โม่โยวเอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้โม่เทียนยวี๋ตกใจจนใจจะเต้นทะลุออกมา
"เทียนยวี๋ เมื่อกี้นายบอกว่าจะช่วยฉัน ถังหว่านเอ๋อร์นี่แหละที่ขโมยงานของฉัน ตอนนี้ในโซเชียลเดือดมาก ฉันถูกเธอใส่ร้าย นายจะช่วยฉันใช่ไหม" โม่โยวมองไปที่เขา
โม่เทียนวยวี๋: "……"
ริมฝีปากเขาขยับ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรจริงๆ จะพูดว่าช่วยก็ไม่ได้ไม่ จะช่วยก็ไม่ได้
โม่โยวมองไปที่เขา การแสดงเมื่อกี้ของตัวเอง เธอเองยังรู้สึกตกใจเลย ทีแรกกะว่าจะพูดไปตรงๆ
แต่วินาทีที่นั่งลงมา เธอก็เปลี่ยนใจ อยากจะดูว่าโม่เทียนยวี๋จะจัดการเรื่องนี้ยังไง
นี่เป็นครั้งแรกในความทรงจำของเธอที่เธอลองใจคนอื่นแบบนี้ ไม่คิดเลยว่า คนแรกจะเป็นโม่เทียนยวี๋
"คือ โม่โยว เอกสารฉันดูแล้ว ฉันคาดเดาไว้ ถ้าจะแก้ไขเรื่องนี้โอกาสมีน้อย……"
โม่เทียนยวี๋ใจสั่นแล้วเอ่ย "แล้วอีกอย่าง เหมือนที่เธอพูด เรื่องนี้ถูกแชร์ออกไปแล้ว ทุกคนก็เป็นคนที่ตามกระแส ถ้าจะเปลี่ยนแปลงจากต้นเรื่อง คงเป็นไปไม่ได้"
"โม่โยว งานออกแบบแบบนี้ ถ้าพูดตามตรงก็คืองานงานหนึ่ง เธอไว้ใจเถอะ ขอแค่เธอแต่งงานกับฉัน ก็จะเป็นคุณหญิงน้อยของตระกูลโม่ อยากได้อะไรก็ต้องมีอย่างนั้น ทำไมต้องสนใจชื่อเสียงการแข่งขันอะไรพวกนี้ด้วย"
โม่โยวจ้องมองไปที่เขา ไม่คิดเลยว่าเขาจะพูดแบบนี้ โดยเฉพาะคำสุดท้าย
เธอจำได้ว่า ตอนที่ตัวเองเพิ่งเข้ามาในวงการนี้ โม่เทียนยวี๋สนับสนุนเธอมาก ตอนนั้นเป็นเพราะว่าเธอความจำเสื่อม แม้แต่ตัวเองชื่ออะไรก็ไม่รู้ อย่าพูดถึงเลยว่าเธอทำอะไรได้บ้าง
ช่วงเวลานั้น เธอวิตกกังวลทุกวัน
ตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์กับความชอบด้านการออกแบบ ความรู้สึกดีใจนั้นอธิบายไม่ถูก ตั้งแต่วินาทีนั้น อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ไร้ประโยชน์
ตระกูลโม่ช่วยตัวเองไว้ เธอก็มีความสามารถที่จะไปตอบแทนบุญคุณนั้นได้
เรื่องแบบนี้ เธอไม่เคยเอ่ยพูดกับใคร แต่ตอนนั้นเธอพูดกับโม่เมียนยวี๋เกี่ยวกับความคิดด้านการออกแบบของเธอ ตอนนั้นโม่เทียนยวี๋ตอบเธอว่ายังไง?
ใช่สิ ตอนนั้นเขาพูดอย่างอ่อนโยนกับตัวเองว่า ขอแค่ตัวเองอยากทำ ก็วางใจแล้วไปทำได้เลย เขาจะสนับสนุนความฝันของตัวเอง
แล้วตอนนี้ล่ะ?
เขากลับพูดกับตัวเองว่า ไม่ต้องสนใจเรื่องชื่อเสียง พูดกับตัวเองว่าการออกแบบก็แค่งาน แต่งงานดีกว่า แล้วเป็นคุณหญิงน้อยในตระกูลโม่ดีกว่า?
โม่โยวคิดไม่ถึงเลย ทำไมคนคนหนึ่งถึงเปลี่ยนแปลงได้มากขนาดนั้น เขายังคิดว่าตัวเองแสดงละครได้ดีมากสินะ
เธอถอนหายใจในใจ รู้สึกไม่อยากจะใส่หน้ากากแบบนี้กับเขาแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
"เทียนยวี๋ เรารู้จักกันห้าปี จะว่ายาวจะว่าสั้นก็ได้ ตอนนั้นนายช่วยฉันไว้ ฉันรู้สึกขอบคุณมาก ฉันไม่เคยคิดที่จะเกาะตระกูลโม่ เกาะนายเลย"
"ถ้านายมีคนที่ชอบ นายก็พูดกับฉันตรงๆก็ได้"
ใช่ โม่โยวไม่เข้าใจวิธีการจับปลาสองมือของโม่เทียนยวี๋ จากที่เธอดูมา โม่เทียนยวี่อยากจะชอบใคร เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งอยู่แล้ว
เธอเม้มปาก ไม่อยากจะบอกกับเขาเลยว่า ทุกคำพูดที่เขากำลังพูดกำลังโกหกเธอ แล้วยังเป็นการโกหกหน้าตาย คิดว่าตัวเองเป็นคนโง่อย่างนั้น
เพราะยังไง ข้อมูลผลงานถังหว่านเอ๋อร์ที่ได้รับรางวัลหาไม่ยาก แล้วผลงานทุกชิ้นก็เป็นงานที่เธอให้โม่เทียนยวี๋กับมือ แต่กลับกลายเป็นผลงานของถังหว่านเอ๋อร์ นี่ก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรอ?
ถึงแม้ลู่จิ้นยวนจะไม่ให้ข้อมูลอะไรพวกนั้นกับตัวเอง แต่ผ่านผลงานพวกนี้ ถึงเธอจะโง่ก็ควรจะรู้แล้ว แต่โม่เทียนยวี๋กลับยังหรอกตัวเองเหมือนตัวเองเป็นคนโง่
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะโมโหหรือเปล่า ดูเหมือนว่า ไม่มีความจำเป็นนี้แล้ว
"โม่เทียนยวี๋ ฉันรู้ว่านายรู้จักถังหว่านเอ๋อร์มาหลายปีแล้ว นายจะชอบเธอหรือเปล่าฉันไม่สนใจ แต่สิ่งที่ฉันสนใจคืองานออกแบบของฉัน เอาหยาดเหงื่อของฉันไปให้เธอเข้าร่วมแข่งขัน ยังช่วยสร้างชื่อเสียงให้เธออีก"
เธอพูดไปด้วยแล้วลุกขึ้น "ฉันอยากจะให้นายติดต่อถังหว่านเอ๋อร์ แล้วช่วยบอกเธอว่า ถ้าเธอยอมออกมาแก้ข่าวเรื่องนี้ ฉันก็จะไม่เอาเรื่องอีก"
"แต่ถ้าเธอไม่ยอม งั้นฉันก็คงจะต้องใช้วิธีของตัวเองแล้วล่ะ"
เธอพูดไปด้วย เธอก็หยิบซองเอกสารวางลงต่อหน้าเขา จากนั้นก็หยิบกระเป๋าขึ้นแล้วเดินออกไปโดยที่ไม่หันกลับมาเลย
โม่เทียนยวี๋อึ้งกับการกระทำของเธอ ก็เลยไม่ได้รั้งตัวเธอไว้ แต่กลับมองเห็นเธอเดินจากไปอย่างนั้น ผ่านไปสักครู่ ค่อยหันกลับมามองซองเอกสารตรงหน้า
ในใจเขามีลางสังหรณ์อะไรไม่ดีบางอย่าง พอหยิบของในซองเอกสารออกมา ใบหน้าก็เขียวไปทันที
โม่เทียนยวี๋จับรูปภาพในมือไว้แน่น จนมือซีดขาว ก่อนที่เขาจะเปิดดู ก็ยังเคยคิดว่าข้างในนั้นจะเป็นอะไรกันแน่ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นรูปถ่าย แล้วมาระเบิดหัวตัวเองแบบนี้
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าย่ำแย่ สายตาวอกแวก เกิดเรื่องการลอกเลียนแบบขโมยงาน แล้วคำพูดที่โม่โยวพูดกับตัวเองเมื่อกี้ บวกกับรูปภาพในมือ ทั้งหมดนี้เขาไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก