เมเรดิธได้กลายเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลจากสังคมชั้นสูงที่ใหญ่ที่ร่ำรวยในเกลนเดล ถ้าพวกหล่อนกล้าที่จะลองดีกับเธอ พวกหล่อนอาจไม่เหลือที่ให้ยืนบนแผ่นดินนี้ให้อีกต่อไป
เธอไม่ต้องการให้เอวาเดือดร้อนเพราะเธอ
หลังจากครุ่นคิดถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดของเธอที่ผ่านมา มาเดลีนจึงตัดสินใจเริ่มต้นใหม่
เธอสามารถล้างแค้นให้กับตัวเองและลูกที่ตายไปได้หากเธอลุกขึ้นจากขวากหนามนี้
สองวันต่อมา มาเดลีนไปทำงานในบริษัทใหม่ของเธอ
ร่องรอยบางส่วนของบาดแผลบนใบหน้าของเธอยังไม่หายดี มาเดลีนจึงใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดรอยฟกช้ำ
ในเวลาเดียวกันกับที่เธอมาถึงที่ทำงาน ก่อนที่เธอจะได้นั่งลง อีฟการ์เซียคนที่เป็นหัวหน้าของเธอ ก็ถูกเรียกตัวไปพบ
อีฟดูเหมือนนักธุรกิจหญิงที่แข็งแกร่งและทรงพลัง เธอแต่งตัวในชุดที่ตามสมัยและสวยงามลงตัว อย่างไรก็ตาม เธอมีใบหน้าที่สงบนิ่ง ดังนั้นเธอจึงดูจริงจังมากกับการทำงาน สิ่งนี้ทำให้ มาเดลีนมีความกังวลอย่างมาก เธอกังวลว่าจะทำเรื่องยุ่งและทำงานผิดพลาดในการทดลองงานครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม อีฟสุภาพกับเธอ หล่อนบอกกับมาเดลีนให้ค่อยๆเรียนรู้ไปได้และเธอไม่จำเป็นต้องกังวลกับสิ่งต่างๆมากเกินไป
มาเดลีนคิดว่าหัวหน้าของเธอเย็นชาจากภายนอกและอบอุ่นจากภายใน เพียงแค่เธอเป็นคนจริงจังในการพูดและกิริยามารยาท ตอนที่พวกเขานั่งทานอาหารกลางวันในโรงอาหาร มาเดลีนเห็นเธอนั่งอยู่กับเพื่อนร่วมงานหญิงสองสามคนพร้อมกับยิ้มเหยียดหยามบนใบหน้าของพวกเธอ
“มาเดลีนเป็นแค่เศษขยะที่ไร้ประโยชน์ เธอไม่มีปัญญาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเจ้านายไม่บอกให้ฉันจ้างเธอฉันก็ไม่อยากมองหน้าเธอด้วยซ้ำ”
หัวใจของมาเดลีนเริ่มเต้นแรง
ใครคือเจ้านายที่อีฟพูดถึง? เธอจำได้ว่าเห็นเมเรดิธอยู่หน้าอาคารสำนักงานใหญ่ บริษัทแห่งนี้อยู่ภายใต้ตระกูลมอนต์โกเมอรี่ด้วยงั้นหรือ?
“คนขี้คุก ที่เคยทำงานเป็นหญิงขายบริการแถมยังลอกเลียนแบบงานของคนอื่น ถูกวางตำแหน่งงานในแผนกของเรา รู้สึกขยะแขยงสิ้นดี! ผู้หญิงอย่างเธอได้มามีส่วนร่วมในการออกแบบงานในแผนกของเรา นี่พวกเขาไม่กังวลว่าเธอจะทำให้งานของเราเสื่อมเสียหรือ?” อีฟพูดด้วยความดูถูก การถากถางในน้ำเสียงของเธอช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับท่าทีสุภาพของเธอก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอพูดทำให้มาเดลีนยิ่งแน่ใจว่า บริษัทแห่งนี้อยู่ใต้การควบคุมของเมริดิธเป็นแน่
เมเรดิธเป็นคนเดียวในโลกที่คอยใส่ร้ายป้ายสีเธอ
เป็นเวลาพักทานอาหารกลางวันมีพนักงานจำนวนมากในโรงอาหาร ทุกคนหันมองไปที่พวกเขา
มาเดลีนถอดบัตรพนักงานที่หน้าอกของเธอออกอย่างใจเย็นแล้วโยนไปที่ใบหน้าของอีฟ “ไม่ ฉันไม่อยากทำงานที่นี่อีกแล้ว”
“ เธอ…” ใบหน้าของอีฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว เธอชี้ไปที่มาเดลีนแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้
มาเดลีนหันหลังกลับอย่างสุขุม เธอเห็นสองร่างที่คุ้นยืนอยู่ที่ทางเข้าโรงอาหาร มันคือเมเรดิธ และเอโลอิส
มาเดลีนมีเพียงความแค้นโดยตรงต่อเมเรดิธเท่านั้น แต่อย่างไรนั้น เมื่อเธอเห็นเอโลอิสเธอไม่เพียงที่จะไม่ถือความที่เอโลอิสเข้าใจผิดเธอ แต่เธอกลับยังรู้สึกถึงความใกล้ชิดและผูกพันแปลกๆอีกด้วย อย่างไรก็ตามเอโลอิสมองเธอด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
มาเดลีนรู้สึกว่าหัวใจของเธอจมลงโดยไม่มีเหตุผล เพื่อป้องกันปัญหาที่เธอไม่ได้ก่อ เธอจึงตัดสินใจเดินจากไป อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอไปถึงประตูเมเรดิธกลับหยุดเธอไว้
“แมดดี้ อย่าเป็นแบบนี้ ฉันรู้ว่าเธอต้องการงานตอนนี้ ฉันใช้เวลาทั้งหมดที่มีในการอ้อนวอนแม่เพื่อให้เธอมีงานทำที่นี่ อย่าแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวแบบเด็กๆเลย ได้โปรดกลับไปทำงานของเธอต่อเถอะนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...