จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 1009

หมอยมบาลพยักหน้า “ตอนนั้นหยุนถิงช่วยถอนพิษให้เจ้า จู่ๆเจ้าก็ฟื้นขึ้นมา ไม่พูดอะไรก็บีบคอหยุนถิงเลย เกือบบีบคอนางจนตาย โชคดีที่ข้ากับตาเฒ่าเหออยู่ด้วย เลยใช้เข็มเงินฝังจุดสลบของเจ้า ตอนนั้นพวกข้าตกใจกันมากเลย เจ้าถูกพิษครั้งนี้หนักหนานัก ข้ากับตาเฒ่าเหอยังจนปัญญา โชคดีที่หยุนถิงกลับมาทัน ไม่งั้นเจ้าตายไปแล้ว”

โม่เหลิ่งเหยียนคิ้วขมวดมุ่น ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและละอายใจ หันมองหยุนถิงที่ยังหลับอยู่ทันที “ข้าผิดต่อนาง ข้าสมควรตายนัก”

“เจ้าสมควรตายจริงๆ หากมิใช่เห็นแก่ที่ว่าเจ้าไม่มีสติ มิได้ทำเพราะตนเอง เจ้าคิดว่าเจ้ายังรอดมาอ้าปากพูดอยู่ตรงนี้รึ” จวินหย่วนโยวพูดเสียงเย็นเยียบเสียดกระดูก เห็นได้ชัดว่าโกรธมากแค่ไหน

หากไม่มีหมอยมบาลกับตาเฒ่าเหออยู่ด้วย จวินหย่วนโยวไม่กล้าจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“ซวนอ๋อง ท่านฟื้นแล้ว!” หยุนถิงได้ยินเสียงคุ้นเคยนั่น ตื่นขึ้นมาทันที พอเห็นโม่เหลิ่งเหยียนลุกขึ้นนั่ง ก็พุ่งเข้ามาจับชีพจรให้เขาอย่างตื่นเต้น

โม่เหลิ่งเหยียนเห็นความเป็นห่วงของหยุนถิงที่มีต่อตน ยิ่งรู้สึกผิดหนักขึ้น “หยุนถิง ข้าขอโทษ ข้าเกือบทำร้ายเจ้า”

“ใครก็ไม่รู้ว่าท่านโดนควบคุมแล้ว ท่านดูสิ ตอนนี้ข้าดีๆอยู่นี่ไง ท่านไม่สบายตรงไหนไหม รีบบอกข้าเร็ว?” หยุนถิงรีบถาม

“ไม่มี ดีมาก”

หยุนถิงจับชีพจรให้โม่เหลิ่งเหยียนอย่างตั้งใจ พอแน่ใจว่าชีพจรปกติ การหายใจก็ปกติ ถึงได้ถอนหายใจโล่งอก

“พิษในกายท่านน่าจะถอนออกไปแล้ว พักผ่อนเถอะ พักฟื้นสักระยะก็กลับมาเป็นปกติแล้วล่ะ” หยุนถิงที่ตื่นเต้นมานานพลันผ่อนคลายลง

“ขอบคุณมาก” โม่เหลิ่งเหยียนซาบซึ้ง

นางช่วยตนไว้อีกครั้ง

“ไม่ต้องขอบคุณข้า จะขอบคุณก็ขอบคุณกู้ซินฉีกับวี่รั่วฉิงเถอะ” หยุนถิงเล่าเรื่องที่ทั้งสองคนให้ความช่วยเหลือออกมา

โม่เหลิ่งเหยียนขมวดคิ้วมุ่น “ได้ พรุ่งนี้ข้าจะขอบคุณพวกนาง”

“ในเมื่อเจ้าฟื้นแล้ว พรุ่งนี้ก็อย่าพึ่งออกไปเลย จะได้อาศัยการโดนพิษครั้งนี้เป็นกลลวงไปเลย” จวินหย่วนโยวเสนอ

โม่เหลิ่งเหยียนเข้าใจในบัดดล “ทำตามที่เจ้าว่าเถิด”

เช้าวันต่อมา กู้ซินฉีกับวี่รั่วฉิงเร่งรุดมาพร้อมกัน พอเห็นหยุนถิงออกมาจากในห้อง ก็พากันมองมาอย่างเป็นห่วง

“ซวนอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?” ทั้งสองถามออกมาพร้อมกัน

“อาการคงที่แล้ว แต่ยังไม่ฟื้นเลย ข้ากับหมอยมบาลตรวจอาการแล้ว จะฟื้นได้หรือไม่ก็ต้องดูวันที่สามแล้วล่ะ” หยุนถิงพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“โม่เหลิ่งเหยียนน่ะเป็นเทพสงครามของสี่แคว้น ไม่น่าจะตายง่ายขนาดนี้นะ” วี่รั่วฉิงปลอบใจตนเอง

กู้ซินฉีกลับมีสีหน้าสำนึกผิด “ข้าผิดเอง ข้าทำร้ายซวนอ๋อง”

“ไม่โทษเจ้าหรอก จะโทษก็ต้องโทษตระกูลเวินต่ำช้าเกินไป เจ้าพักผ่อนให้ดีเถอะ เดิมก็บาดเจ็บหนักยังมาเสียเลือดอีก พักฟื้นร่างกายให้ดี” หยุนถิงบอกอย่างเป็นห่วง

“ข้ามิเป็นไร ถ้าเลือดไม่พอ ข้ายังไหว ขอร้องเจ้าต้องช่วยซวนอ๋องให้ได้นะ ไม่อย่างนั้นข้าคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตแน่” กู้ซินฉีบอกอย่างละอายใจ

“วางใจเถอะ ข้าต้องทำเต็มที่แน่”

วันที่สาม กู้ซินฉีคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกตลอด จนฟ้ามืดก็ยังไม่เห็นโม่เหลิ่งเหยียนฟื้นสักที ก็คว้ากระบี่ยาวของตนทำท่าจะออกไป

หยุนถิงรีบยับยั้งนางไว้ “เจ้าจะไปไหนน่ะ?”

“ซวนอ๋องต้องถูกพิษเพราะช่วยข้าไว้ ข้าจะล้างแค้นให้เขา ฆ่าเวินหานเทียนซะ!” กู้ซินฉีพูดอย่างเคียดแค้น

เฉินอ๋องพาโม่หลานมาร่วมแสดงความยินดีแต่เช้า พอเห็นจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงรีบกลับมา ก็แปลกใจยิ่งนัก “ข้ายังนึกว่าพวกเจ้ากลับมาไม่ทันเสียอีก คราวนี้หยุนซูต้องดีใจมากแน่ๆ”

“งานแต่งงานของหยุนซู ซื่อจื่อเฟยจะไม่มาได้อย่างไรกัน?” ฉินจิ้งอี๋หิ้วท้องโตท่ามกลางการพยุงของจ้าวเคอที่เดินตามเข้ามาพูดขึ้น

“วันนี้ครึกครื้นจริงนะ ได้ยินว่าพ่อครัวของจวนซื่อจื่อคุมเองเลย ต้องกินให้มากหน่อยนะ” โม่หลานพูดอย่างรอคอย

“พวกเจ้ารีบเข้าไปเถอะ ดูแลเจ้าสาวของเราให้ดี” หยุนถิงกำชับ

“ยินดีด้วย!” โม่ฉือหานอุ้มลูกชายเข้ามาด้วย เจ้าหนูดูอ้วนขึ้นกว่าครั้งก่อนไม่น้อย และโตขึ้นหน่อย

“ขอบคุณมาก หลีอ๋องเชิญด้านในเถิด” หยุนถิงตอบเสียงเรียบ

โม่ฉือหานสีหน้าเรียบเฉย อุ้มลูกชายเดินเข้าไป

ส่วนคนรับใช้คนหนึ่งด้านนอกจวนตระกูลหยุน พอเห็นพวกหลีอ๋องเข้าไปกันหมดแล้ว จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยก็พากันยุ่งอยู่ เขาพลันยิ้มมุมปาก หมุนตัวเดินไปอีกสองถนน และจุดพลุสัญญาณขึ้นฟ้าทันที

คนตระกูลเวินที่แฝงตัวอยู่ในเมืองหลวงแคว้นต้าเยียน พอได้รับสัญญาณก็พากันลงมือทันที พากันมุ่งหน้าไปยังโกดังเสบียง คลังอาวุธ สนามม้าของราชวงศ์ของแคว้นต้าเยียนทันที.....

ก่อนหน้านี้คนตระกูลเวินก็ส่งคนไปตรวจสอบเรื่องพวกนี้ไว้แล้ว ขอเพียงทำลายสิ่งเหล่านี้ แคว้นต้าเยียนก็จะสูญเสียสาหัสนัก ก็จะแพ้โดยยังไม่ต้องรบ ถึงเวลานั้น แคว้นต้าเยียนก็จะระส่ำระสาย ไม่ต้องให้พวกตนลงมือ ชาวบ้านก็จะพากันลุกฮือต่อต้านกษัตริย์ไร้คุณธรรมผู้นี้เอง

ส่วนเวินหานเทียนก็พาคนมีฝีมือของตระกูลเวินทั้งหมดมุ่งตรงไปพระราชวังทันที

ในพระราชวัง สายสืบของตระกูลเวินได้รับสัญญาณ อาศัยจังหวะช่วงผลัดเปลี่ยนเวรยามขององครักษ์หลวง จัดการเปิดประตูฝั่งตะวันออกของพระราชวังออก

เวินหานเทียนพาทุกคนเข้าไปทันที พอเข้าวังไป ก็พากันปลอมตัวเป็นขันที จากนั้นพากันแยกย้ายไปตำหนักบรรทมของฮ่องเต้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ