มาเดลีนจำได้ว่าเธอเคยบังเอิญเห็นเจเรมี่ซื้อกุหลาบแดงช่อใหญ่ในวันนั้นซึ่งเธอก็ไม่เคยลืมมัน เธอคิดว่าเขากำลังคบหาดูใจกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากเมเรดิธ
แต่หลังจากที่ขึ้นรถมากับเขา ทว่า เธอพบปลายทางของดอกกุหลาบช่อนี้กลับมาหยุดที่สุสาน
มันมีสถานการณ์บางอย่างซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อเธอในตอนนั้น ทำให้เธอไม่รู้ว่าทำไมเจเรมี่นำดอกกุหลาบมากมายเหล่านั้นไปที่สุสาน เธอก็ยังหาคำตอบไม่ได้อยู่ดีแม้ว่าเธอจะพยายามหาเหตุผลมากมายมาคิด
เธอไม่ได้มาที่นี่ในวันนี้เพราะความบังเอิญอย่างที่เจเรมี่เข้าใจ เพียงแต่ เธอกำลังสะกดรอยตามเขาและจับตาดูเขาทุกการเคลื่อนไหวแบบไม่ให้เขารู้ตัว
หลังจากที่รู้ว่าเขาไปที่ร้านดอกไม้อีกครั้ง เธอได้จงใจเข้าไปทักเขาให้ดูเหมือนว่าเธอบังเอิญพบเขา
ในขณะที่เธอกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เจเรมี่ได้เดินลงมาเปิดประตูรถให้เธอ
มาเดลีนรีบดึงสติของตัวเองกลับมาในขณะที่ก้าวลงจากรถ
เธอทำเป็นสงสัยในสถานที่แห่งนี้เหมือนว่าเธอไม่เคยมาที่นี่มาก่อน โดยการมองไปรอบ ๆ ในจังหวะเดียวกันกับที่เธอหันหน้ามามองเจเรมี่ เธอเห็นเขากำลังถือดอกกุหลาบช่อโตเอาไว้ในมือของเขา
นี่คงแสดงให้เห็นว่าเขาจงใจที่จะมอบดอกกุหลาบให้ใครสักคนที่อยู่ในสุสานแห่งนี้อย่างแน่นอน
“คนที่คุณกำลังจะมอบดอกไม้ให้ทำงานอยู่แถวนี้นั่นเหรอ?” มาเดลีนเลยถามด้วยความงุนงง
เจเรมี่หลบตาต่ำแล้วยิ้มออกมา “เธอคนนั้นกำลังพักผ่อนอยู่ที่นี่”
“...” ทันใดนั้นเสียงหัวใจมาเดลีนเต้นเร็วขึ้น
“หากคุณไม่คิดมากอะไร คุณสามารถมากับผมก็ได้นะ” เจเรมี่พูดเสร็จแล้วเดินหันหลังเดินออกไป
เขากำลังเดินหน้าไปตามทางสุสาน เป็นที่ที่เขาคุ้นเคยมากแม้ว่าเขาจะหลับตาเดินตอนนี้ และขาของเขาก็ยังพาเขาเดินไปตามเส้นทางที่ถูกต้องโดยสัญชาตญาณเพราะสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาทั้งหมดตอนนี้ได้ถูกเรื่องราวในอดีตครอบงำ
เขาเหยียดหยันให้กับความโง่ของตัวเองที่เป็นตัวการทำให้มาเดลีนทุกข์ทรมานและบาดเจ็บจนไม่สามารถแก้ไขที่ผ่านมาได้
มาเดลีนรักเขาทั้งหัวใจมาเสมอ
ความรักของเธอนั้นเปรียบเสมือนดอกไม้ที่แบ่งบานขึ้นมาในค่ำคืนที่มืดมิด อดทนและแข็งแกร่ง
ในตอนแรกนั้น เขาสามารถที่จะเด็ดเอาดอกไม้ที่ผลิบานบนเทือกเขามาไว้ในมือของเขา แต่ว่าเขากลับทิ้งเธอไว้เพียงลำพังบนยอดเขาหนาวเย็นแห้งแล้งแห่งนี้แทน...
มาเดลีนเดินตามหลังเจเรมี่โดยไม่พูดอะไร
หลังจากที่เธอรักษาการทรงตัวของตัวเองได้ ดวงตาของเธอพบว่าเจเรมี่ดูตกใจกับบางอย่าง และใบหน้าของเขามีความเครียดที่จริงจังและแผ่รังสีที่น่ากลัวออกมา
เธอมองตามสายตาของเขาที่จ้องไปยังหลุมศพ เธอเห็นเจเรมี่ก้าวไปยังหลุมศพอย่างรวดเร็วด้วยความตั้งใจ
มาเดลีนสรุปเหตุการณ์คร่าว ๆ ได้เพียงสุสานตรงหน้าเขาถูกทำลายได้รับความเสียหาย หลุมฝังศพถูกแกะเปิดออกและชิ้นส่วนรอบ ๆ แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าเจ้าของหลุมคือใคร
ในขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยถามเขา เจเรมี่โยนดอกกุหลาบที่อยู่ในมือถือทิ้งและเริ่มมองหาบางอย่างที่อยู่ในหลุมนั่น ราวกับว่าเขาไม่มีสติในตอนนี้
สีหน้าของเขาตอนนี้แย่มาก ความไม่ตื่นตระหนกที่แสดงออกผ่านคิ้วเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
หัวใจของมาเดลีนเจ็บเล็กน้อยเมื่อเธอมองไปที่ผู้ชายที่กำลังจะเป็นบ้า
เธอมั่นใจว่าเจ้าของหลุมศพนี้ต้องเป็นผู้หญิง
จากปฏิกิริยาของเจเรมี่ในตอนนี้ เธอสามารถสรุปได้ชัดเจนมากขึ้นว่าเขาให้ความสนใจคนที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่นี่จริง ๆ
เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และมีความขมขื่นและเยาะเย้ยอยู่ในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...