โม่เทียนยวี๋รู้สึกแปลกใจที่เธอโทรมาหา ถึงแม้สีหน้าจะไม่ดีมาก แต่น้ำเสียงก็ยังอ่อนโยนเหมือนเดิม นี่คงเป็นความเคยชินตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา
ช่วงนี้โม่เทียนยวี๋กำลังรักษาตัวอยู่ บวกกับสนใจแค่คนที่ทำร้ายเขา เพราะฉะนั้น เกี่ยวกับเรื่องดังการลอกเลียนแบบงานในโซเชียล เขายังไม่รู้
โม่โยวลงรถแล้วเดินเข้าไปในร้านกาแฟที่นัดกันไว้ ก็เห็นโม่เทียนยวี๋ที่มาถึงก่อนแล้ว ในใจเธอก็ยังโมโหเหมือนเดิม
แต่ว่า……
"เสี่ยวโยว เธอมาแล้วหรอ รีบนั่งสิ ร้านนี้เป็นร้านเปิดใหม่ ขนมก็อร่อยมากด้วย ฉันสั่งให้เธอมาบ้างแล้ว เธอลองชิมดูสิว่าชอบหรือเปล่า"
โม่เทียนยวี๋คิดว่าครั้งนี้ที่โม่โยวนัดเขาออกมาเจอกัน อาจจะเป็นเพราะเรื่องที่ตัวเองขอแต่งงานเมื่อสิบวันก่อน จะมาให้คำตอบเขา
นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เขาจะไม่อ่อนโยน ไม่ใส่ใจได้ยังไง สายตาคู่นั้นที่มองโม่โยว อ่อนโยนมากเหมือนสำลี ถ้าไม่รู้ คงจะคิดว่าเขาคงรักเธอหัวปักหัวปำ
โม่โยวมองเห็นการกระทำของเขา การกระทำที่เหมือนเดิมตลอดห้าปี ในใจก็รู้สึกฟั่นเฟือง ความโมโหในใจก็หายไปไม่น้อยแล้ว มีความไม่อยากเชื่อมาแทนที่
ถึงแม้ในใจจะคิดมากแค่ไหน แต่สิ่งที่เห็นกับตาตัวเองก็ยังทำให้เธอตกใจ
ผู้ชายคนนี้โกหกเธอมาตั้งหลายปีได้ยังไง แล้วยังเอาหยาดเหงื่อของเธอไปเอาใจผู้หญิงคนอื่นครั้งแล้วครั้งเล่า ยังทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียง ยังกล้าเผชิญหน้ากับเธอด้วยท่าทางแบบนี้อีก
เป็นเพราะแต่ก่อนตัวเองตาบอด หรือว่าโม่เทียนยวี๋แสดงได้ดีเกินไป?
ไม่ ไม่ใช่ทั้งนั้น นอกจากนั้นก็เป็นเพราะเหตุผลที่มาจากตัวเอง
เป็นเพราะว่าเธอความจำเสื่อม เป็นเพราะตระกูลโม่ช่วยเธอไว้ ได้ใช้นามสกุลของตระกูลโม่ บุญคุณแบบนี้เลยทำให้เธอปกปิดความรู้สึกในใจตัวเองไว้ ไม่กล้าแสดงออกมาเลย
โม่โยวสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามหักห้ามอารมณ์ในใจไว้ นั่งลงตรงข้ามโม่เทียนยวี๋แล้วมองไปที่เขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
"เสี่ยวโยว เป็นอะไร?"
โม่เทียนยวี๋ไม่รู้อยู่แล้วว่าเธอคิดอะไร "เป็นเพราะครั้งก่อนที่ฉันขอเธอแต่งงานเลยทำให้เธอตกใจหรอ?ขอโทษนะ ความจริงแผนนั้นฉันวางไว้นานแล้ว เพราะยังไงฉันก็ชอบเธอมาก เธอไว้ใจเถอะ ถ้าเราแต่งงานแล้วต้องเป็นคู่ที่มีความสุขแน่นอน"
เขาพูดไปด้วย พร้อมกับมองเธอด้วยสายตาหลงใหล
โม่โยว: "……"
ถ้าโม่เทียนยวี๋ไม่พูดถึง เธอก็คงลืมเรื่องการขอแต่งงานนี้ไปแล้ว
เธอไม่อยากได้ยินคำพูดที่หลอกลวงของผู้ชายคนนี้อีก ก็เลยเอ่ยตามตรง "ฉันเจอปัญหา"
โม่เทียนยวี๋อึ้งไป ไม่รู้จะแสดงปฏิกิริยาอะไร
โม่โยวมองไปที่เขาแล้วพูดช้าๆ "ฉันพูดว่า ฉันเจอปัญหา ปัญหาที่ใหญ่โตมาก"
เขาดึงสติกลับมาแล้วยิ้มอ่อน "ฉันนึกว่าเรื่องอะไรสะอีก เสี่ยวโยว เธอเป็นว่าที่เจ้าสาวของโม่เทียนยวี๋ จะเป็นคุณหญิงของตระกูลโม่ ไว้ใจเถอะ ปัญหาอะไรก็ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว"
โม่เทียนยวี๋ไม่ใส่ใจปัญหาที่เธอพูดถึงเลย เป็นเพราะเขารู้จักดีผู้หญิงคนนี้ดี ถึงแม้จะเป็นคนก่อเรื่อง ก็ไม่มีทางก่อเรื่องอะไรที่ใหญ่โตแน่นอน
แล้วอีกอย่าง เธอก็ไม่ใช่คนที่จะรนหาเรื่องด้วย
โม่โยวพยักหน้าแล้วเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง "นายพูดอย่างนี้ฉันก็วางใจแล้ว ก่อนหน้านั้นฉันลงแข่งขันงานออกแบบ ประกาศผลแล้ว แต่ว่าฉันไม่ติด แต่กลับถูกใส่ร้ายว่าขโมยงาน ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี นายช่วยฉันได้หรือเปล่า?"
โม่เทียนยวี๋ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าวันที่เกิดเรื่องจะมาถึง เพราะยังไงเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว เขาคาดไม่ถึงหรือว่าผลงานชิ้นนั้น โม่โยวก็เอาไปร่วมการแข่งขันด้วย
"เธอแข่งขันรายการนี้ทำไมไม่บอกฉันสักคำ?" เขาโมโหเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามอย่างไม่รู้ตัว น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความไม่สบอารมณ์
โม่เทียนยวี๋รู้การแข่งขันนี้ นี่ไม่ใช่การแข่งขันธรรมดา แต่กลับเข้มงวดมาก เรื่องการลอกเลียนแบบขโมยงานไม่ใช่เรื่องเล็กเรื่องใหญ่อะไร ต้องอยู่น้ำหนักของรายการแข่งขันด้วย
แต่ว่า น้ำหนักของรายการแข่งขันนี้ มีความสำคัญมาก
เขาขมวดคิ้ว โยนความผิดทุกอย่างไปให้โม่โยว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไม่บอกไม่กล่าวแล้วไปยื่นแข่งขัน ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ ถึงจะเอาไปยื่น งานที่เคยให้เขาแล้วยังจะเอาไปยื่นทำไม ไม่รู้ว่าต้องดีไซน์ใหม่เหรอ?
โม่โยวเม้มปาก รู้ธาตุแท้ของโม่เทียนยวี๋อีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาเอาแต่ทำให้เธอเห็นภาพลักษณ์ใหม่ๆของตัวเอง
เขามีสิทธิ์อะไรมาถามตัวเองแบบนี้? ฟังจากที่เขาพูด ที่ตัวเองเข้าร่วมการแข่งขันนี้เป็นเรื่องผิดงั้นหรอ?
"ทำไม? การแข่งขันนี้ฉันไปร่วมแข่งไม่ได้หรอ?"
โม่เทียนยวี๋ขมวดคิ้วแน่นไปกว่าเดิม
โม่โยวทำเหมือนไม่เห็นอย่างนั้น แล้วเอ่ยต่อ "เมียนยวี๋ นายรู้จักถังหว่านเอ๋อร๋หรือเปล่า?"
"เป็นไปได้ยังไง ต้องไม่รู้จักอยู่แล้ว" โม่เทียนยวี๋รีบปฏิเสธทันที
"แบบนี้หรอ ฉันนึกว่าเธอเป็นดีไซน์เนอร์หรือว่าพนักงานในบริษัทสะอีก เพราะยังไงงานของฉันก็เคยให้นายคนเดียว ฉันไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้จริงๆว่าเธอไปเอางานของฉันมาจากที่ไหน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก