บัญชามังกรเดือด นิยาย บท 1033

บรรดาฝูงตะขาบที่กรูกันเข้ามา ต่างกัดแทะร่างของอาหนูที่อยู่บนพื้นจนเกลี้ยงไปภายในชั่วพริบตา

เหลือไว้เพียงเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง กับกระดูกสีขาวโพลนที่ทิ้งรอยเลือดไว้เท่านั้น

ส่วนบรรดาฝูงตะขาบสีดำทมิฬฝูงนั้น เนื่องจากพวกมันกินเลือดกินเนื้อของมนุษย์เข้าไป จึงทำให้ความดุร้ายของมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ

พวกมันบิดร่างกายของมัน และรอฟังคำสั่งของฉีเฟย

หม่าหงเทารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด จนต้องรีบเม้มปากเอาไว้จนแน่น ไม่งั้นคงได้อาเจียนออกมาตรงนั้นเป็นแน่

ฉินเทียนเห็นการนองเลือดหลากหลายรูปแบบจนเคยชิน สีหน้าของเขายังคงดูสงบเยือกเย็นอยู่

ฉีเฟยเหลือบตามองดูทั้งสองคนนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “ดูซะให้เต็มตา นี่คือสภาพของพวกแกในอนาคต!”

“ล่วงเกิน ตระกูลฉีซากของพวกแกต้องเป็นเช่นนี้ ไม่เหลือแม้แต่กระดูก!”

หม่าหงเทาจ้องมองตาถลึง มีดม้งในมือของเขาชี้ไปยังฉีเฟย“พูดจาไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย ดีแต่พูดอยู่นั่นแหละ! ถ้ายังไม่ไสหัวไปอีก กูจะตัดแขนที่เหลืออีกข้างของมึงซะ!”

ฉีเฟยจ้องมองหม่าหงเทาด้วยแววตาอำมหิต “วางใจเถอะ ความแค้นของแขนที่ขาดไป ฉันจะกลับมาทวงคืนแน่นอน!”

พูดจบฉีเฟยก็ผิวปากทำเสียงแปลกๆ ออกมาอีกครั้ง

บรรดาตะขาบที่พลิกตัวไปมาอยู่นั้น ต่างพากันเคลื่อนย้ายโครงกระดูกสีขาวโพลนของอาหนูและเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

แถมยังมีโครงกระดูกสีขาวโพลนช่วงแขนของฉีเฟยที่ถูกหม่าหงเทาตัดจนขาดท่อนนั้นอีกด้วย ล้วนถูกบรรดาตะขาบแบกกลับไปเหมือนกัน

ฉีเฟยแขนหายไปข้างหนึ่ง แม้ตอนที่เดินจะดูโซเซอยู่บ้าง แต่เขายังคงกระโดดขึ้นไปบนกำแพงได้

เขาเพ่งมองลงมาที่ฉินเทียนกับหม่าหงเทาที่อยู่ภายในลานบ้านด้วยสายตาอันน่าสะพรึงกลัว “ขอให้สนุกกับของขวัญที่ฉันฝากไว้ให้ก็แล้วกัน!”

“ตูม_____!”

ฉีเฟยใช้มือขวาขว้างสิ่งของบางอย่างลงไปที่ลานบ้าน จากนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้น

สักพักเกิดเขม่าควันขึ้นไปทั่วบริเวณนั้น และตามด้วยกลิ่นจนทำให้เกิดอาการสำลัก

หม่าหงเทากลัวว่าเป็นกลลวง เลยใช้มีดม้งกวัดแกว่งไปท่ามกลางอากาศ

ฉินเทียนยังคงยืนอยู่ที่เดิม ตัวเขามีพลังเทียนกังคุ้มกันร่างอยู่แล้ว แม้แต่หนอนพิษกู่ยังเข้าใกล้เขาไม่ได้เลยสักตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขม่าควันอะไรนั้นเลย

ต่อมาไม่นาน หมอกควันในลานบ้านต่างกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว

ฉินเทียนกับหม่าหงเทามองไปที่ของที่ฉีเฟยขว้างลงมาบนพื้นเมื่อครู่นี้ แต่กลับไม่เห็นอะไรแล้ว เหลือเพียงร่องรอยควันสีเทาดำของดินปืนเท่านั้น

ไม่ไกลจากร่องรอยพวกนั้น กลับเห็นนกเค้าแมวตัวหนึ่ง กำลังเดินกะโผลกกะเผลกไปมา

ปีกข้างหนึ่งของมัน เคยถูกมีดม้งของหม่าหงเทาตัดขาดไป บริเวณบาดแผลยังมีเลือดไหลซึมออกมาอยู่เลย

นกเค้าแมวตัวนั้นราวกับสังเกตเห็นสายตาของฉินเทียนกับหม่าหงเทา มันเอียงคอและจ้องมองตาพวกเขา มันหันหัวกลับและค่อยๆ เดินเซเข้ามา

หม่าหงเทาหัวเราะ “ไอ้โง่ตัวนี้ เคยถูกฉันฟันจนปีกขาดไปข้างหนึ่งแล้ว คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่เวลาไม่นานก็ลืมกันซะแล้ว”

“เมื่อครู่อยู่ดีดีมันก็ส่งเสียงร้องดังขึ้นในลานบ้าน จนทำให้คนกลัว ตอนนี้ดูไปดูมา ขนปุกปุยของมัน ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ”

นกเค้าแมวราวกับจะเข้าใจที่หม่าหงเทาพูด เท้าที่ใหญ่โตของมันเริ่มก้าวเร็วขึ้น

ชั่วพริบตาเดียว มันก็เดินเข้ามาอยู่ข้างๆ หม่าหงเทากับฉินเทียนแล้ว

“พี่เทียน พี่ว่านกเค้าแมวตัวนี้กินได้ไหม?” อ้วนปุ๊กลุกแบบนี้ ตัวใหญ่กว่านกพิราบตั้งเยอะ

“เดี๋ยวฉันถอนขนแล้วชำแหละมันก่อน จากนั้นค่อยเอามันไปย่างบนไฟ รสชาติอาจจะสู้เนื้อแกะย่างในสวนสัตว์ร้ายไม่ได้ แต่น่าจะยังพอประทังความหิวไปได้บ้าง”

คำพูดของหม่าหงเทา ทำให้ฉินเทียนหัวเราะขึ้นมา

พวกเขาพึ่งจะออกจากจิ่นหูได้เพียงสองวัน หม่าหงเทาก็บ่นคิดถึงแกะย่างในสวนสัตว์ร้ายเสียแล้ว

ตอนที่เขาไม่อยู่ เจ้าผู้ช่วยพวกนั้นคงจะย่างแกะกินไม่น้อยเลย

หม่าหงเทาเห็นว่าฉินเทียนไม่ได้ตอบอะไร เลยถือว่าเขาอนุญาตไปโดยปริยาย

มีดม้งในมือเล่มนั้น กำลังจะเฉือนคอของเจ้านกเค้าแมวตัวนั้นแล้ว

“ช้าก่อน!”

“ทำแบบนั้นไม่ได้!”

จู่ๆฉินเทียนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ เลยรีบส่งเสียงเตือนออกมาทันที

“ ไอ้พวกนี้มันคืออะไรกันแน่? มันคงไม่ใช่หนอนพิษกู่อะไรอีกใช่ไหม!”

หม่าหงเทาฟาดหันด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาเอ่ยปากด่าขึ้นว่า “ไอ้บ้าหลิ่งหนาน จะกำจัดไอ้พวกสกปรกลอบกัดนี้ยังไงดี?”

“ใช้ไฟ ของสิ่งนี้กลัวไฟ!” ชุยหมิงพูด พร้อมกับหยิบไฟแช็กที่อยู่ในกระเป๋าออกมาหนึ่งอัน

หม่าหงเทาแทบจะหัวเราะออกมา “เปลวไฟเล็กขนาดนั้น แค่ปีกของพวกมันไม่กี่อันก็พัดจนดับได้แล้ว เล่นตลกหรือไง?”

“แกยังไม่ต้องเชื่อก็ได้ รอเขาก่อน!” ชุยหมิงกดเปิดไฟแช็ก เปลวไฟอันอ่อนแรงก็ค่อยๆ ลุกโชนขึ้นมา

โชคดีที่ไฟแช็กของเขาอันนี้สามารถกันลมได้ ไม่งั้นแค่ลมเฉื่อยๆ พัดมาเพียงนิดเดียว คงพัดมันจนดับไปแล้วแน่นอน

หม่าหงเทาเบะปากอยากจะหัวเราะชุยหมิง เมื่อเห็นว่าชุยหมิงนำไฟแช็กเข้าไปจ่อใกล้ๆ กับแมลงประหลาดตัวหนึ่งที่บินอยู่ตัวนั้น!

แม้เปลวไฟจะอ่อน แต่เมื่อเจอกับแมลงประหลาดตัวนั้นแล้ว ราวกับเจอน้ำมันเชื้อเพลิง จนเกิดไฟปะทุขึ้นมา และกลืนแมลงตัวนั้นทั้งตัวเข้าไปในเปลวไฟ!

เปลวไฟสีฟ้าอ่อนก่อนหน้านั้น กลับกลายเป็นสีเขียวเข้มขึ้นมาภายในชั่วพริบตา

ส่วนแมลงตัวอื่นที่บินอยู่รอบรอบนั้น เมื่อเห็นแสงสว่างจากเปลวไฟแล้ว ต่างค่อยๆ เปลี่ยนทิศทาง และบินกรูเข้ามาอย่างรวดเร็ว!

พวกมันบินเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิตราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ เพียงชั่วพริบตาเดียว แมลงประหลาดร้อยกว่าตัวนั้นก็ถูกเปลวไฟกลืนกินหายไปจนเกลี้ยง!

เมื่อขี้เถ้ามอดลง หม่าหงเทาอดไม่ได้ที่จะสบถขึ้นมาอีกครั้ง “ไอ้พวกสารเลว ลอบกัดกันมากเกินไปแล้ว!”

“ถ้าเมื่อครู่ฉันใช้มีดแทงไปที่นกเค้าแมวตัวนั้นหล่ะก็ ไอ้แมลงพวกนั้นมันไม่ล้อมฉันไว้จนหมดแล้วหรือ?”

“ถ้าถูกพวกมันกัดเข้า คงต้องเหมือนกับไอ้นกฮูกตัวนั้นแน่ๆ ที่ในร่างกายมีแต่แมลง?”

สีหน้าของชุยหมิงไม่สู้ดีนัก เขาพยักหน้าด้วยความลำบากใจ “ที่แกพูดก็ถูก ก่อนหน้านี้ฉันประมาทเกินไป เลยถูกพิษของพวกมันเข้าให้”

ฉินเทียนรีบเดินเข้ามา “แกถูกพิษพิษกู่อย่างนั้นหรือ? แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

ก่อนหน้านี้เขาส่งชุยหมิงไปที่เมืองไพ่ เพื่อสังหารเด็กรับใช้พวกนั้นที่เคยรุมซ้อมซูเหวินเฉิง

ตอนนี้ชุยหมิงกลับปรากฏตัวขึ้นที่ หลิ่งหนานดูแล้วการเดินทางในครั้งนี้คงไม่ราบรื่นแล้วหล่ะ

ทำชุยหมิงนักลอบสังหารยอดฝีมือผู้นี้ตกที่นั่งลำบากได้ถึงเพียงนี้ มีเพียงความชั่วร้ายเลวทรามขั้นสุด อย่างพิษกู่แล้วหล่ะที่ทำให้ใครก็ยากป้องกันได้!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด