จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 1025

หยุนถิงที่กำลังดูแลลูกอยู่ เห็นภาพฉากนี้เข้าพอดี แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนผู้นั้นอยู่นอกกำแพง

แต่ว่าหยุนถิงก็ไม่ได้พูดอะไร นางไม่อยากขัดจังหวะบรรยากาศที่ครึกครื้นสนุกสนานเช่นนี้ จึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

และองครักษ์เงามังกรกับองครักษ์ลับที่หมอบอยู่บนกำแพง เห็นการกระทำทั้งหมดของฮวาเชียนจั่นอยู่ในสายตา พวกเขามองไปทางซื่อจื่อของตัวเอง เห็นซื่อจื่อส่ายหน้าให้พวกเขา ดังนั้นจึงไม่ได้ขัดขวาง

จวินหย่วนโยวรู้ว่าหยุนถิงเกลียดชังที่วี่หานเชียนทำให้แม่ของนางเจ็บปวด ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสในตอนนั้น เสียชีวิตไปด้วยความเกลียดชัง ดังนั้นหยุนถิงจึงไม่อยากให้อภัยเขา

แต่หนึ่งปีกว่าที่ผ่านมานี้ จวินหย่วนโยวรู้ว่าวี่หานเชียนอยู่ในที่ลับนอกจวนซื่อจื่อมาโดยตลอด เขาไม่เข้ามา และไม่ได้เคลื่อนไหว เพียงแค่เฝ้าดูอย่างเงียบๆ เหมือนคอยปกป้องเงียบๆมากกว่า

ดังนั้นจวินหย่วนโยวจึงไม่ได้ให้คนไปขับไล่วี่หานเชียนออกไป คิดว่าเขาคงอยากจะชดเชยให้ถิงเอ๋อร์กระมัง

ในเมื่อหยุนถิงไม่พูดอะไร จวินหย่วนโยวย่อมไม่ให้ใครไปขัดขวางอยู่แล้ว

ฮวาเชียนจั่นเห็นตัวเองทำสำเร็จ รู้สึกได้ใจอย่างมาก เดินกลับมากินต่อไป อาหารมื้อหนึ่งเขาโยนจานออกไปสามจาน

ทุกคนก็กินกันอย่างมีความสุขมาก คืนนี้หยุนซูรู้สึกดีใจมีความสุขมาก ยังดื่มเหล้าผลไม้ไปเล็กน้อย เวลานี้แอลกอฮอล์เข้าร่างกาย รู้สึกเพียงวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย

“ไม่สบายตรงไหนใช่ไหม?” ซูนฟั่งสอบถามด้วยความเอาใจใส่

“เปล่า ข้าเพียงแต่ดีใจเกินไป ดื่มมากไปหน่อย ก็เลยรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย” หยุนซูตอบ

ซูนฟั่งยื่นมือเข้ามาทันที ใช้นิ้วชี้สองข้างนวดขมับให้หยุนซูเบาๆ “เช่นนี้สามารถบรรเทาได้”

“ขอบคุณท่านพี่มาก”

“กับข้าจะเกรงใจทำไม”

หยุนถิงที่อยู่ด้านข้างเห็นภาพฉากนี้พอดี มองเห็นซูนฟั่งเอาใจใส่หยุนซูเช่นนี้ หยุนถิงก็วางใจแล้ว

“ในเมื่อดื่มมากไปเช่นนั้นก็พักผ่อนเร็วๆหน่อย ต่อไปมีโอกาสอีกมากมาย จวนซื่อจื่อยินดีต้อนรับทุกคนทุกเมื่อ” หยุนถิงกล่าว

“ได้เลย อาหารของบ้านพี่หญิงใหญ่อร่อยมากจริงๆ ครั้งหน้าข้ายังจะมาอีก” ขณะที่พูด หยุนหลีก็เรอออกมา กำลังจะลุกขึ้นมา คนทั้งคนก็เสียการทรงตัว

โชคดีที่เสวี่ยเชียนโฉวซึ่งอยู่ด้านข้างยื่นมือไปประคองนางเอาไว้ “ระวังหน่อย”

“ท่านลุงข้าไม่เป็นไร” หยุนหลีหัวเราะแฮะๆ

“ตัวเองดื่มได้แค่ไหนไม่รู้หรือ ยังกล้าดื่มมากมายขนาดนั้นอีก รีบส่งนางกลับไปพักผ่อนเถอะ ถิงเอ๋อร์เจ้ากับจวินซื่อจื่อก็พักผ่อนเถอะ” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าว

“ตกลง หลงเอ้อเจ้าส่งท่านพ่อข้ากับคนอื่นๆกลับไป” หยุนถิงออกคำสั่ง

“ขอรับ!”

คนของตระกูลหยุนกลับไปแล้ว ในลานสงบเงียบลงมามากทันที ฮวาเชียนจั่นที่กินอิ่มและดื่มจนพอใจแล้ว นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำเป็นแกล้งหลับ

หากเขาโยนจานออกไปนอกกำแพงครั้งแรก หยุนถิงไม่ทันได้สังเกตเห็น แต่ต่อมาสองครั้งนางกับจวินหย่วนโยวยังไม่สังเกตเห็นอีก เช่นนั้นมันก็ไม่สมเหตุสมผลแล้ว

ดังนั้นเป็นไปได้แค่พวกเขาเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เท่านั้นแล้ว ฮวาเชียนจั่นกลัวว่าตัวเองเอ่ยปากอยู่ต่อจะถูกปฏิเสธ จึงได้แต่แกล้งหลับอย่างหน้าด้านหน้าทนเท่านั้น

แต่คิดไม่ถึงว่าหยุนถิงไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ กินอิ่มและดื่มจนพอใจแล้วก็ติดตามจวินหย่วนโยวพาลูกสองคนกลับไปพักผ่อน

คนอื่นๆต่างก็พากันจากไป เหลือเพียงฮวาเชียนจั่นคนเดียวเท่านั้น

ถ้าหากตัวเองตื่นขึ้นมากะทันหัน ต้องถูกพวกเขาพูดว่าแกล้งหลับอย่างแน่นอน แต่หากไม่ลุกขึ้นมา เขาจะนอนหมอบอยู่บนโต๊ะเช่นนี้ทั้งคืนไม่ได้ใช่ไหม

บรรดาบ่าวรับใช้เข้ามาเก็บกวาด เห็นฮวาเชียนจั่นนอนหมอบอยู่ ลังเลขึ้นมาเล็กน้อย “จะปลุกคุณชายท่านนี้ตื่นและให้เขาไปนอนที่ห้องรับแขกดีหรือไม่?” บ่าวรับใช้คนหนึ่งเอ่ยปากเสียงเบา

“ซื่อจื่อเฟยไม่ได้สั่งไว้ อย่าเรียกเขาดีกว่า เราทำตามหน้าที่ให้ดีก็พอ” อีกคนหนึ่งตอบ

“ก็ถูก” คนอื่นๆเก็บกวาดโต๊ะที่อยู่ในลาน เหลือเพียงโต๊ะของฮวาเชียนจั่นที่ไม่ไปยุ่งเกี่ยว

กู้จิ่วเยวียนยิ้มออกมาอย่างจนใจ บ่าวรับใช้ตักน้ำมา กู้จิ่วเยวียนนำผ้าเช็ดหน้ามาชุบน้ำและช่วยเริ่นเซวียนเอ๋อร์เช็ดหน้าและมือด้วยตัวเอง

“หนึ่งเดือนมานี้เที่ยวเล่นอย่างเต็มที่แล้ว กลับมาก็พักผ่อนให้ดีๆ รออีกหน่อยเจ้าอยากไปอีก เราค่อยไปกันใหม่” กู้จิ่วเยวียนกล่าวด้วยความเอาใจใส่

“เสด็จอาเก้าเข้าใจข้าดีที่สุดแล้ว ท่านว่าในหนึ่งเดือนมานี้เรานอนไปตั้งหลายที่ อย่างไรก็ควรจะติดแล้วกระมัง?” ดวงตากลมโตของเริ่นเซวียนเอ๋อร์เป็นประกาย ถามด้วยความคาดหวังอย่างมาก

แก้มของกู้จิ่วเยวียนแดงก่ำในทันที “นังหนูคนนี้พูดไม่กี่คำก็ไม่จริงจังแล้ว เรื่องของลูกไม่ต้องรีบร้อน เมื่อพรหมลิขิตมาถึงก็ย่อมมีแล้ว”

“ที่พูดมาก็ถูก อย่างไรเสด็จอาเก้าก็ต้องพยายามให้มากๆ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์หัวเราะแฮะๆ

“เจ้านี่นะ” กู้จิ่วเยวียนยื่นมือไปขูดปลายจมูกของเริ่นเซวียนเอ๋อร์ครู่หนึ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยการตามใจ

ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังมา “เซ่อเจิ้งอ๋อง กระหม่อมมีเรื่องจะรายงาน”

ด้านนอกประตูเป็นเสียงของป๋อจิ้ง คนสนิทของกู้จิ่วเยวียน

“เช่นนั้นข้าไปดูหน่อย เจ้าพักผ่อนให้ดี ข้าได้ให้ห้องพระเครื่องต้นเตรียมอาหารที่เจ้าโปรดปรานเอาไว้แล้ว อีกเดี๋ยวเจ้าตื่นนอนก็สามารถกินได้เลย” กู้จิ่วเยวียนกล่าวด้วยความห่วงใย

“ตกลง” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ก็เหนื่อยมากแล้วจริงๆ จึงหลับตาลงโดยตรง

กู้จิ่วเยวียนถึงได้ลุกขึ้นเดินออกไป “มีเรื่องอะไร?”

“เรียนเซ่อเจิ้งอ๋อง คนของเราสืบพบว่าชายแดนของแคว้นเทียนจิ่วมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายกลุ่มหนึ่ง เตรียมพร้อมจะเคลื่อนไหว จู่ๆก็รวมตัวกันที่ชายแดนแคว้นเทียนจิ่วกับแคว้นต้าเยียน เกรงว่าคงจะก่อปัญหา

ข้าได้ให้คนไปตรวจสอบแล้ว เชื่อว่าไม่นานก็จะได้ข้อสรุป เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นเทียนจิ่วกับแคว้นต้าเยียน ดังนั้นกระหม่อมพิจารณาดูแล้วสุดท้ายก็เลยมารายงานเซ่อเจิ้งอ๋อง” ป๋อจิ้งตอบด้วยความเคารพนบนอบ

ดวงตาของกู้จิ่วเยวียนมืดมนทันที “สันติภาพของสี่แคว้นเป็นประโยชน์ต่อแคว้นเทียนจิ่ว หากก่อให้เกิดสงครามในเวลานี้มีแต่จะทำให้แคว้นเป่ยลี่กับแคว้นชางเยว่ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เจ้ารีบไปตรวจสอบให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้ หากมีใครกล้าก่อการจลาจลประหารได้ทันที!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ