันทีที่สิ้นเสียง เด็ก ๆ ก็พากันฟื้นคืนสู่สติสัมปชัญญะ ความลุ่มหลงเมื่อครู่มลายหาย เหลือแต่เพียงโทสะที่มีต่อตนเองโทษฐานที่ปล่อยให้ใจของตนเองเตลิดไปไกล!
“สาวน้อย เจ้ามีตาที่เฉียบแหลมนัก เพียงมองก็ล่วงรู้ถึงตัวตนของข้าแล้ว” ดวงตางดงามคู่นั้นสั่นไหวเล็กน้อย ขณะที่เจ้าตัวคลี่ยิ้ม เผยริมฝีปากแดงชาดและฟันขาวหยกที่ชวนให้ใจละลายออกมา
เฉินซีประหลาดใจไม่น้อย เพราะมันแปลกพิลึกที่จู่ ๆ จิ้งจอกเก้าหายสายเลือดบริสุทธิ์จะปรากฏตัวขึ้นในดินแดนร้างห่างไกลเช่นนี้ อีกทั้ง นอกจากแรงดึงดูดแห่งสตรีเพศที่พลุ่งพล่านออกมาแล้ว นางยังมีปราณเซียนโคจรอยู่บนร่างกายอีกด้วย …เห็นได้ชัดว่านางเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี!
และเรื่องที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดก็คือท่าทีที่เหมือนจะซุ่มคอยพวกเขามานานแล้วของอีกฝ่าย! หากไม่ใช่เพราะความหูตาว่องไวของอาซิ่ว เขาเองก็คงไม่อาจคาดเดาถึงผลลัพธ์ที่ตามมาได้เลย
“ก็แค่อสูรตนหนึ่งเท่านั้น ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องกังวล” อาซิ่วยิ้มกว้าง
“สาวน้อย พี่สาวมีชื่อว่าเสวี่ยเหยียน หาใช่อสูรร้ายอย่างที่เจ้าคิดแต่อย่างใด” เสียงของนางอ่อนโยนเจือด้วยความแหบแห้ง ซึ่งให้ความรู้สึกราวกับมีกรงเล็บข่วนเกาที่หัวใจ ทำให้เลือดลมสูบฉีดอย่างไม่อาจควบคุม
เสวี่ยเหยียนรึ?
เฉินซีขมวดคิ้ว แม้จะเจอหญิงสาวผู้นี้เป็นครั้งแรก แต่จากสถานการณ์ ชายหนุ่มคิดว่านางไม่ได้มาดีแน่!
“น้องเฉินซี ในที่สุดเราก็ได้พบกัน” นางทักทายพลางหันมองชายหนุ่ม
“เจ้ารู้จักข้า?” สายตาของเฉินซีนิ่งสงบ น้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์ …ทุกคำพูดและการกระทำของหญิงสาวนางนี้มีเสน่ห์ดึงดูดอันน่าสะพรึง และหากไม่ใช่เพราะเขามีดวงจิตแห่งเต๋าที่มั่นคงดั่งหินผา ชายหนุ่มก็คงโดนล่อลวงไปแล้ว
“ใช่แล้ว ตอนนี้มีใครในแดงภวังค์ทมิฬที่ไม่รู้จักน้องเฉินซีด้วยหรือ?” เสวี่ยเหยียนยิ้มหวาน จากนั้นคิ้วบางของนางพลันขมวดกลายเป็นปม “ข้าสงสัยเหลือเกิน ทั้งที่แดนฮุ่นตุ้นของเจ้าสลายไปแล้ว เหตุใดจึงยังฟื้นฟูการบ่มเพาะขึ้นมาได้อีก”
เฉินซีหรี่ตาลง น้ำเสียงตอบโต้อันแสนเย็นชาเล็ดลอดผ่านไรฟัน “เหมือนว่าปิงซื่อเทียนจะเป็นคนส่งเจ้ามา”
เรื่องที่แดนฮุ่นตุ้นของเขาถูกปิงซื่อเทียนทำลาย เฉินซีไม่เคยบอกให้ใครรู้แม้แต่เหมิงเหวยและคนอื่น ๆ ฉะนั้น การที่ความลับนี้ถูกเปิดเผยออกมาจากปากของเสวี่ยเหยียน ชายหนุ่มก็ย่อมเดาออกได้ทันทีว่าใครเป็นคนบอก!
บางทีนางอาจมาที่นี่เพื่อฆ่าข้า!
ราวกับวิญญาณร้ายตามติดไม่จบไม่สิ้น…
ในใจของเฉินซีอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร ความเกลียดชังที่ซุกซ่อนตลอดมาค่อย ๆ ถูกเผยออก รอบกายของเขาในขณะนี้ปกคลุมไปด้วยปราณสังหารแน่นขนัด
ตั้งแต่แผนจัดการกับศิษย์พี่ชิงอวี่ ตลอดจนการทำลายแดนฮุ่นตุ้น และการโจมตีศิษย์พี่หั่วโม่เลย รวมถึงคนอื่น ๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับปิงซื่อเทียนทั้งสิ้น!
เฉินซีจึงนึกเกลียดชังอีกฝ่ายยิ่งกว่าอะไรดี ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เป็นเซียนสวรรค์ และยอดบุรุษแห่งนิกายวิถีกระแสสวรรค์จะทำตัวน่ารังเกียจและไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้!!
เสวี่ยเหยียนแสร้งทำเป็นไม่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายที่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นนางพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย ถึงตอนนี้พลังของเจ้าจะฟื้นตัว แต่ก็ยังอ่อนแออยู่มาก ข้าล่ะเป็นกังวลแทนเจ้านัก จึงอยากจะแนะนำให้ตามข้ามาแต่โดยดีจะดีกว่า เพราะหากข้าลงมือแล้ว ใจของข้าก็คงรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย”
เฉินซีขมวดคิ้ว “พี่ใหญ่เหมิงเหวย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกท่าน ฉะนั้นปล่อยให้ข้าจัดการเอง” น้ำเสียงชายหนุ่มฟังดูเย็นชายิ่ง
เหมิงเหวยและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงระคนสับสน ทว่าเมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังและเคร่งเครียดของชายหนุ่ม พวกเขาก็เลือกที่จะเชื่อฟังและเดินออกไปเงียบ ๆ
“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้องชายเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง เจ้ารู้ไหม ข้าฝืนตัวเองแทบตายเพื่อไม่ให้ตกหลุมรักเจ้าเชียวนะ” หญิงสาวยิ้มยั่ว ใบหน้าของนางยังคงเรียบเฉยคล้ายว่าสถานการณ์นี้อยู่ภายใต้การควบคุมของตนอย่างสมบูรณ์
“แล้วเจ้าเชื่อหรือไม่ว่า ข้าจะฉีกปากสวย ๆ ของเจ้าเป็นชิ้น ๆ หากยังไม่หยุดเรียกเขาว่าน้องชาย!” อาซิ่วพูดด้วยความโกรธประหนึ่งสัตว์ร้ายที่จ้องจะเขมือบศัตรู
เสวี่ยเหยียนเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะระเบิดหัวเราะเย้ยหยัน “สาวน้อย เจ้าอย่าได้โกรธไป ข้าไม่ได้คิดจะขโมยของรักของหวงเจ้าหรอกนะ”
“อาซิ่ว ถอยไป” เฉินซีกล่าว
“ไม่อยากให้ข้าช่วยจริง ๆ หรือ?” หญิงสาวขมวดคิ้ว
เฉินซีปฏิเสธอย่างแน่วแน่
เสวี่ยเหยียนถอนหายใจต่อภาพตรงหน้าอย่างอดไม่ได้ “ข้าพูดขนาดนี้แล้ว เจ้าก็ยังไม่ฟัง นี่ข้าเสียใจมากเลยนะ”
ตู้ม!
ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ เรือนร่างอรชรของหญิงสาวก็พลุ่งพล่านไปด้วยพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวแทบจะในทันที และท่ามกลางกลิ่นอายเซียนที่แผ่กระจายรอบกาย กระแสคลื่นแห่งเต๋าพลันดังกึกก้อง คำรามสั่นคร้ามทั่วทั้งแผ่นปฐพี!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ตั้งแต่ที่ออกจากนรกขุมที่เก้ามา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม จิ้งจอกเก้าหางผู้เป็นถึงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี!
ความแตกต่างมหึมาระหว่างขอบเขตของพวกเขา ทำให้เฉินซีไม่อาจสงวนท่าทีไว้ได้!
แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็หาได้เกรงกลัว เขาเดินหน้าต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี ใช้เปลวไฟแห่งโทสะและความเกลียดชังที่ถูกกักเก็บไว้ในใจเป็นตัวกระตุ้น เปลี่ยนตัวคนให้กลายเป็นภูเขาไฟที่กำลังปะทุเดือด!
เหมือนตอนนี้เฉินซีจะเสียสติไปแล้ว!
ทว่าเพียงไม่นานจิตใจของเขาก็กลับมาสงบนิ่งราวน้ำแข็ง ชายหนุ่มมีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย ทว่าแฝงไปด้วยจิตสังหารเดือดพล่าน เขาในยามนี้เป็นดั่งแสงวูบวาบที่พร้อมจะฉีกกระชากราตรีอันมืดมิดด้วยความป่าเถื่อน
เสวี่ยเหยียนที่เคยมีท่าทีผ่อนคลาย ขณะนี้นางกำลังแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างชัดเจน พลังการต่อสู้ที่เย้ยฟ้าท้าสวรรค์ของอีกฝ่าย ทำให้หญิงสาวตกตะลึง!
นางไม่เคยนึกเลยว่าคนตัวเล็ก ๆ ที่บรรลุเพียงขอบเขตสถิตกายาจะสามารถต้านทานการโจมตีของนางได้นานขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้น ยิ่งการต่อสู้ดำเนินไปนานมากเท่าไร ความแข็งแกร่งของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีลดลงแม้แต่น้อย
จริงอยู่ที่เสวี่ยเหยียนรับมือกับการโจมตีจากอีกฝ่ายได้ง่ายดาย ทว่านั่นไม่ได้ทำให้นางยินดี หญิงสาวกลับเริ่มมีสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นตามเวลาแทน!
ตัดสินเจ้าหนุ่มคนนี้จากภายนอกไม่ได้จริง ๆ เฉินซีเป็นคนที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่เขาบรรลุถึงแค่ขอบเขตสถิตกายา แต่กลับสามารถยืนหยัดต่อสู้กับนางมาได้จนถึงตอนนี้ แล้วหากมีวันหนึ่งที่เขาเติบโตขึ้นไป เขาจะกลายเป็นบุรุษที่น่าสะพรึงกลัวได้เพียงใดกัน?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น จิตสังหารในใจของเสวี่ยเหยียนก็เข้มข้นขึ้น
มีแต่ต้องฆ่าเท่านั้น!
ตัวหายนะเช่นนี้จะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก ขืนปล่อยให้อีกฝ่ายเติบโตไปมากกว่านี้ เขาจะต้องกลายเป็นภัยคุกคามต่อนิกายวิถีกระแสสวรรค์อย่างใหญ่หลวงแน่นอน!
ฟับ! ฟับ! ฟับ!
จิตสังหารที่แน่นขนัดในใจทำให้หญิงสาวไม่อาจถอยหนี กลิ่นอายเซียนแผ่ออกมาจากร่างก่อนจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้น ร่างกายของหญิงสาวก็แยกออกเป็นเก้าส่วน กลายเป็นร่างมนุษย์ทั้งเก้าที่มีทุกอย่างเหมือนกันทุกประการ
ร่างทั้งเก้านี้แต่งแต้มรอยยิ้มงดงามทว่าเย็นเยียบ บอบบางทว่าน่าหลงใหล และเรียบเฉยทว่าเย่อหยิ่ง… ร่างทุกร่างนี้เป็นเสมือนร่างจริง โดยล้วนแต่มีพลังและกลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่เหมือนกันทุกประการ ไม่อาจเปรียบเทียบหาความแตกต่างได้
ทันทีที่ปรากฏตัว พวกนางก็ยืนประจำตำแหน่งตามแผนภาพเก้าพระราชวัง เข้าล้อมเฉินซีไว้อย่างสมบูรณ์!
พริบตาเดียว ชายหนุ่มพลันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่กดทับเขาเอาไว้ ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับเซียนปฐพีถึงเก้าคนเพียงลำพัง ทำให้เลือดในกายข้นหนืดขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
“น้องชาย เจ้านี่ไม่เลวเลย สามารถบีบให้ข้าใช้เคล็ดวิชานวลักษณ์ได้ สำหรับคนในรุ่นเดียวกัน เจ้าถือว่าเป็นยอดฝีมือชนิดหาตัวจับยาก อีกทั้งเจ้าก็หาได้ด้อยไปกว่ายอดฝีมือผู้เป็นเอกบุรุษที่ตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอกเหล่านั้น น่าเสียดาย …ยิ่งเจ้าเป็นแบบนี้ พี่สาวก็ยิ่งต้องจัดการเจ้าซะ…” ท่ามกลางน้ำเสียงอันอ่อนโยนและแหบพร่า จู่ ๆ ร่างหนึ่งพลันกระโจนออกมาจากหนึ่งในเก้าร่างนั้น เสวี่ยเหยียนพุ่งตัวเข้ามาพร้อมกับมือที่ขยุ้มดังกรงเล็บที่สามารถฉีกกระชากโลกออกเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะตะปบเข้าไปยังท้องน้อยของเฉินซีอย่างแรง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...