เขาเข้าไปประคับประคองด้วยความรักที่มีต่อเอโลอิสซึ่งเหมือนเธอแสดงท่าทางหายใจติดขัด “เกิดอะไรขึ้น เอโลอิส?”
ดวงตาของเอโลอิสเป็นสีแดงก่ำขณะที่เขาเอามือไปสัมผัสเธอทาบไว้บนหน้าอก “ฉันเพิ่งรู้ว่าเมเรดิธ... เธอไม่ใช่ลูกสาวของเรา...”
“อะ-อะไร คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” สีหน้าของฌอนดูซีดเซียวไปทันที
ฌอนรู้สึกตัวสั่นเมื่อเอโลอิสเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด
เมื่อเขาพาเอโลอิสเข้าไปข้างในอีกครั้ง พวกเขาไปคุยกับเมเรดิธ แต่มันไม่มีประโยชน์เพราะเธอปฏิเสธที่จะพูดด้วย
ในขณะเดียวกัน ในตอนนี้กลับไม่พบโรสและจอห์น พวกเขาเดินหายวับไปในอากาศแล้ว
ทั้งสองตัดสินใจกลับบ้านในท้ายที่สุด ความว่างเปล่าของคฤหาสน์หลังใหญ่ทำให้พวกเขารู้สึกใจหายมาก
เอโลอิสเดินมุ่งหน้าไปค้นห้องของเมเรดิธเพื่อหาหลักฐาน แต่สิ่งที่เธอพบคือจี้ทองคำที่เธอทำไว้เป็นพิเศษเมื่อหลายปีก่อนเพื่อเก็บไว้ให้ลูกน้อยของพวกเขาเมื่อเกิดมา
จี้สลักชื่อ 'เอวลีน' ยังคงมองเห็นชัดเจนบนจี้
พระอาทิตย์ยามบ่ายสดใส ตรงกันข้ามกับความมืดมิดในหัวใจของเอโลอิสและฌอน
มันบีบหัวใจของเอโลอิสอย่างเจ็บปวดขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มของเธออย่างควบคุมไม่ได้
แม้แต่คำพูดปลอบโยนของฌอนก็ไม่อาจหยุดน้ำตาของเธอได้
ขณะที่ฌอนไม่สามารถทำอะไรให้ดีขึ้นได้ แต่ดูเหมือนตัวเขาจะรู้สึกความโล่งใจที่กลายเป็นแบบนี้
เขาโล่งใจที่ผู้หญิงที่ชั่วร้ายคนนั้นไม่ใช่ลูกสาวของพวกเขา และเขาก็โล่งใจที่ลูกสาวของพวกเขายังมีชีวิตอยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก จู่ ๆ ก็มีแม่บ้านมาเคาะประตูห้อง “นายท่านคะ นายหญิงคะ คุณวิทแมนและคุณวีล่ามาที่นี่ค่ะ”
เอโลอิสและฌอนเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาคู่เดิมเปลี่ยนเป็นประกายด้วยคำอธิษฐานแห่งความหวัง “บางทีวีล่าอาจจะรู้อะไรบางอย่างก็ได้”
จากนั้น เธอก็ปาดน้ำตาและรีบวิ่งลงบันไดไปทันที โดยไม่สนใจความเจ็บปวดกับแผลในมือ
มาเดลีนยิ้มขณะที่เธอเหลือบมองเจเรมี่ “เมื่อเจเรมี่ก็อยู่ที่นี่ด้วย ฉันแน่ใจว่าไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับฉันแน่นอน”
จากนั้น เธอก็หันหลังและนั่งลง เมื่อชายตามองขึ้นอีกครั้ง พวกเขาจับจ้องไปที่จี้ทองคำในมือของเอโลอิส
เมื่อเธอมองในแวบดียวก็เพียงพอแล้วที่มาเดลีนจะจำจี้นั้นได้ มันเป็นของที่ปู่ของเธอให้ ซึ่งมีชื่อเดิมของเธออยู่บนนั้น
จากนั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเอโลอิสที่ดูท่าททางหมดเรี่ยวหมดแรง ผิวของเธอซีดเซียวและดวงตาของเธอแดงก่ำราวกับว่าเธอกำลังร้องไห้มาก่อนหน้านี้สักพักแล้ว
บางทีเธออาจกังวลเกี่ยวกับเมเรดิธ
มาเดลีนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “คุณเศร้าเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมเรดิธสินะ คุณนายมอนต์โกเมอรี? มันไม่สำคัญหรอกนะว่าคุณจะคิดยังไงกับฉัน แม้ว่าคุณยืนกรานที่จะบอกว่าฉันตั้งใจแกล้งเมเรดิธก็ตาม ฉันไม่เสียใจในสิ่งที่ฉันทำลงไป และฉันจะทำมันอีกครั้งโดยไม่ลังเล เมเรดิธสมควรได้รับการลงโทษสำหรับการกระทำของเธอ”
มาเดลีนมองดูเอโลอิสที่มีท่าทางเสียใจเหมือนอยากตำหนิตัวเองกับคำพูดของเธอ ขณะที่น้ำตาเริ่มไหลจากหางตาของเธอ
มาเดลีนตกใจมากเมื่อเห็นปฏิกิริยาดังกล่าว แต่เอโลอิสเงยหน้าขึ้นเพื่อมองคนอื่น ๆ “ฉันต้องขอโทษเธอด้วย วีล่า ฉันเป็นคนโง่ที่ไม่เชื่อคำเตือนของเธอและตั้งคำถามโต้แย้งกับเจตนาของเธอ เธอเพียงแค่พูดความจริง เมเรดิธไม่ใช่ลูกสาวของฉันจริง ๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...