บทที่187 ขอความเมตตาต่อท่าน
ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น ตรงหน้ายังคงมืดสนิท
ในลำคอเหมือนมีไฟลูกใหญ่กำลังเผาไหม้ ในหัวของกู้อ้าวเวยเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย แต่ก็ยังจำดาบที่แทงเข้ามาตรงหัวไหล่ได้ ฝันร้ายเป็นจริง และกลายเป็นฉากสุดท้ายที่นางมองเห็นได้ด้วยตาทั้งสองข้าง
ข้างเตียงไร้ผู้คน มีเพียงเสียงนกร้องจิ๊บๆเข้ามาในหู
นางยื่นมือที่สั่นเทาออกไป คลำหาสาบเสื้อแล้วเปิดออก รอยแผลจากปลายมีดเหนือหัวใจ ตอนนี้กลายเป็นแผลที่คดเคี้ยว เจ็บปวดทรมาน
“ผู้คนต่างพูดกันว่ามีดนั้นกว้าง ข้าไม่เคยเชื่อ ตอนนี้เชื่อแล้ว……”
นางหัวเราะด้วยความขมขื่นและไอออกมาเป็นเลือด ความลึกของมีดนั้นห่างจากหัวใจไม่เกินครึ่งนิ้ว ถ้าหากว่าต่ำลงมาอีกเพียงเล็กน้อย ชีวิตของนางก็คงจะตามหยุนชิงหยางไปแล้ว เพียงแค่ความเจ็บปวดช่วงหน้าอกและช่วงท้อง ลำคอแห้งผาก นางก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะให้ความสนใจหาเหตุผล
เพียงแค่คลำหาขอบเตียงที่คุ้นเคยแล้วก้าวลงจากเตียงด้วยเท้าเปล่า ตรงหน้ามืดมนมองไม่เห็น ความกลัวเหมือนดั่งเงาที่คอยติดตามตัว
นางกุมเข้าที่อก อาเจียนออกมาเป็นเลือด เดินโซเซจนมาถึงโต๊ะที่นางมักจะใช้ทำยาสมุนไพร ลื้อค้นจนเกือบจะพลิกคว่ำกล่องยาจึงหยิบยาเสวี่ยเจี๋ย(ต้นเลือดมังกร)ครีมห้ามเลือดออกมา และหยิบเอายาสมุนไพรอีกเล็กน้อยใส่ในปากตน ตรวจชีพจรให้ตนเอง หัวเราะเยาะออกมา ขยับสาบเสื้อออก ฉีกผ้าผืนบางที่พันรอบบาดแผลทั้งหนาทั้งหนักนั้นออกไป ป้ายยาสมุนไพรบนแผล
”พาต้า———“
น้ำตาหยดลงบนหลังมือ นางเองก็นิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง สมุนไพรที่อยู่ในปากมีรสขมมาก แต่ขมไม่เท่าหนึ่งในร้อยพันความทุกข์ในใจ น้ำตาเสียไปไม่น้อย นางสะอื้นและคว้าผ้าผืนบางที่อยู่ใกล้ๆเพื่อห่อตัวเองอีกครั้ง
ไร้คนช่วยเหลือนาง
ข้าตัวคนเดียวเสมอมา ไร้เงาเคียงข้าง
เดินโซเซไม่กี่ก้าวก็สะดุดล้มนั่งลงข้างมุมโต๊ะ สมุนไพรที่นางอมอยู่ในปากถูกคายอยู่บนพื้น นางยกมือไม่ไหว
ท่ามกลางความมืดสลัว ได้ยินเพียงเสียงของซ่านเซียนหยวนดังมาจากนอกประตู: “เสด็จอา ในเมื่อท่านใจเย็นลงแล้ว เหตุใดตอนนี้ยังมาที่วิหารเฟิ่งหมิงแห่งนี้! ท่านต้องการฆ่านางให้ตายใช่ไหม?”
ผ่านไปสักครู่ เสียงประตูดังปังถูกผลักออก
ซ่านจินจื๋อสวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว เห็นเพียงรอยเลือดเปื้อนกระจายเต็มข้างเตียง หยดไปตามพื้นจนถึงโต๊ะยา
ซ่านเซียนหยวนที่อยู่ด้านหลังก็ตกใจผงะกับความเลอะเทอะในห้อง หันหัวไปมองก็เห็นซ่านจินจื๋อยืนพิงอยู่มุมโต๊ะ มองมาทางพวกเขาเหมือนจะยิ้มไม่ยิ้ม ดวงตาไร้ความรู้สึก มุมปากข้อต่อนิ้วหรือแม้แต่ปลายแขนเสื้อล้วนย้อมด้วยเลือด
”ทั้งที่รู้ว่าบาดแผลของเจ้าสาหัสเช่นนี้ เหตุใดถึงยังต้องลงมาจากเตียง!”
ซ่านเซียนหยวนยังไม่ทันขยับเข้าไป ซ่านจินจื๋อก็เดินอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เพียงยกนางขึ้นจากพื้น: “เรื่องพ่านเอ๋อ……”
”เหอะ……” กู้อ้าวเวยหัวเราะเสียงเบา คิดเพียงแค่ว่าบาดแผลคงปริออกอีกครั้ง กลับหัวเราะอยู่ในปาก แล้วถึงได้พูดขึ้น: “ฆ่านาง จำเป็นต้องใช้อะไรเช่นนี้หรือ?”
ฉับพลันก็ถูกโยนลงบนพื้น กู้อ้าวเวยรู้สึกว่าอวัยวะภายในเคลื่อนย้ายไปจากที่เดิม
ซ่านเซียนหยวนรีบคุกเข่าลงบนพื้น ค่อยๆพยุงนางขึ้นมาเล็กน้อย น้ำตาเต็มใบหน้ากู้อ้าวเวย ปลายนิ้วที่อ่อนแรงเกี่ยวแน่นที่ข้อมือของซ่านเซียนหยวน เค้นคำพูดออกมาจากซอกฟันไม่กี่คำ: “มีคนวางยาพิษข้า ช่วยข้าหยิบยาสมุนไพรมา”
”เป็นไปได้อย่างไร!” ซ่านเซียนหยวนตกใจผงะ ฉับพลันกู้อ้าวเวยก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและอาเจียนเลือดออกมา นางไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อยนานแล้ว เพียงกุมเขาไว้ด้วยลมหายใจที่อ่อนแรงดังเส้นใยเบาบาง พูดชื่อตัวยาทีละชื่อๆ
รูม่านตาของซ่านจินจื๋อค่อยๆหดตัวลง
ไม่ว่าทะเลจะกลายเป็นที่นา(จะเกิดอะไรขึ้น) บุญคุณของซ่านหลิงเอ๋อร์ต่อซ่านเซียนหยวนนั้นยิ่งใหญ่ เมื่อครั้งอยู่ในวังหลวง ซ่านเซียนหยวนร่างกายอ่อนแอขี้โรคเกือบถูกลอบสังหารหลายครั้ง ทุกครั้งกลับเป็นองค์หญิงตาบอดคนนี้ปกป้องเขาจากอันตราย
แต่ตอนนี้ ซ่านหลิงเอ๋อร์เสียชีวิตแล้ว เขากลับต้องการมอบความรักนี้ให้กับกู้อ้าวเวย
”มีครั้งข้าก็สงสัยว่านางเป็นจิ้งจอกจริงๆแล้ว”
”คงเป็นเพราะว่านางเป็นคนใจดีโดยนิสัย คนรอบข้างที่คบหาก็ล้วนเป็นคนใจดี” ดวงตาสดใสของซ่านเซียนหยวนจ้องมองที่ซ่านจินจื๋อ เพียงเพื่อให้ได้รับคำมั่นสัญญา
”ข้ารับปากเจ้า ไม่ว่าเวลาอะไร เปิ่นหวังจะปกป้องทั้งชีวิตของนาง”
”หยวนเอ๋อขอบคุณเสด็จอา” ในที่สุดซ่านเซียนหยวนก็ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
หัวใจซ่านจินจื๋อกระตุกเจ็บ แต่ก็ยังจากไปจากวิหารเฟิ่งหมิงแห่งนี้ และก็ไม่ได้ไปยังภายในห้องของซูพ่านเอ๋อ นั่งเพียงลำพังในห้องหนังสือ รอจนกระทั่งเฉิงซานเข้ามารายงาน บอกว่านายท่านเห้อกำลังรีบเดินทางมาพร้อมยาสมุนไพร แต่เขามองไปยังเฉิงซานด้วยสายตาเย็น: “เรื่องที่พระชายาถูกวางยาพิษ ส่งคนไปตรวจสอบ”
“ส่งคนไปแล้ว พิษในร่างกายของแม่นางพ่านเอ๋อยากที่แก้ไข เกรงว่าจะไม่มีวิธีฟื้นฟู……”
”ถ้าหากว่ามีสูตรยาของตระกูลหยุน ทั้งหมดไร้ความกังวล” นัยน์ตาของซ่านจินจื๋อเย็นเยียบ เฉิงซานที่อยู่ข้างๆสีหน้ามืดครึ้มพลันเข้าใจความหมาย น่าเสียดายที่ยังไม่ทันจากไป ซ่านจินจื๋อก็พูดออกมาอีกครั้ง: “ตระกูลหยุนมีเด็กคนหนึ่ง นามว่าชิงจือ เป็นลูกบุญธรรมของพระชายา ไม่สามารถแตะต้อง”
เฉิงซานจึงพยักหน้า ส่งคนไปจัดการเรื่องนี้
กุ่ยเม่ยซ่อนตัวอยู่ในความมืด เพียงแค่เก็บทุกๆอย่างไว้นัยน์ตา และเป็นครั้งแรกที่มองทะลุใบหน้าที่แท้จริงของอ๋องจิ้ง
อ๋องจิ้งฆ่าคนได้อย่างเด็ดขาด นอกจากซูพ่านเอ๋อแล้ว ก็ไร้ความเมตตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...