บทที่ 183 ราวกับดูคนไร้สติ
อุณหภูมิร่างกายเย็นเยียบ เมื่อวินาทีที่ฝ่ามืออันอ่อนนุ่มกดประทับเข้ามานั้น สายตาโม่อู๋เยว่ หรี่ลง เขามองลึกไปยังจูนจิ่ว แย้มยิ้มอย่างเหี้ยมโหด “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีอะไรหรือ?”
“ข้ามีเรื่องอยากถามนาง เมื่อถามแล้วท่านค่อยฆ่านาง” น้ำเสียงเย็นเยียบดุดัน ไม่ใยดีความเป็นความตายในสายตา
โม่อู๋เยว่ ได้ยินดังนั้น ขมวดคิ้วพลันปล่อยมือลง ถูหยุนพลันร่วงหล่นลงมา เสียงตกดังน่าเจ็บปวด นางพลิกตัวกลับขึ้น สายตาเบิกจดจ้องไปยังโม่อู๋เยว่ ชายคนนี้แข็งแกร่งนัก!เขาเป็นใครกัน?
ในขณะเวลาที่โม่อู๋เยว่ ปรากฏตัวขึ้น ถูหยุนก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองฆ่าจูนจิ่วไม่ได้แน่ แต่นางไม่อาจจะเชื่อ ประเทศเทียนโจ้งเล็กๆ แห่งนี้จะมียอดฝีมืออย่างนี้ปรากฏตัวขึ้น!เมื่อท่านแม่ทัพไม่อยู่แล้ว เฟิ่งเซียวนับเป็นมือหนึ่งของประเทศเทียนโจ้ง เขาต้องไม่ใช่คนประเทศเทียนโจ้งเป็นแน่!
คิดไม่ถึงว่าเขาที่จะมาฆ่าเพียงจูนจิ่ว กลับมาพบเข้ากับยอดฝีมือถึงเพียงนี้
ถูหยุนกุมลำคอตัวเองไว้ บนนั้นพบรอยช้ำโดยรอบ ยังรู้สึกถึงแรงบีบบริเวณคอเมื่อครู่ได้อยู่ รู้สึกราวกับตายแล้วฟื้นกลับมาอย่างนั้น เมื่อมองกลับไปยังจูนจิ่ว ถูหยุนปฏิเสธเข้ม “จูนจิ่ว!ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนลืมคุณคนเช่นนี้ เพียงพบกับผู้คุ้มครองคนใหม่ ก็หันกลับมาฆ่าตระกูลจูนที่เลี้ยงดูเจ้ามา โหดเหี้ยมอำมหิต!คนอย่างเจ้าไม่ได้ตายดีแน่!”
“เจ้าพูดอะไร?ตระกูลจูนเลี้ยงดูข้าหรือ?เจ้าพูดผิดไปแล้วกระมัง” จูนจิ่วหัวร่อออกมา
หากการที่ตระกูลจูนดุด่าว่ากล่าวดูถูกนับเป็นการเลี้ยงดู อย่างนั้นก็นับว่าแม้แต่คำว่า “เลี้ยงดู” สองคำนี้ก็ยังนับเป็นการดูถูกเลย เดิมทีเมื่ออยู่ตระกูลจูน มีชีวิตอยู่ก็ราวกับสุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น หากตายไป แม้ที่ฝังศพก็ไม่มี
ในตอนนี้ยังกล้าใช้เรื่องบุญคุณมาถามกับนางอีกหรือ?จูนจิ่วมองไปยังถูหยูนอย่างเย็นชา “เจ้าสะบัดหัวดูสิ เสียงน้ำเปล่าข้างในน่าจะดังทะลุออกมาเลยทีเดียว”
“เจ้า!” ถูหยูนถลึงตาด้วยความโกรธ
จูนจิ่วไม่อยากเสียเวลา นางให้โม่อู๋เยว่ปล่อยถูหยุน เพียงต้องการถามคำถามเดียว “ถูหยุน เจ้าเป็นหนึ่งในห้าผู้นำกองทัพเย่สิง ทำไมถึงเรียกจูนหยูนเสวี่ยคุณหนู?”
“เหอะ!เจ้าคิดจะอยากรู้เรื่องราวคุณหนูจากปากข้ารึ?ฝันไปเถอะ!จูนจิ่ว เจ้าอำมหิตเลือดเย็นเพียงนี้ เพียงข้าได้รู้เรื่องราว ไม่ว่าจะสรวงสวรรค์หรือพื้นพิภพจบแดนใดข้าก็จะหาตัวเจ้าให้พบ เจ้าต้องตายให้ได้!”
จูนจิ่ว “...”
ช่างราวพูดกับไก่กา สีซอให้ควายฟัง
นางปล่อยมือที่จับมือโม่อู๋เยว่ไว้ เอ่ยปากเสียงเรียบ “ลงมือเถอะ”
“ดีเลย~”
“จูนจิ่วข้าจะบอกเจ้าไว้!แม้จะตายข้าก็จะลากเจ้าไปด้วย ถึงจะไม่ผิดต่อคำสัญญาที่มีต่อคุณหนู!” ใครจะรู้ว่าถูหยุนเสียสติไปแล้ว พุ่งตรงมายังจูนจิ่วและโม่อู๋เยว่ ราวกับจะลากพวกเขาไปตายด้วยกัน
จูนจิ่วมองภาพทั้งหมดกระไร้อารมณ์ ราวกับดูคนไร้สติ
นางยังไม่รู้พละกำลังของโม่อู๋เยว่หรือกระไร?เพียงเห็นนิ้วโม่อู๋เยว่กระดิก ฉึก!เสียงดังขึ้น ลำคอของถูหยุนเอนตกไปด้านข้าง แต่ร่างยังคงพุ่งตรงมา โม่อู๋เยว่เพียงชี้มือออกไป ตุ้บ!ถูหยุนพลันระเบิดออกเต็มไปด้วยเลือดทั่วบริเวณ
จูนจิ่วปรายตามอง รังเกียจจนถอยออกมาหลายก้าว เกรงว่าเลือดจะกระเด็นโดนชายกระโปรง และยักคิ้วมองไปยังโม่อู๋เยว่ จูนจิ่วแย้มยิ้มขึ้น “ครั้งนี้นับว่ามาเร็วนัก สมควรได้รับคำชมและกำลังใจ!”
“อย่างนั้นแล้วเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะชมข้ากระไร?”
แปะแปะแปะ!จูนจิ่วปรบมือ แย้มยิ้มไปยังโม่อู๋เยว่อย่างเจ้าเล่ห์ อย่างนี้พอหรือยัง?หากไม่พอจะปรบเพิ่มอีกก็ได้
เหลิ่งยวนเห็นภาพทั้งหมดนี้ แทบเกือบจะตกลงมา แม่นางจูนจิ่วนี่ช่างเสแสร้งกับนายท่านเหลือเกิน?หากเป็นคนอื่น คงได้มีจุดจบเดียวกับถูหยุนเมื่อครู่แล้ว เพียงแค่แม่นางจูน ได้รับความรักมากกว่าใครอื่นยังไม่รู้ตัวอีก
จูนหยูนเสวี่ยก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ออกตัวกอดที่เอวของโม่อู๋เยว่ นางเอ่ยขึ้น “โม่อู๋เยว่ ไปส่งข้าที่สำนักเทียนโจ้ง ข้าจะถามเสด็จปู่ถึงเรื่องกองทัพเย่สิง”
“ได้เลย~” เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยอมอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาจะปฏิเสธได้กระไร?
ดังนั้นเมื่อเสี่ยวอู่กำลังเตรียมจะกระโดดไป เบียดตรงกลางระหว่างจูนจิ่วและโม่อู๋เยว่นั้น โม่อู๋เยว่โอบกอดจูนจิ่วหายไปไร้ร่องรอยแล้ว เสี่ยวอู่ที่โกรธจนตัวสั่นอยากจะฟาดกรงเล็บออกไป พลันหันหน้าจ้องไปยังเหลิ่งยวน “เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว!”
“เสี่ยวอู่เจ้าพูดอะไร?ให้ข้าตามไปหรือ?แต่ข้าต้องไปสืบหาต้นสายปลายทางของหญิงเฒ่าผู้นี้”
“เมี้ยว!” สายตาของเสี่ยวอู่วาววับขึ้น มันต้องไปกับเหลิ่งยวน!อย่างนั้นแล้วมันจะสืบหาต้นสายปลายเหตุได้เร็วที่สุด จากนั้นจึงบอกข่าวให้กับนายท่าน ดังนั้นเสี่ยวอู่จึงตัดสินใจ มันต้องไปพร้อมกับเหลิ่งยวน!
…
จูนหยูนเสวี่ยยังรอคอยข่าวคราวอย่างใจจดใจจ่อ
นางก้าวเดินวนไปมาในห้องนอน เพราะบาดเจ็บสาหัส จึงเดินอย่างช้าๆ จูนหยูนเสวี่ยกำมือแน่น “ทำไมยังไม่กลับมาอีก?หากไม่เป็นเพราะข้าไม่อาจออกไปตากลมได้ จะต้องตามไปแน่นอน ต้องเห็นความทรมานของจูนจิ่วและเฟิ่งเทียนฉีด้วยตาตนเองจึงจะยินดี!”
จูนหยูนเสวี่ยเชื่อมั่นเป็นอันมาก ถูหยุนเป็นถึงหนึ่งในห้าผู้นำกองทัพเย่สิง นางเป็นคนบอกเองว่าตนเป็นถึงนักจิตชั้นเจ็ด นับเป็นขั้นเดียวกับเฟิ่งเซียวเลยทีเดียว!
จูนจิ่วมีเฟิ่งเซียวแล้วเป็นกระไร?ตัวนางเองตอนนี้ก็มีพรรคพวกแล้ว และนางก็ใช้คนของบิดาแท้ๆ ของจูนจิ่วไปฆ่านาง!ฮ่า ฮ่า ฮ่า คิดได้ดังนี้ จูนหยูนเสวี่ยดีใจนัก นางแทบอดทนรอฟังข่าวการตายของจูนจิ่วแทบไม่ไหว
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้านอกประตูดังขึ้น จูนหยูนเสวี่ยถึงกับดีใจ ต้องเป็นถูหยุนกลับมาเป็นแน่!
นางรีบออกไปเปิดประตู เมื่อเงยหน้ามองใบหน้าเงียบงันของเหอซ่าน นางเอ่ยปากสอดคำ “ถูหยุนไม่กลับมาแล้วหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...