บทที่ 431 แผนการพลิกแพลง
“หยินเชี่ยวและฉีหลินได้เข้าได้เข้าสู่ตัวเมืองแล้ว” กุ่ยเม่ยรีบมารายงาน
กู้อ้าวเวยยังอยู่ในชุดชั้นในเพิ่งจะปีนลุกขึ้นจากเตียงนอน ผมยุ่งเหยิง สายตาคู่นั้นยังดูงัวเงียสับสน เสียงยังคงแหบแห้งจากลมที่หนาวเย็น “เวลากำลังดี พวกเรารอฟังข่าวต่อแล้วกัน”
พูดจบ นางก็ค่อยๆเอนกายอย่างขี้เกียจลงบนเตียง และหาวฟอดหนึ่ง “ช่วยเอาชุดสีดำชุดนั้นมาให้ข้าหน่อย ข้าจะไปแถวใกล้ๆตำหนักอ๋องจิ้งสักหน่อย”
“วันนี้ อ๋องจิ้งนั่นจะต้องร่วงจากตำแหน่งแน่นอน เจ้าจะไปทำอะไรอีก”
“ก็เป็นเพราะเขาจะต้องตกจากตำแหน่ง ข้าจึงอยากจะไปสืบข่าวดูให้แน่ชัด” กู้อ้าวเวยขยี้ตา กุ่ยเม่ยพลิกกล่องที่ชั้นวางแล้วหยิบชุดสีดำชุดหนึ่งมาให้นาง ด้านในนั้นยังมีผ้าหนาๆอีกชั้นหนึ่ง “จะเอาตำราพิชัยสงครามไปทำอะไร”
“ซ่านจินจื๋อพ่ายเเพ้จนต้องถอยหนีเร็วไปหน่อย เมิ่งซู่มารายงานให้ฟังเมื่อวานนี้ เขาถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปช่วยตรวจสอบที่ต้าหลี่ซื่อ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราว นอกจากอาการตกใจที่แสดงออกของเสนาบดีพวกนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรจริงจังเลยแม้แต่น้อย น่าแปลกมาก” กู้อ้าวเวยผูกผมยกสูง ให้กุ่ยเม่ยนำสิ่งเหล่านั้นสวมไว้บนตัวนาง
“อย่างนั้นข้าพาหยินเชี่ยวกับฉีหลินไปพบองค์ชายสาม อีกสักครึ่งชั่วยามน่าจะออกว่าราชการแล้ว” กุ่ยเม่ยได้เตรียมมีดของนางแล้วช่วยนางห่อไว้อย่างดี แล้วจึงออกไป
หลังจากรออยู่ครึ่งชั่วยาม ก็เป็นที่โด่งดังไปบนศาลเรียบร้อยแล้ว
หยินเชี่ยวและฉีหลินนำหลีกฐานที่ซูพ่านเอ๋อช่วยคนฟอกเงินมา ยังมีพยานที่ถูกตีจนเกือบตาย แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่หยินเชี่ยวและฉีหลินไม่ได้ขึ้นไปบนศาล ได้แต่เพียงคอยฟังข่าวอยู่นอกประตู
“มีเรื่องแบบนี้ด้วย!” ต้วนโฉงโกรธมาก มองดูซ่านจินจื๋อที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่าไม่อาจจะเชื่อ สายตาเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ
“ไม่เพียงเท่านี้ อ๋องจิ้งยังรวมตัวก่อตั้งพรรคส่วนตัวเพื่อธุรกิจส่วนตัว ซื้อขายตำแหน่งขุนนาง” เมิ่งซู่เดินไปยังเบื้องหน้าขององค์ชายสาม มอบสำเนาสองชุดให้กับกงกง แล้วพูดต่อว่า “คลังไป๋หยูนสิบสองส่วน ฟอกเงินไปสิบส่วนคิดเป็นสองหมื่นตำลึง ล้วนกระทำโดยเสนาบดีที่สนับสนุนอ๋องจิ้ง”
ซ่านจินจื๋อมองดูเมิ่งซู่และองค์ชายสามอย่างเฉยเมย และดูเหมือนจะไม่สนใจกับสิ่งเหล่านี้
ต้วนโฉงมองดูหลักฐานที่อยู่ในมือ ยิ่งรู้สึกโมโหอยู่ในใจ “หลักฐานชัดเจน อ๋องจิ้งเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”
“ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะพูด แต่เรื่องการฟอกเงิน ที่ข้าน้อยทำไปตอนนั้นก็เป็นเพราะอยู่ในช่วยภัยพิบัติจากอุทกภัย บรรดาเงินที่นำมาฟอกก็ล้วนแต่เป็นเงินจากพวกข้าราชการขุนนางทุจริตในแต่ละพื้นที่ เงินเหล่านี้มาจากราษฎร และควรถูกใช้เพื่อราษฎร” ซ่านจินจื๋อส่งมอบสมุดบันทึกเล่มหนาให้กับกงกง หันกลับไปพูดอย่างหนักแน่น “เรื่องอื่นนอกจากนี้ เรื่องการฟอกเงินของคลังไป๋หยูนข้าน้อยไม่ทราบ รู้แต่เพียงว่ากองทหารเจียงเย่นคอยจ้องเล่นงานอยู่หลายปี”
คำพูดทั้งหมดในช่วงต้นเป็นการแก้ต่างให้ตนเอง แต่เหล่าคำพูดหลังสุดนั้น ก็เพื่อจะกล่าวเตือนฮ่องเต้
ต้วนโฉงทำสีหน้าเคร่งเครียด เมิ่งซู่ถอนหายใจอยู่ภายในใจ ส่วนองค์ชายสามยังรู้สึกไม่สบายใจ
ตอนนี้บนศาลยังมีบรรดาขุนพลอยู่ไม่มาก และตอนนี้สถานการณ์ของแคว้นเจียงเยี่ยนและแคว้นเอ่อตานเป็นไปอย่างดีมาก แต่จะไม่ระวังป้องกันไม่ได้ แต่หากลดฐานะของซานจินจื๋อลงไปเป็นราษฎรจริง ๆ อนาคตหลังจากนี้ก็คงจะยิ่งยากลำบาก
นอกจากนี้ เขาได้รับคำชมเชยมากมายจากการสู้รบ หากเขาได้รับการจัดการในตอนนี้จริง ๆ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบกับความไม่พอใจของผู้คน
ฮ่องเต้ทำอะไรไม่ถูก ก็ได้แต่คัดลอกสำเนาทรัพย์สินของเขาทั้งหมด และยังต้องลดอำนาจทางกำลังทหารของเขาลง และให้กักขังเป็นเวลาสามเดือน แต่ตัดเสนาบดีข้างกายเขาสองคนออกไปสองคน
หลังจากเลิกศาล ซ่านจินจื๋อกลับไม่พบร่องรอยของกู่เซิง จึงได้แต่กลับตำหนักไป
ชาหนึ่งถ้วย ขนมหนึ่งจาน กลับไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีขนมมากมายไว้ต้อนรับแขก กู้อ้าวเวยเพียงแต่ประหลาดใจ ได้ยินซ่านจินจื๋อพูดเบาๆ “หากเจ้าทำเพื่อล้างแค้นให้พี่สาวเจ้า ทำไมถึงไม่นำจดหมายนี้เสนอขึ้นไป
มีสติกลับมา กู้อ้าวเวยก็ยกคิ้วขึ้น และพูดเยาะเย้ย “มาคอยดูกันว่าเจ้าจะมีไมตรีจิตกับพี่สาวข้าได้มากน้อยเพียงใด”
“แต่เจ้าก็เห็นไม่ใช่หรือ” ซ่านจินจื๋อลดสายตาลงมองขนมที่อยู่ในมือนาง
กู้อ้าวเวยใจสั่นเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าขนมจานนี้จะเลียนแบบมาจากความเคยชินของนางจริงหรือ
“ในกรณีนี้ แต่เจ้ากลับไม่รู้ว่าซูพ่านเอ๋อสุดที่รักของเจ้า โยนสิ่งของต่าง ๆชิ้นเล็กน้อยของลูกพี่สาวทิ้งไปหมดแล้วสินะ” กู้อ้าวเวยดึงเชือกถักเส้นหนึ่งออกจากข้อมือของนาง โยนลงบนโต๊ะอย่างแรง “เรื่องไมตรีระหว่างเจ้ากับพี่สาวมันได้แค่นี้ แต่เพื่อความเคารพในการเคลื่อนไหวที่อันตรายของเจ้า เพื่อเห็นแก่ไม่ทำผิดต่อคู่ต่อสู้ จึงได้แวะเวียนมาทักทาย”
“ข้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าก็คงมาเพื่อจะมาซ้ำเติม” ซ่านจินจื๋อยิ้มอย่างเยือกเย็น เฉิงซานที่อยู่ข้างๆ ก็ได้แต่ทำสีหน้าเศร้าหมอง
“พวกเขาก็แค่คิดว่าตนเองทำให้เจ้าต้องผิดหวัง หากให้ข้ามอง เจ้าก็แค่ใช้มันเพื่อเป็นทางหลบหนี คลังไป๋หยูนเป็นเพียงฉากบังหน้า การกระจายอำนาจทางกำลังทหาร ก็เป็นแค่แผนการชั่วคราว” กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆ มองเห็นสีหน้าของซ่านจินจื๋อที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็ชัดเจนว่าเขาไม่ยอมรับมัน ยังคงพูดต่อไปอย่างทำอะไรไม่ถูก “ข้าจะไม่บอกใคร อย่างไรก็ตามเจ้าและข้าต่างคนต้องต่างล่าถอยออกไป โยนมันทิ้งไปบนหอคอย เพียงข้ามคืนข้าก็คงจะแยกมันออกไม่ได้”
พูดจบ นางก็หยิบขนมชิ้นหนึ่งใส่เข้าไปในปาก แล้วพูดต่อด้วยเสียงต่ำ “มันเป็นรสชาติของพี่สาวข้าจริง ๆ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ วันหน้าพบกันอีกในสนามนะ”
หยูนเฉินได้ออกไป แก้วในมือของซ่านจินจื๋อแตกออกเป็นชิ้นๆ
“กู้อ้าวเวย คนตระกูลหยุนรุ่นหลังของเจ้าล้วนมีความสามารถในการดูคนไม่ใช่หรือ” ซ่านจินจื๋อแสดงออกถึงหน้าตาอาฆาตร้าย “องค์ชายสามพบตัวช่วยที่ดีจริง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...