บทที่ 562 เข้าสู่ความวุ่นวาย
หยุนหว่านถูกจัดการไว้ตรงกลางของด่านเจิ้งสุ่ย รอถึงพรุ่งนี้เช้า ก็จะมีคนมาปกป้องเขาส่งไปยังตำบลเหยสุ่ย
กุ่ยเม่ยกว่าจะกลับก็กลางดึก
ตอนที่กลับมา เขาก็เห็นซ่านจินจื๋อเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยนั่งล้างมืออยู่ บนหัวไหล่และข้อมือมีรอยถูกกัด แล้วก็รอยมือบนใบหน้า
พวกทหารก็ยืนด้านนอกไม่กล้าเข้าใกล้ แม้กุ่ยเม่ยเองก็ยังไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้
“เมื่อครู่ร้องไห้ไปพักหนึ่ง ข้ากอดนางจนหลับไป” ซ่านจินจื๋อรีบพูดออกมา แล้วก็ล้างมือ แล้วให้หมอมาจัดการกับแผลนาง
ข้างหูก็ยังมีเสียงวิ๊งๆอยู่
กุ่ยเม่ยนั่งขัดสมาธิข้างๆเตาไฟ แล้วมองเขา “เมื่อก่อนตอนนางฝันร้ายก็มักจะร้องไห้ แต่นางไม่ชอบให้ใครเห็น ถ้าข้าอยู่ด้วย นางก็จะหาข้ออ้างไปนั่งที่อื่น แล้วนางก็ชอบกดดันตนเอง ยอมให้เสียสละตนเอง เพื่อไม่ให้เสียแผนใหญ่”
พูดๆไปสักพัก เขาก็ตั้งใจฟัง
เขารู้ดี ว่ากุ่ยเม่ยไม่พอใจในตัวเขาหลายจุด วันนี้ได้คุยกันเยอะ แสดงว่าเขาวางใจมากขึ้น
เคยเป็นนายบ่าวกัน ครั้งนี้ซ่านจินจื๋อมองเขาเป็นน้องชาย
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ากุ่ยเม่ยจะเป็นคนละเอียด จำอะไรได้มากมาย บางทีเห็นกุ่ยเม่ยเป็นคนไม่เอาไหน แต่บางทีก็จริงจังขึ้นมา แต่ปฏิบัติกับเพื่อนและคนที่เคารพกลับชิลๆ ไม่หวังอะไรมาก
คุยกันจนดึก ก็มีเสียงดังขึ้นในกระโจม ซ่านจินจื๋อรับลุกขึ้น “เดี๋ยวข้าไปดูเอง”
“ได้” กุ่ยเม่ยพยักหน้า แล้วก็นั่งข้างเตาไฟต่อ ตอนนี้พวกทหารถึงได้กล้าเข้ามา แล้วก็ถามความสัมพันธ์ขององค์หญิงกับอ๋องจิ้ง แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้กุ่ยเม่ยฟัง
ตอนที่ซ่านจินจื๋อเปิดม่านเข้าไป กู้อ้าวเวยลุกขึ้นนั่งแล้ว ผมถูกสยายออก บนใบหน้ายังมีเหงื่อเล็กน้อย ดวงตาที่ร้องไห้ยังคงบวมตุ่ย แล้วก็หันหลังมามามองซ่านจินจื๋อ
ทั้งสองจ้องตากัน ซ่านจินจื๋อก็เลยเดินเข้าไป แล้วเข้าไปนั่งข้างๆลูบหัวนาง “ดีขึ้นหรือยัง? ข้าให้คนไปเตรียมอาหารให้แล้ว อยากจะกินจืดๆหน่อยหรือมีเนื้อสัตว์หน่อย? ”
กู้อ้าวเวยมองเขาอยู่นิ่งๆสักพัก แล้วก็ยื่นมากอดเขาไว้ จมูกของนางมาซุกที่ซอกคอของเขา ไม่ร้องไห้และไม่พูดอะไร แต่คิดว่าเมื่อครู่ตนเองเสียสติแล้วทำเรื่องอะไรที่น่าเกลียดออกไป ท่าทางเหมือนจะขอโทษ
ซ่านจินจื๋อก็ขยับเข้ามาใกล้ แล้วก็กอดหลังของนาง ตบหลังเบาๆ “ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าก็อ้อนคนเป็นเหมือนกัน”
“เจ้าไม่ชอบหรือ?” กู้อ้าวเวยตัวแข็ง แล้วก็ถูกเขากอดแน่นขึ้น “ชอบสิ ถ้าเจ้ามาอ้อนข้าตลอดมันจะดีมากเลย”
นึกว่ากู้อ้าวเวยจะว่าเขาคิดเกินเลย แต่นางก็ยังวางใจไปมาก แล้วพูดว่า “ตอนนั้นข้าน่าจะใจเย็นๆ แต่ข้าก็กลัว”
“ข้าทำดีมากแล้ว ในแผนการทหาร ทำให้จุดประสงค์ของศัตรูเปลี่ยนไป เอาการเสียสละที่น้อยที่สุดไปหลอกศัตรู” ซ่านจินจื๋อพูดเบาๆ แล้วก็เอานางมากอดไว้บนขา แล้วเห็นนางน้ำตาเริ่มคลอเบ้า แล้วก็เจ็บในใจ แต่ตอนนี้ก็ต้องใจแข็งไว้ “ แต่เจ้าไม่คิดถึงตัวเองเลย”
กู้อ้าวเวยคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้
เช่นเดียวกัน กุ่ยเม่ยและซ่านจินจื๋อก็ไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ เพียงแต่องค์ชายสามก็ได้ข่าวมาบ้าง ไม่เพียงให้คนของอ๋องจิ้งไปทำตามคำสั่ง แล้วก็ยังใหคนของตนเองไปช่วยอีกแรง
แคว้นเจียงเยี่ยนที่กำลังวุ่นวาย การจะยึดเอาเมืองมามันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
หัวของอ้ายซู่จือถูกแขวนหน้าประตูเมือง แคว้นชางหลานยังไม่ได้ส่งคณะราชทูตไป มีเพียงลูกธนูยักษ์ที่ยิงใส่ประตูเมือง ท้าทายอำนาจมาก
กู้อ้าวเวยพักอยู่ในป่ากว่า2เดือน วันที่สองตื่นมาตอนเช้า รู้สึกว่าสมองปลอดโปร่งมากขึ้น แต่ก็ยังหวงตัวไม่ให้ซ่านจินจื๋อเข้าใกล้
วันนี้กุ่ยเม่ยเอาขนมมาให้นาง ก็เห็นซ่านจินจื๋อกำลังสั่งงานลูกน้อง ทหารทุกคนตกใจเงียบกริบ มีเพียงกู้อ้าวเวยที่ถือคันเบ็ดออกมาตกปลาข้างแม่น้ำ
กุ่ยเม่ยวางของลง พอเห็นปลาไม่กินเบ็ด “ตกมาตั้งหลายวัน ไม่เคยกินเบ็ดสักตัว”
กู้อ้าวเวยโยนเบ็ดทิ้งออกไปบนฝั่ง ในเบ็ดไม่มีแม้แต่เหยื่อ
นางกระทืบเท้า “เขาคงอยากจะให้เบื่อตายอยู่ที่นี่ ทหารพวกนั้นก็มองข้าเป็นหญิงที่อ่อนแอ แม้แต่ยาที่ส่งมาก็เกือบจะเย็นแล้ว แล้วยังมาแขวนชิงช้าอะไรไว้อีก ข้าต้องการข่าวการทหารมากกว่า !”
กุ่ยเม่ยหัวเราะ ได้ยินเสียงฝีเท้ามาด้านหลังก็พูดว่า “เขาทำไปก็เพื่อเจ้าทั้งนั้นแหละ”
“ข้าไม่สน ข้าจะไปหาแม่ข้า ให้เขาเบื่อตายอยู่ที่นี่เสีย ” กู้อ้าวเวยก็เอาเบ็ดโยนไว้ข้างๆ แล้วก็นั่งอารมณ์เสียบนเก้าอี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...