พอหยุนถิงได้ยินเสียงนี้ ก็ยื่นหน้ามาดูด้วยเช่นกัน และเห็นว่าบนโต๊ะนั้น จวินหย่วนโยวทำขนมไหว้พระจันทร์ใบหน้าตนอยู่
คิ้วตางดงาม เหมือนตนมากนัก
“จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยช่างรักกันยิ่งนัก ขนมไหว้พระจันทร์ยังทำออกมาได้คล้ายคลึงเยี่ยงนี้ เก่งยิ่งนัก” หลู่หวางเฟยพูดอย่างอิจฉา
“จวินซื่อจื่อนี่คือรักซื่อจื่อเฟยเข้ากระดูกแล้ว ไม่ต้องมองดูซื่อจื่อเฟย ก็สามารถทำออกมาได้ ทำให้ผู้อื่นอิจฉาจริงๆ” ฮูหยินโหวเสริม
“ความสามารถของจวินซื่อจื่อนี่ช่างน่าเลื่อมใสนัก” แม่ทัพโหวบอกอย่างชื่นชม
หลู่หวางเหล่มองขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นนั้นพลางบ่นออกมา “ก็แค่ขนมไหว้พระจันทร์มิใช่รึ พวกเจ้าต้องชื่นชมกันเพียงนี้เชียวรึ?”
“งั้นท่านก็ทำออกมาสักชิ้นอย่างจวินซื่อจื่อสิ ดีแต่พูดไปวันๆ” หลู่หวางเฟยมองค้อนเขา
“ทำก็ทำสิ เก่งอะไรหนักหนาล่ะ” หลู่หวางตอบอย่างดื้อรั้น ก้าวเท้าเข้าไปคว้าแป้งขนมไหว้พระจันทร์มาเริ่มต้นทำ
เพียงแต่เขาคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด อยากได้อะไรก็แค่อ้าปากเรียกก็ได้แล้ว ไหนเลยจะเคยลงมือทำอะไรอย่างนี้ ดังนั้นหลู่หวางเก้ๆกังๆ ดูเคอะเขินมาก
ทำเอาทุกคนหัวเราะครืน หลงเอ้อร์ที่อยู่ข้างๆเสนอ “พวกเรามาพนันกันไหม ข้าพนันว่าหลู่หวางทำไม่สำเร็จหรอก”
“ยังต้องพนันอีกรึ” รั่วจิ่งเสริม
หลู่หวางย่อมได้ยินคำพูดพวกเขาอยู่แล้ว สีหน้าดำทะมึนยิ่งนัก “พวกเจ้ากล้าเย้ยหยันข้าต่อหน้าต่อตา เหมาะสมแล้วรึ?”
“ฮะฮะ พวกเราแค่พูดไปตามความจริง หลู่หวางสามารถเผยความสามารถของท่านออกมาตบหน้าพวกเราได้นะ” หลงเอ้อร์พูดกลั้วหัวเราะ
“เช่นนี้ก็ได้” รั่วจิ่งเสริม
หลู่หวางถลึงตาใส่พวกเขา จากนั้นไม่สนใจใครอีก ตั้งใจทำขึ้นมา
หลู่หวางเฟยเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของหลู่หวางก็ยิ้มอย่างพอใจ และไม่คิดเข้าไปช่วย ปกติหลู่หวางคุยโวโอ้อวดนัก จะได้ดัดนิสัยเขาเสียบ้าง
สุดท้ายผ่านไปไม่นาน หลู่หวางก็ทำเสร็จแล้ว “ข้าทำเสร็จแล้ว!”
ทุกคนพากันเข้ามาดู สีหน้าหลู่หวางเฟยดำทะมึนลงทันที “หลู่หวาง ท่านทำอะไรน่ะ หาตาจมูกไม่เจอเลย หน้าอ้วนหยั่งกับหัวหมูอีก”
“เจ้าหน้าตาแบบนี้ ยังมาโทษข้าอีก หากเจ้าผอมอย่างซื่อจื่อเฟย ข้าทำออกมาน่าดูเองล่ะ” หลู่หวางหาข้ออ้าง
“เจ้าแก่โง่เง่านี่ กล้ารังเกียจว่าข้าอ้วน ก็เจ้ามิใช่รึที่ให้ข้ากินกินกิน ต้องโทษเจ้าน่ะล่ะที่เลี้ยงข้าจนกลายเป็นหมู” หลู่หวางเฟยยกแขนเสื้อทะเลาะตบตีกับหลู่หวางทันที
หลู่หวางวิ่งหนีอย่างไว “ข้าไม่ได้โง่สักหน่อย ที่จะอยู่รอให้เจ้าตบน่ะ”
คนหนึ่งวิ่งไล่ด้านหลัง คนหนึ่งวิ่งหนีอยู่ข้างหน้า ท่าทางน่าขันนัก ทำเอาทุกคนในจวนซื่อจื่อหัวเราะครืน
“ท่านพี่ ข้ามีความคิดอย่างหนึ่ง ให้ทุกคนทำขนมไหว้พระจันทร์คนละชิ้น จากนั้นวางบนโต๊ะด้วยกัน และให้ทุกคนมาคัดเลือกดีหรือไม่?” หยุนถิงถาม
“ความคิดนี้ดียิ่งนัก” จวินหย่วนโยวเห็นด้วย
“ในมือทุกคนจะมีสามใบคะแนน ให้ใส่ไว้ด้านล่างขนมไหว้พระจันทร์ที่ตนชอบ จากนั้นรางวัลของผู้ที่ได้สิบอันดับแรกคือหนึ่งพันตำลึง อันดับที่11-20เป็นห้าร้อยตำลึง อันดับที่21-50คือหนึ่งร้อยตำลึง อันดับ51เป็นต้นไปจะได้รับรางวัลที่มาเข้าร่วมคือสิบตำลึง หากเด็กไม่ชอบเงิน สามารถเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าอาหารอย่างเช่นขนมได้” หยุนถิงประกาศ
ทุกคนพากันร้องเฮ ต่างพากันตั้งอกตั้งใจกันเต็มที่ แม้แต่เหล่าคนรับใช้ของจวนซื่อจื่อก็เข้าร่วมงานด้วยเช่นกัน
เทศกาลไหว้พระจันทร์เมื่อก่อนคือกินขนมไหว้พระจันทร์ จัดงานเลี้ยง น่าเบื่อจริงๆ หายากนักที่มีกิจกรรมมีความหมายเช่นนี้ ทุกคนต่างเต็มที่กันทั้งนั้น เริ่มต้นทำทันที
ไม่นาน บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยขนมไหว้พระจันทร์รูปร่างต่างๆ แปลกประหลาดมากมาย น่าสนใจยิ่งนัก
หลิงเฟิงยื่นสามใบคะแนนให้ทุกคน ถือเป็นการโหวต ทุกคนรีบเข้าไปเลือกทันที
“พี่ชาย ท่านว่าทุกคนจะชอบขนมที่ข้าทำหรือไม่?” จวินเสี่ยวเหยียนถาม
“มือที่สามคืออะไร?” องค์หญิงหกถามเสียงใส
คำพูดเดียวทำทุกคนฮาครืน จวินเสี่ยวเหยียนกำลังจะอธิบาย หยุนถิงตัดบทนางทันที “ความหมายของเสี่ยวเหยียนคือ มีเงินก็ต้องเก็บไว้ใช้เอง ไม่อย่างนั้นตนเองเก็บไว้ไม่กล้าใช้ สุดท้ายจะถูกคนอื่นถลุงเสียหมด”
องค์หญิงหกพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ
คนอื่นรับเงินแล้วก็ไปฉลองกัน มีแค่หยุนหลีที่ที่ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ “ข้าเป็นอันดับที่70 ได้แค่สิบตำลึง ขนมไหว้พระจันทร์ของข้าแย่ขนาดนั้นเลยรึ?”
“ไม่ใช่แน่นอน เจ้าทำน่ะดีที่สุดแล้ว” เสวี่ยเชียนโฉวปลอบใจ
“ท่านอาอย่าหลอกข้าเลย อันดับที่70เลยนะ ยังดีอีก ท่านคิดว่าข้าโง่หรอ” หยุนหลีย้อน
“ในสายตาข้า เจ้าดีที่สุด ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง” เสวี่ยเชียนโฉวพูดพลางจูงมือหยุนหลีออกไป
“ไปไหน?”
“ถึงแล้วเจ้าก็รู้เอง”
หยุนถิงมองดูเสวี่ยเชียนโฉวกับหยุนหลีออกไป มีแววยิ้มในแววตา หวังว่าครั้งนี้เสวี่ยเชียนโฉวจะทำสำเร็จ
ทุกคนเฉลิมฉลองต่อไป ทั่วทั้งจวนซื่อจื่อเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะครึกครื้น สนุกสนานยิ่งนัก มีความสุขกันมาก
ส่วนเสวี่ยเชียนโฉวก็พาหยุนหลีออกจากจวนซื่อจื่อ ขี่ม้าออกไป หยุนหลีมองเห็นจวนตระกูลหยุนตรงหน้า ก็ถามอย่างแปลกใจว่า “ท่านอา ท่านพาข้ากลับบ้านมาทำอะไรน่ะ?”
“ไม่ใช่กลับบ้าน” เสวี่ยเชียนโฉวจูงม้าผ่านจวนตระกูลหยุน มาหยุดลงที่คฤหาสน์เบื้องหน้าแห่งหนึ่ง
“ข้าซื้อที่นี่ไว้แล้ว ไว้เป็นบ้านใหม่ของเรา แบบนี้ต่อไปหากเจ้าจะกลับบ้านเดิมก็สะดวก” เสวี่ยเชียนโฉวพูด พลางอุ้มหยุนหลีลงจากม้า จูงมือนางเดินเข้าไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...