บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 737

บทที่ 737 โหดร้ายเกินไป!

บทที่ 737 โหดร้ายเกินไป!

เคล็ดวิชานวลักษณ์?

เมื่อเสวี่ยเหยียนเผยทักษะนี้ออกมา อาซิ่วพลันตกตะลึงไปเพราะนางจำได้ว่าวิชานี้เป็นศาสตร์เต๋าโดยกำเนิดของเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง

ศาสตร์เต๋านี้มีชื่อเสียงอย่างมากในยุคบรรพกาล จักรพรรดินีปีศาจของเผ่าจิ้งจอกเก้าหางเคยใช้เคล็ดวิชาที่น่ากลัวอย่างยิ่งนี้สังหารผู้ทรงพลังจำนวนมากมาก่อน

มันไม่เหมือนกับร่างจำแลงของผู้บ่มเพาะกายาทั้งหลาย ร่างทั้งแปดที่สร้างขึ้นจากเคล็ดวิชานวลักษณ์นั้นก่อตัวขึ้นจากปราณเซียนบริสุทธิ์ โดยไม่มีแก่นแท้ จิตวิญญาณ และความนึกคิด แต่พลังของพวกมันกลับเทียบได้กับร่างจำแลงหรือแก่นวิญญาณที่สองได้เลย

เสวี่ยเหยียนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับหนึ่ง ดังนั้นเมื่อนางใช้เคล็ดวิชานี้ ร่างแยกแต่ละร่างจึงเปล่งรัศมีอยู่บนท้องฟ้าดุจดวงอาทิตย์ที่แผดเผา และความแข็งแกร่งของร่างจำแลงพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับร่างจริงของนางแม้แต่น้อย!

กล่าวคือ แรงกดดันที่เฉินซีต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้นั้น ยิ่งใหญ่มากเสียจนเทียบได้กับการเผชิญหน้ากับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีถึงเก้าคน!

ดวงตาของอาซิ่วหรี่ลง ตัวคนเตรียมที่จะเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อ!

ขวับ!

ยามนี้เอง ร่างแยกของเสวี่ยเหยียนได้พุ่งเข้าหาเฉินซี นิ้วทั้งห้าของนางเป็นราวกับขอเกี่ยว คว้านเข้าที่ท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาอย่างไร้ความปรานี!

หญิงสาวได้ใช้พลังที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ในการโจมตีในครั้งนี้ การเคลื่อนผ่านมิติ! ความเร็วของนางจึงเร็วมากเสียจนทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในชั่วอึดใจเดียว

นี่คือพลังและความน่าสะพรึงกลัวของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี มันอยู่เหนือกว่าผู้บ่มเพาะธรรมดาอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าขอบเขตเซียนปฐพีจะอยู่ห่างจากขอบเขตสถิตกายาเพียงแค่เล็กน้อย แต่ก็เป็นโลกที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว หนึ่งอยู่เหนือฟ้า อีกหนึ่งอยู่ใต้พื้นดิน มันไม่อาจเทียบกันได้!

พรวด!

เหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ มันราวกับว่าเฉินซีไม่สามารถตอบสนองต่อการโจมตีนี้ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงการหยุดมัน แม้แต่เวลาที่จะหลบมัน เขาก็ยังไม่มี ท้องของชายหนุ่มจึงถูกฉีกออกจนทำให้เลือดสด ๆ ไหลพุ่งออกมา

ม่านตาของเหมิงเหวยและโม่ย่าหดลงในทันที พวกเขาอ้าปากค้างและรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก คนทั้งสองไม่เคยคิดมาก่อนว่า เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกะทันหัน ทำให้ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก

แม้แต่อาซิ่วเองก็ยังตกตะลึง เพราะนางไม่เคยคิดมาก่อนว่าเฉินซีจะไม่สามารถหลบการโจมตีจากร่างแยกเพียงตัวเดียวของเสวี่ยเหยียนได้จริง ๆ

สิ่งนี้เกินความคาดหมายของนางอย่างมาก เพราะในการคำนวณก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มอย่างน้อยก็น่าจะสามารถทำให้เขาต้านทานต่อไปได้อีกเกือบหนึ่งเค่อ และไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้

ท้ายที่สุด ความเร็วของปีกกำราบผกผันของชายหนุ่มก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการเคลื่อนผ่านมิติเลย แล้วเหตุใดเฉินซีถึงไม่สามารถหลบได้กัน?

เสวี่ยเหยียนผู้ลงมือโจมตีอย่างไร้ความปรานีเองก็ตกตะลึงเช่นกัน นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า การโจมตีของนางจะประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายเช่นนี้ กระทั่งเมื่อรู้สึกถึงเลือดเหนียวข้นที่ไหลท่วมอยู่ที่ปลายนิ้ว หญิงสาวจึงเพิ่งตระหนักว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บจากตนจริง ๆ!

ฟิ้ว!

ร่างแยกทั้งเก้าได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เสวี่ยเหยียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ขณะมองไปยังเฉินซีซึ่งอยู่ตรงหน้า “น้องชาย ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ข้าจะประเมินเจ้าสูงเกินไป”

มือที่ขาวและเรียวยาวของนางยังคงเป็นเหมือนใบมีดคมแทงเข้าไปในทะเลลมปราณของเฉินซี ทำให้อาซิ่วไม่กล้าเคลื่อนไหวทำอะไรบุ่มบ่าม

ช่องท้องของเขาขาดออกจากกัน ทำให้เลือดสด ๆ ไหลออกมาไม่หยุด แต่การแสดงออกของเฉินซีกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขายังคงสงบนิ่งและไม่แยแสสิ่งใด จะมีก็เพียงใบหน้าที่ซีดลงเล็กน้อยเท่านั้น

“น้องชาย คราก่อนที่ใต้เท้าปิงซื่อเทียนได้ทำลายแดนฮุ่นตุ้นของเจ้าไป ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสร้างมันกลับขึ้นมาใหม่ได้ นั่นนับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ทีเดียว เจ้าทำสิ่งที่แม้แต่คนรุ่นก่อน ๆ ยังไม่สามารถทำได้ หากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬจะต้องถูกสั่นคลอนอย่างแน่นอน!”

เสวี่ยเหยียนยิ้มอย่างอ่อนหวาน ดวงตาสดใสของนางกลอกไปมา “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าตกอยู่ในมือข้าแล้ว ขอข้าดูหน่อยว่าเจ้าจะสามารถฟื้นฟูแดนฮุ่นตุ้นกลับคืนมา หลังจากที่มันถูกทำลายอีกครั้งได้หรือไม่…”

ขณะที่พูด นางก็พลิกมือขวาที่สอดเข้าไปในทะเลปราณของเฉินซี จากนั้นก็บีบเข้าที่แดนฮุ่นตุ้นของเขาอย่างแรง

ตู้ม!

แดนฮุ่นตุ้นพลันแตกออกราวกับเปลือกไข่อย่างง่ายดาย!

“บอบบางจัง… หืม? นี่มัน!”

เสวี่ยเหยียนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ทำให้สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “เจ้า.. ” พลังที่น่าสะพรึงกลัวฉุดกระชากมือของนาง ทำให้หญิงสาวไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ และถลาไปชนเข้ากับอีกฝ่าย

ความรู้สึกนั้นราวกับมีกระแสน้ำวนในร่างกายของเฉินซี กำลังดูดมือขวาของนางเอาไว้อย่างเหนียวแน่นด้วยความตั้งใจที่จะดึงตัวคนเข้าไปในร่างของชายหนุ่ม

ไม่ดีแล้ว!

เสวี่ยเหยียนตอบสนองอย่างรวดเร็วมากและตั้งใจที่จะถอยหนี ทว่าม่านตาของนางต้องหดตัวลงอย่างกะทันหันเนื่องจากความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้น ณ บริเวณท้อง ทำให้หญิงสาวต้องขดงอตัวอย่างไม่อาจทนได้

เพราะขณะนี้ หมัดที่สามารถบดภูเขาและบี้หินจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ …ได้กระแทกเข้าที่ท้องของนางอย่างจัง!

พรวด!

หญิงสาวไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้กระอักเลือดสีทองอ่อนออกมาเต็มปากได้อีกต่อไป แต่ก่อนที่จะทันได้สู้กลับ นางก็รู้สึกราวกับคอของตนถูกค้อนใหญ่ของเทพเจ้ากระหน่ำตีลงมา

โครม!

นางรู้สึกว่าการมองเห็นของตนมืดไป ขณะที่จิตใจล่องลอยไปมาท่ามกลางดวงดาวมากมาย

ในตอนนี้ ผมเผ้าของหญิงสาวยุ่งเหยิง ใบหน้าที่สวยงามและมีเสน่ห์เต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธ ส่วนจิตใจที่ฟุ้งซ่านและสับสนก็ทำให้ปฏิกิริยาของนางช้ากว่าปกติเล็กน้อย

ทำลายดอกไม้งามอย่างโหดเหี้ยม!

บ้าคลั่งและดุร้าย!

หากผู้คนที่ไม่รู้ความจริงผ่านมาเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาคงจะกระโจนเข้ามาและกล่าวประมาณเฉินซีที่ไม่รู้จักถนอมหยกงาม ตำหนิชายหนุ่มที่ไม่เข้าใจว่าความงามนั้นสามารถให้อภัยได้โดยไร้เหตุผล…

“เอาล่ะ เป็นการต่อสู้ที่ดี! นางอสูรคนนี้ทำให้ข้าไม่ชอบหน้าแต่แรกแล้ว” อาซิ่วสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน ด้วยการยิ้มแย้มแจ่มใสและปรบมือชื่นชมให้กับเหตุการณ์ตรงหน้านี้

บางที นี่อาจเป็นความคิดที่แท้จริงของหญิงสาว แม้พวกนางจะเป็นสตรีเช่นกัน และบางคู่อาจมีท่าทางสนิทสนมกลมกลืน แต่ใครจะรู้ได้กันว่ามีการต่อสู้ลับ ๆ และการหลอกลวงอยู่ระหว่างพวกเขาหรือไม่?

“ทุกคนเป็นอะไรหรือไม่?”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเสวี่ยเหยียนหมดสติไปแล้วเฉินซีก็หยุดมือของเขา ขณะที่ความโกรธในใจก็ลดลงอย่างมาก ชายหนุ่มจึงหิ้วเสวี่ยเหยียนไว้ในมือข้างหนึ่ง และหันกลับไปมองคนอื่น ๆ

เหมิงเหวย โม่ย่า และเหล่าเด็ก ๆ ที่ตกอยู่ในความหวาดกลัว ต่างชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ก่อนที่พวกเขาจะส่ายหัวพร้อมกัน สีหน้าของพวกทุกคนไม่มีร่องรอยความโกรธแม้แต่น้อย พวกเขาต่างมองไปยังเสวี่ยเหยียนผู้ถูกเฉินซีจับไว้อย่างเห็นอกเห็นใจ กระทั่งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

ช่างน่าสงสาร! น่าเสียดายยิ่งนัก!

เจ้าจะไปเป็นศัตรูกับใครก็ได้ เหตุใดเจ้าต้องมาที่นี่เพื่อเป็นศัตรูกับเฉินซีด้วย?

“นี่ เหตุใดเจ้าถึงไม่สังหารนางล่ะ หากเป็นข้า คงจะลอกหนังจิ้งจอกของนางออกมาทำเป็นเสื้อผ้าสวย ๆ สักชุด…” อาซิ่วพึมพำจากด้านข้าง

เหมิงเหวยและคนอื่น ๆ รู้สึกเย็นวาบขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นว่าคนที่โหดเหี้ยมที่สุดไม่ใช่เฉินซี แต่เป็นหญิงผู้ใจร้ายคนนี้ต่างหาก!

“ตอนนี้ข้าจะปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ไปก่อน เพราะนางยังคงมีประโยชน์อยู่” เฉินซีส่ายหัว สติของเขายังคงอยู่ในภวังค์ นี่เขาเอาชนะผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีได้จริงหรือ?

แต่ในไม่ช้า ชายหนุ่มก็สงบลง เฉินซีรู้ดีว่าโชคดีอย่างมากในชัยชนะครั้งนี้ หากเผชิญหน้ากับเสวี่ยเหยียนจริง ๆ บางทีชายหนุ่มอาจสามารถหนีรอดไปได้ แต่เขาก็ยังไม่นับว่าคู่ต่อสู้ของนางอย่างแน่นอน

ท้ายที่สุดแล้ว นางก็เป็นเซียนปฐพีไม่ใช่เพียงไม่ใช่ผู้บ่มเพาะทั่วไป และถือได้ว่ายืนอยู่บนจุดสูงสุดของภพมนุษย์อย่างภาคภูมิแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา จึงไม่อาจก้าวข้ามขอบเขตไปเอาชนะผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีได้

แต่การต่อสู้ในครั้งนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจความแข็งแกร่งของตนเองได้อย่างชัดเจน และกระทั่งคาดหวังถึงช่วงเวลาที่สามารถเข้าถึงความแข็งแกร่งที่มากยิ่งกว่านี้ เจ็ด แปด เก้า หรือแม้แต่สิบเท่าจากระดับปัจจุบัน …เมื่อถึงยามนั้น เฉินซีจะสามารถเอาชนะผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีได้อย่างง่ายดายหรือไม่กัน?

“ปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่?”

“นี่! เจ้าคงไม่ได้คิดที่จะเลี้ยงนางเป็นทาสใช่หรือไม่? โอ้ มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น จิ้งจอกเก้าหางสายเลือดบริสุทธิ์เป็นสัตว์ที่มีเสน่ห์และหายากอย่างยิ่ง และนางเองก็เป็นสตรีที่หลายคนใฝ่ฝันจะได้ครอบครอง ลุงรองของข้าเองก็เคยรวบรวมทาสคนงามไว้มากมาย และเขาก็ขาดเพียงจิ้งจอกเก้าหางที่มีสายเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น โชคไม่ดีที่พลังของจิ้งจอกเก้าหางตัวนี้อ่อนแอเกินไป ลุงคนรองของข้าคงจะไม่สนใจนางเป็นแน่…”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา ทุกคนรวมถึงเฉินซีต่างก็ชะงักไปเพราะความตกตะลึง วิธีคิดของหญิงสาวคนนี้… ช่างไร้ข้อจำกัดจริง ๆ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]