บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 171

บทที่ 171 ส่งเสริมซึ่งกันและกัน

“นังหญิงเจ้าเล่ห์ ข้าเคยปกป้องเจ้านะ!”

จูเซตวาดออกมาอย่างอดไม่ได้ กุ่ยเม่ยจึงกดไหล่ของนางลง ใบหน้านางขมวดคิ้วย่น ด้วยความเจ็บเหงื่อเย็นไหลท่วมร่างจนพูดอะไรไม่ออกสักคำ

จูเย่นหน้าเครียด มองซ่านจินจื๋อที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ ในใจนั้นหนักอึ้ง

ดูท่าแล้วซูพ่านเอ๋อที่อยู่ในใจซ่านจินจื๋อนั้นไม่สำคัญอะไรเลย คิดไม่ถึงว่าซ่านจินจื๋อยังเลือกเคียงข้างกู้อ้าวเวย และในเวลานี้ดาบยาวที่ชโลมเลือดมานับไม่ถ้วนกำลังพาดอยู่บนคอของเขา

กู้อ้าวเวยยืนเท้าเปลือยเปล่าอยู่บนพื้น บีบข้อมือเบาๆกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “คิดไม่ถึงพอข้าได้ซื้อน้ำฉ่าวหลงกับไม้ฮ่วยกวาง พวกเจ้าก็มาเยี่ยมเยือนถึงประตู”

“ให้ตกอยู่ในเงื้อมมือตระกูลหยุนอย่างพวกเจ้า ไม่สู้สังหารข้าเสียเลยดีกว่า

จูเซส่งเสียงหัวเราะเยือกเย็น กู้อ้าวเวยจึงใช้ผ้าอุดปากนางไว้ ขณะมองดูดวงตาที่เบิกโพลนด้วยความหวาดกลัวของนาง จึงนั่งย่อเข่าลงไปนั่งข้างๆ “ก่อนหน้านี้พวกเจ้านำของทั้งหมดของข้าไปก็สมควรคืนมาเสีย”

จูเซถลึงตาใส่นางจนแทบจะหลุดจากเบ้า

กู้อ้าวเวยยักคิ้วใส่เมื่อเห็นนางพูดไม่ได้ จึงเดินมาข้างกายจูเย่นอีกครั้งแต่ไม่ได้นั่งย่อเข่าลงไปหา ซ่านจินจื๋อที่ยืนอยู่ด้านหลังได้ช่วยลากคอเสื้อลากหันหัวมาหานาง ดาบที่อยู่มือยิ่งใกล้เข้าไปกว่าเดิม “ส่งของออกมา”

จูเย่นได้แต่กัดฟันโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ที่ต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือของซ่านจินจื๋อก็เป็นเพราะว่าเขากระหายในความสำเร็จมากเกินไป อยากจะนำตัวกู้อ้าวเวยกลับไปไวๆแต่ดันเข้าทางของกู้อ้าวเวย ยังนึกว่านางท่องเขาลำเนาไพรที่ข้างนอกจริงๆเสียอีก

“มิเช่นนั้นน้องสาวเจ้าก็ต้องจบชีวิตแล้วล่ะ” กู้อ้าวเวยยิ้มบาง

จูเย่นถลึงตาใส่นาง “ข้าไม่ได้พกติดตัว”

“ของอื่นๆเจ้าไม่พกติดตัวข้าก็พอจะเชื่อ แต่ตอนนั้นเจ้ายังพกมีดเล่มเล็กอยู่เลยนี่ เจ้าย่อมต้องพกไว้แน่” กู้อ้าวเวยกลอกตาใส่ก้มลงไปควานหาบนร่างของเขา จูเย่นคิดจะขยับแต่ดาบของซ่านจินจื๋อนั้นฝังเข้าเนื้อเสียแล้ว จึงมิกล้าขยับเขยื้อนอีก

ควานหาอยู่สักพัก ในที่สุดกู้อ้าวเวยก็หามีดสั้นรากบัวพบ(เหลียนจื่อเกิง) ขณะที่วางของสิ่งนั้นลงบนมือราวกับสมบัติล้ำค่าก็เฝ้ามองอย่างระมัดระวัง

“ดูพอแล้วหรือยัง?” ซ่านจินจื๋อคว้าร่างนางกลับมา

กู้อ้าวเวยซวนเซไปหลายก้าว มองไปทางจูเย่นกับจูเซจึงเปิดกล่องข้างๆหยิบตลับไม้ขนาดเท่าฝ่ามือออกมาแล้วผลักดาบของซ่านจินจื๋อออก นางนั่งย่อลงแล้วยัดตลับไม้ใส่ในอุ้งมือของเขา “ข้างในมีใบสั่งยากับยาสำเร็จรูปรักษาโรค เอากลับไปให้พ่อของพวกเจ้าทานยาตามใบสั่งหนึ่งปีช่วยบรรเทาพิษได้ชั่วคราว จากนั้นหนึ่งปีให้หลังเจ้ามาหาข้าอีกครั้งที่เทียนเหยียน วันหน้าก็อย่าได้ทำงานลอบสังหารอีก ตระกูลหยุนยังรอการกลับมาของพวกเจ้าอยู่”

จูเย่นมองนางด้วยสายตาเย็นชา “คนของตระกูลหยุน หนี้เลือดต้องชำระด้วยเลือด! นี่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าติดค้างพวกเราอยู่แล้ว!”

“ตระกูลหยุนไม่เคยติดค้างพวกเจ้า เจ้าน่าจะรู้ว่าเมื่อสี่ปีก่อนเจ้าได้สังหารลูกหลานของตระกูลหยุน แต่ละคนยังมีความรู้ด้านยาที่ศึกษาวิจัยมาเนิ่นนาน แต่พวกเจ้าในฐานะสาขาตระกูลหยุนกลับลืมหมดสิ้นว่ารากเหง้าคือการรักษา แต่กลับฆ่าคนโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร” กู้อ้าวเวยยึดปลายคางมนของเขา “หากกล่าวว่าตระกูลหยุนติดค้างเจ้า ร้อยปีที่ผ่านมาพวกเจ้าได้ฆ่าคนของตระกูลหยุนไปมากน้อยเท่าไหร่กันเล่า? ต่างก็ชดใช้กันด้วยชีวิตไปแล้ว วันนี้ตระกูลหยุนข้าถอยให้ เจ้ากลับไม่ถอย เจ้าจะเอาศักดิ์ศรีที่ไหนไปดูแลโหวเซ่อ!”

เมื่อถูกคว้าจนหายใจไม่ออกจูเย่นจึงส่งเสียงสำลักออกมา ทว่าดวงตาคู่นั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมแพ้พ่าย

กู้อ้าวเวยเห็นเขาดื้อดึงเช่นนี้จึงกระชากเสื้อตนออก แล้วเผยตัวอักษรหยุนอันบิดเบี้ยวต่อหน้าเขา บาดแผลบนร่างก่อนหน้าได้ตกสะเก็ดแล้ว ซ่านจินจื๋อคิดอยากจะดึงเสื้อนางกลับเข้าที่ ส่วนเฉิงซานได้แต่ให้ทุกคนกลับหลังหัน

“บรรพบุรุษของโหวเซ่อ น่าจะเคยบอกเจ้าว่าเหตุใดลูกหลานตระกูลหยุนจึงมีตราประทับนี้อยู่บนร่างมาตลอดใช่มั้ย?”

กู้อ้าวเวยกลับจูงซ่านจินจื๋อเดินออกไป ก้าวย่างแช่มช้อย

จนกระทั่งถึงรถม้า กู้อ้าวเวยจึงได้ระงับรอยยิ้มทั้งหมดใบหน้าแล้วมองผ้าโปร่งบางที่พันฝ่ามือของตน เปลี่ยนผ้าโปร่งที่เพิ่งจะพันใหม่แล้วใส่ยาอย่างระมัดระวัง เมื่อแล้วเสร็จจึงห่อตัวหลับตาลงอยู่ในมุมรถม้า

“หากข้าไม่อยู่ เจ้ายังจะทำเช่นนี้ไหม?”

“ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนหลุดพ้น หากตระกูลจูตายหมดก็นับเป็นความผิดพลาดต่อหน้าที่ของตระกูลหยุน” ริมฝีปากกู้อ้าวเวยซีดขาว “พวกเราไปที่หน้าผาไป๋เฉ่ากันเถิดเพคะ แค่เดินทางไปเวลาก็ไม่ค่อยพออยู่แล้ว หลายวันที่ยังเหลืออยู่นี้หม่อมฉันจะทำยาดองสมุนไพรให้ดื่มง่ายๆ”

“เจ้าก็น่าระรู้ว่าตัวเจ้าไม่ใช่พวกกระดูกเสริมใยเหล็ก” ซ่านจินจื๋อกุมฝ่ามือของนางไว้ จนรู้สึกว่ายามนี้นางผอมจนหนังแทบจะหุ้มกระดูก

กู้อ้าวเวยเปิดเปลือกตาขึ้นเนื่องจากการกระทำของเขาพลางย่นคิ้วเบาๆ “มีหลายสิ่งมากเกินกว่าจะล่าช้า”

“ยังมีเวลาอีกมาก”

“ไม่มากหรอก มีเพียงการรักษาโรคของซูพ่านเอ๋อให้หายขาด หม่อมฉันถึงจะได้จดจ่อกับการตัดสินบุญคุณความแค้นระหว่างตระกูลจูและตระกูลหยุน ไหนจะต้องเสนอนโยบายแก่สำนักเหยียนหยู่เก๋อ นายท่านเห้อที่อายุมากแล้วก็กำลังเฟ้นหาศิษย์ที่เก่งกาจ วันพรุ่งฤดูใบไม้ผลิก็มาจะมาถึงแล้ว หม่อมฉันต้องไปช่วยด้วย” กู้อ้าวเวยชักมือกลับมานวดขมับที่เกิดอาการปวดศีรษะ

นางต้องกลายเป็นผู้รับผิดชอบตระกูลหยุน ต้องหาเงินทองให้สำนักเหยียนหยู่เก๋อ แล้วยังต้องเป็นหมอรักษาโรคช่วยเหลือประชาชนอีก ยอดมนุษย์จริงๆ

“ท่านคิดครองบัลลังก์ก็เพื่อซูพ่านเอ๋อซึ่งนางช่วยท่านไม่ได้ ผู้ใต้บัญชาของท่านก็ไม่เชี่ยวชาญในการถ่วงเวลา ดังนั้นแค่หม่อมฉันกับผู้บัญชาการเซียวก็พอแล้ว” กู้อ้าวเวยหดตัวที่มุมรถแล้วหลับตานอนลงอีกครั้ง

สายตาที่ซ่านจินจื๋อใช้มองนางซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์