บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 539

บทที่ 539 ยินยอมคล้อยตาม

เด็กที่อยู่ในท้องของกู้จี้เหยาไม่ใช่ของเจ้าหรือ

คำพูดนี้แม้แต่นางที่หนังหน้าหนาเช่นนี้ก็พูดไม่ออกเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนั้นนางก็ทำไปตามน้ำด้วย จริงๆ แล้วก็รู้สึกเสียใจหลายเท่า

มีหมอกควันลอยข้ามดวงตาของซ่านจินจื๋อไป ต่อจากนั้นก็เอาจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากในลิ้นชักวางไว้บนโต๊ะ

“เรื่องนี้สามารถลดการเอาคืนได้สักกี่ปีอีก”

น้ำเสียงของชายหนุ่มเคร่งขรึม แฝงไว้ด้วยความโมโห

กู้อ้าวเวยก้มหน้ามองไปที่จดหมายนั้นเปิดออก จดหมายนั้นราวกับว่ามาเก็บมานานมากแล้ว แค่ไม่ได้นำส่งไปพร้อมกันกับรายงานที่ไปแคว้นเอ่อตาน คิดว่าสองวันนี้น่าจะรับรู้กัน

เนื้อหาในจดหมายพูดถึงเรื่องที่กู้จี้เหยาได้ทำในตอนนั้น แม้กระทั่งหาพ่อที่แท้จริงของเด็กที่ตายไปเหล่านั้นได้แล้ว

“ข้ารู้เรื่องนี้” กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมาอย่างเกร็งๆ สบตากับเขา “เจ้าดูเศร้ามากกับเรื่องนี้ นับไม่ได้เป็นปี หากเจ้าอยากได้ลูกของตัวเองจริงๆ ข้าก็......”

“ข้ามักจะทำทุกอย่างเป็นทางการเช่นนี้ ถึงเวลาคนที่เศร้าใจกลับกลายเป็นข้าอีก” ซ่านจินจื๋อกลับคิดไม่ถึงว่านางจะใช้ตัวของนางเองมาชดเชยความผิดที่ก่อขึ้นอย่างจริงใจเช่นนี้ นิ้วที่หยาบถูผ่านไปที่นิ้วของนาง ค่อยๆ วางเข้าไปในมืออย่างนุ่มนวล “สุขภาพร่างกายของเจ้ายังไม่แข็งแรง แม้ว่าอยากได้ ข้าก็ไม่ให้เจ้าตั้งครรภ์หรอก อีกทั้งข้าหวังว่าให้เจ้าถอนพิษที่หัวใจให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

“ข้าคิดว่าเจ้าอยากได้มาก” กู้อ้าวเวยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ค่อยๆ เอาจดหมายนั้นดันกลับไปอีกครั้ง “เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้า เจ้ามีอะไรที่อยากได้หรือไม่”

“ข้าอยากให้เจ้าติดตามข้าไม่ห่างไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว”

“เป็นไปไม่ได้ ข้ายังต้องพากุ่ยเม่ยออกไปดูโลกภายนอก”

“งั้นก็พาข้าไปด้วย”

“.....” กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างอึ้งๆ ไปครู่หนึ่ง “ข้ารับปากแล้วว่าจะไปเป็นเพื่อนกุ่ยเม่ยและชิงต้าย วันข้างหน้าอาจจะสามารถไม่ห่างไปไหนได้”

ซ่านจินจื๋อในตอนนั้นกลับพยักหน้ารับ อีกทั้งยังเอาหนังสือหย่าหนึ่งฉบับวางไว้บนโต๊ะ “เจ้าไปช่วยนางหาคนที่ดูแลนางได้เถอะ”

“ข้ารู้แล้ว ข้าจะไปพูดกับนางเอง” กู้อ้าวเวยเก็บหนังสือหย่านั้นลงไป

ซ่านจินจื๋อกลับรู้ดีว่ากู้อ้าวเวยไม่อยากไปเมืองเย่น แต่ตอนนี้เก็บหนังสือหย่าไปแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องไปที่เมืองเทียนเหยียนสักรอบ

กู้อ้าวเวยได้แต่รู้สึกละอายใจเล็กน้อย ก็ไม่ได้คิดถึงในส่วนนี้

มาถึงชายแดนรอซ่านจินจื๋อรวบรวมพวกทหารที่ยังมีไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้อำนาจทหารได้แตกแยกกันไปคนละทิศละทาง ยังมีเรื่องทางการอีกมากมายที่ต้องจัดการให้เสร็จก่อนฤดูใบไม้ผลิ

ในค่ายทหารนั้นส่วนมากก็เป็นผู้ชาย เมื่อก่อนกู้อ้าวเวยปลอมตัวเป็นชาย แน่นอนว่าไม่ต้องหลบหลีก ตอนนี้ได้แต่สามารถอยู่ในที่พักที่จัดเตรียมไว้ให้ในเมือง ในวันปกติก็ช่วงตรวจไข้ แต่เวลาส่วนใหญ่ นางล้วนไปมาอยู่ที่โรงเรียนที่ทางตะวันตกเมือง

พวกทาสรับใช้เมื่อก่อนนั้นก็ถูกจัดแจงให้อยู่ ณ ที่ตรงนี้ในตอนนี้ ในนั้นมีคนที่ต่อต้านหรือไม่ก็พวกไส้ศึกบ้างบางคน แต่ตอนนี้จัดการเรียบร้อยไปหมดแล้ว ซ่านจินจื๋อยังส่งเฉิงซานให้ตามติดไปด้วยตนเอง

ตอนนี้สู้หยางกลายเป็นขวัญใจราชาของเด็กๆ ทุกวันก็จะพาพวกเด็กกระโดดขึ้นลงไปมา ชิงจือก็เปิดเผยมากขึ้น ทุกวันก่อเรื่องวุ่นวายกับพวกพี่ชายพี่สาวกลุ่มใหญ่ด้วยกัน ในนั้นมีบางคนก็คิดถึงพ่อแม่ ก็เพราะว่าไฟของสงครามจึงต้องพำนักอยู่ชั่วคราว

วันนี้ กู้อ้าวเวยตั้งใจซื้อผลไม้เชื่อมส่งมาโดยเฉพาะ ก็เห็นท่านน้าคนหนึ่งกำลังโอบสาวน้อยที่ร้องไห้ไม่หยุดอยู่

ท่านน้าที่อยู่ด้านหลังฟังอย่างตั้งใจ ก็เดินขึ้นมา “สาวน้อยคนนี้มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ท่านเห็นว่ามีวิธีการที่จะ......”

“ทุกวันข้ามาอยู่ที่นี่ระยะเวลาหนึ่ง แม้ว่าออกไปข้างนอกจะทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็ต้องให้พวกเขาอยู่ที่นี่อย่างสบายใจ ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางก็ถูกบีบจนไม่มีทางไป หากจะโทษจริงๆ ก็ควรจะโทษคนของแคว้นเจียงเยี่ยนที่ไล่ตามฆ่าอย่างไม่สิ้นสุด” กู้อ้าวเวยได้เพียงยิ้มอย่างเรียบเฉย

ตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ทุกวันนางล้วนอยู่ที่ห้องเรียนของโรงเรียนทั้งวัน

อาจารย์ที่คร่ำครึในโรงเรียนกลับทนฟังไม่ได้ ได้แต่รู้สึกว่านางก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น จึงเร่งรีบมาหาซ่านจินจื๋อที่ค่ายทหารเพื่อปรึกษา

ซ่านจินจื๋อกำลังสอนวิชาหมัดอยู่ในสนามฝึกซ้อม ได้ยินเรื่องนี้จึงวางธุระในมือทิ้ง สั่งการรองนายพลที่อยู่ข้างกาย “ฝึกซ้อมให้ดีๆ อีกประเดี๋ยวข้าจะกลับมา”

หลังจากได้ยินพวกอาจารย์หลายคนพูดกันออกมามากมาย สีหน้าของซ่านจินจื๋อไม่ได้เปลี่ยนไป ส่งคนไปรับกู้อ้าวเวยมา พูดคุยที่ด้านข้างค่ายทหาร

กู้อ้าวเวยเพิ่งลงถึงพื้น ก็เห็นสีหน้าค่อนข้างลำพองใจของอาจารย์เหล่านั้น ในใจก็ไม่ได้โกรธอันใด ผู้ชายพวกนี้ตัวเองสามารถมีเมียได้หลายคน แต่ยอมรับให้ผู้หญิงแต่งชายสองคนไม่ได้ ช่างน่าอัปยศยิ่งนัก

“ทำไม เจ้าไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดของข้าหรือ” กู้อ้าวเวยเว้นระยะห่างจากซ่านจินจื๋อเล็กน้อย ในดวงตาเต็มไปด้วยการดูถูก

ทหารไม่น้อนต่างพากันมาดู เห็นระหว่างท่านอ๋องผู้นี้กับองค์หญิงแคว้นเอ่อตานเกิดเรื่องนินทาอะไรกันแน่

“แน่นอนว่าข้าเองเห็นด้วย งั้นจะไม่เชิญเจ้ามาในค่ายทหารโดยเฉพาะหรือ ถือโอกาสสั่งสอนพวกคนแก่คร่ำครึพวกนี้ด้วย” ซ่านจินจื๋อเช็ดมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อแล้วเดินเข้าไป โอบคนเข้าไว้ในอ้อมอก “อาจารย์พวกนี้ที่จริงแล้วคร่ำครึนัก โดยปกติแล้วพวกเขาเดินเข้าออกโรงเตี๊ยมหอนางโลมกันเป็นว่าเล่น บัดนี้ยังจะมากล่าวโทษผู้หญิงที่ถูกผู้ชายพวกนี้ทำร้านอีก ช่างเป็นพวกเศษขยะจริงๆ”

อาจารย์หลายคนสีหน้าซีดลง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์