เมื่อเอโลอิสพูดแบบนั้น เจเรมี่และฌอนหันไปมองที่เธอพร้อมกัน
ถึงแม้ว่ามาเดลีนจะบอกกับทุกคนว่า เลน ซามูเอล เป็นปู่ของเธอ แต่มันก็ชัดเจนที่ว่าเขาไม่ใช่ปู่ที่แท้จริงของมาเดลีน
ทำไมเอโลอิสรู้จัก เลน ซามูเอล ได้ล่ะ?
“คุณเคยเห็นชื่อของบุคคลนี้ที่บ้านงั้นเหรอ?” ฌอนเองก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นญาติหรือคนรับใช้แม้กระทั่งเพื่อนเขาเองก็ตาม เขามั่นใจว่าไม่มีคนที่ชื่อ เลน ซามูเอล อย่างแน่นอน
เอโลอิสพยักหน้ายืนยันอย่างมั่นใจ “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับไดอาน่า!”
“ไดอาน่า?” เจเรมี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เธอเป็นแม่บ้านของเรา เธอทำงานให้เราตั้งแต่ตอนที่เธออายุ 20 กว่า ๆ รวมมาถึงตอนนี้ก็ 32 ปีแล้ว” เอโลอิสอธิบาย
“เพราะชื่อเต็มของไดอาน่าคือ ไดอาน่า ซามูเอล นามสกุลของเธอคือ ซามูเอล...” เมื่อมาถึงการคาดเดาในตอนนี้แล้ว ภาวะจิตใจของเอโลอิสก็ค่อย ๆ กระวนกระวายมากขึ้นเป็นเพราะเรื่องบางอย่างที่กำลังคาดเดาได้ปรากฏขึ้นในใจของเธอค่อนข้างจะชัดขึ้น
“ฌอน เป็นไปได้ไหม… เราต้องกลับไปถามให้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
เอโลอิสรีบดึงฌอนขึ้นแล้วหันหลังเตรียมตัวออกจากสุสาน
เจเรมี่เหลือบมองที่ป้ายหลุมศพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคู่สามีภรรยาที่รีบเดินตามไป ปมมากมายที่เขาสงสัยที่เคยมีในหัวใจของเขาถูกสรุปเอาไว้แล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมนและเห็นเพียงแสงที่ส่องผ่านเมฆสีดำ
พระเจ้าไม่เคยเพิกเฉยต่อเขาอย่างแท้จริง
......
ทั้งเอโลอิสและฌอนมีอารมณ์โกรธในระหว่างทางที่เดินทาง
ทันทีที่เอโลอิสเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเมื่อมาถึงบ้าน ไดอาน่าได้ถือชามซุปออกมา
“คุณผู้หญิง กลับมาทันเวลาพอดีฉันพึ่งทำซุปเสร็จ ฉันต้องขออภัยเป็นอย่างมากที่ทำร้ายคุณครั้งล่าสุดเพราะผู้หญิงเลวร้ายคนนั้น” ไดอาน่าเอ่ยขอโทษอย่างจริงใจ แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะโยนความผิดพวกนั้นไปให้มาเดลีน
เอโลอิสอยากจะเอ่ยถามเธอออกไปตรง ๆ แต่เมื่อเห็นไดอาน่าขอโทษอย่างจริงใจพร้อมกับหน้าสำนึกผิดทำให้เธอสงบลง แล้วยิ้มออกมา
“ช่วงนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดี กลับไปพักผ่อนที่บ้านเกิดตัวเองสักหน่อยเป็นไง? ฉันจำได้ว่าพ่อของเธออาศัยอยู่ที่นั่นใช่ไหม เขาชื่ออะไรนะ ถ้าฉันจำไม่ผิดพ่อของเธอชื่อว่า เลน ซามูเอล ใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำว่า 'เลน ซามูเอล' นัยน์ตาของไดอาน่ามีอาการตื่นตระหนกทันที
“คุณผู้หญิงคะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย คุณไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับฉันเลย ฉัน... ถ้าไม่มีอะไรให้ทำแล้ว ฉันขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ อย่าลืมทานซุปฉันทำเอาไว้ด้วย” ไดอาน่าพูดพร้อมอาการที่ดูตกใจ ปากของเธอยังพูดติดขัดในขณะที่รีบหันหลังกลับและจับผ้ากันเปื้อนเอาไว้ด้วยสองมือที่สั่นเทา
ปฏิกิริยาที่ดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัดของไดอาน่า ทำให้เอโลอิสหันไปจ้องหน้าฌอนอย่างตื่นเต้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหมายและสิ่งที่อยากจะพูดออกมา
ฌอนเองก็สังเกตเห็นถึงว่าเรื่องนี้แปลกอยู่เช่นกัน เขาจับมือเธอเอาไว้เพื่อปลอบประโลมเธอ “ใช่ เรื่องนี้มันดูแปลกจริง ๆ นั่นแหละ หล่อนดูเหมือนไม่อยากบอกความจริงกับเรา”
“แล้วฉันควรทำยังไงดี? ฉันรอไม่ไหวแล้ว!” เอโลอิสเริ่มกระวนกระวาย “ฌอน ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าลูกสาวของเราจะต้องเจอกับอะไรบ้างในตอนนั้น...”
ฌอนถอนหายใจด้วยความโกรธปะปนไปด้วยความเจ็บปวด มีบางอย่างดลใจให้เขานึกอะไรออกและรีบโทรหาเจเรมี่ทันที
เจเรมี่ที่เพิ่งเดินทางมาถึงบริษัท เมื่อรับสายฌอน เขากำลังยืนลังเลกับคำขอที่ได้ฟังเล็กน้อย
เป็นเวลาเดียวกันกับที่มาเดลีนได้เตรียมอาหารมากมายมาไว้ที่ห้องทำงานของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...