จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 1033

หยุนหลีตะลึงตัวแข็งค้าง มองมาอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “ท่านอา ท่านซื้อคฤหาสน์นี้รึ?”

“ใช่ไง ควรจะจัดการได้แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าคิดไม่รอบคอบเอง อยากอยู่กับเจ้าที่จวนตระกูลหยุน แต่หากพวกเราแต่งงานกันแล้วอยู่ที่นั่นก็ไม่สะดวกเท่าไหร่ หยุนเฉิงเซี่ยงเองก็คงประหม่าไม่ค่อยสบายใจด้วย

ไม่สู้พวกเรามีคฤหาสน์เอง หากเจ้าอยากกลับไป แค่ปีนข้ามกำแพงก็ถึงบ้านแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหยุนเฉิงเซี่ยงด้วย

พ่อแม่ของข้าเสียไปนานแล้ว แบบนี้ต่อไปหากพวกเรามีลูกกัน ก็ไปคลอเคลียรายล้อมหยุนเฉิงเซี่ยงได้ คนแก่น่ะชอบลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมืองที่สุดแล้ว”

เสวี่ยเชียนโฉวพูดไปพลาง จูงมือหยุนหลีเดินเข้าเรือนไปพลาง

เรือนนี้ไม่เหมือนเรือนของคนอื่นที่มีต้นไม้ใบหญ้าภูเขาปลอมสระน้ำ แต่กลับจัดวางอุปกรณ์อาวุธที่ใช้ฝึกซ้อมมากมาย

“ท่านอา การตกแต่งจัดวางนี้โดนใจข้านัก มีเป้ายิงธนูในระยะร้อยเมตร มีเวทีประลอง ดาบใหญ่กระบี่ยาวก็จัดวางเรียงตัวกันเป็นระเบีบบ แถมยังมีมีดบินอาวุธลับและเป้าปาอีก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ข้ารักที่สุดเลย!” หยุนหลีโห่ร้องอย่างลิงโลด ปล่อยมือเสวี่ยเชียนโฉววิ่งไปหยิบเล่นทันที

เสวี่ยเชียนโฉวยิ้มอย่างรักใคร่ “ของพวกนี้ออกแบบตามความชอบของเจ้าทั้งนั้น เจ้าชอบก็ดีแล้ว”

หยุนหลีซาบซึ้งใจยิ่งนัก หยิบธนูขึ้นมายิง แต่ไม่โดนใจกลางเป้า

“ท่านอา ข้ายิงไม่โดนกลางเป้า ฝีมือยิงธนูของข้าถดถอยแล้วใช่หรือไม่?” หยุนหลีหน้าเบ้ พูดอย่างผิดหวัง

“ฝีมือยิงธนูของเจ้าดีขนาดนั้น ไม่โดนกลางเป้าต้องไม่ใช่เพราะเจ้าแน่ ต้องเป็นเพราะตัวเป้ามีปัญหาแน่” เสวี่ยเชียนโฉวปลอบ

“ท่านอาของข้านี่ช่างเจรจาจริง” หยุนหลีพอใจยิ่งนัก

ทั้งสองเดินเข้าไปด้านในอีก ในสวนวางชิงช้าไม้ไว้หนึ่งอัน และสิ่งที่วาดไว้บนชิงช้าคือดอกต้นงิ้วที่หยุนหลีชอบมากที่สุด

หยุนหลีพุ่งเข้าไปหา และขึ้นไปนั่งเลย เสวี่ยเชียนโฉวเข้าไปช่วยผลักนางทันที

“ท่านอา นี่ท่านก็ให้คนทำรึ?”

“ไม่ใช่ ข้าทำเองกับมือ เมื่อก่อนเจ้าเคยบอกข้าว่า ชอบให้มีชิงช้าไว้ในสวน แบบนี้เวลาเจ้าอยากเล่นก็สามารถมาโหนได้ทุกเมื่อ” เสวี่ยเชียนโฉวอธิบาย

หยุนหลีซาบซึ้งจากใจ “ท่านอาท่านยังจำได้”

“แน่นอนอยู่แล้ว ทุกคำที่เจ้าพูดข้าจำได้เสมอ” เสวี่ยเชียนโฉวพูดอย่างเอาใจใส่

การจัดวางในห้องโถงและในห้องเป็นไปตามความชอบของหยุนหลีทั้งหมด โดยเฉพาะเตียงใหญ่ใบนั้น เหมือนกับที่จวนซื่อจื่อเลย

“นี่มันเตียงของพี่หญิงใหญ่?” หยุนหลีถามอย่างตกใจ

“เดิมข้าอยากขอแบบเตียงจากซื่อจื่อเฟย จะหาช่างไปทำ แต่ซื่อจื่อเฟยบอกว่าช่างปกติทำไม่ได้หรอก นางเลยให้คนส่งมาให้ด้วยตัวเอง”

“พี่หญิงใหญ่ข้า นางให้เตียงกับท่าน?” หยุนหลีประหลาดใจ

“ไม่ใช่ให้ข้า แต่เป็นให้กับเจ้า ซื่อจื่อเฟยส่งมาก็เพราะหวังให้เจ้านอนได้อย่างสบาย ข้ามิได้เกี่ยวข้องอันใดกับนาง หากไม่ใช่เจ้า นางไม่สนใจข้าดอก” เสวี่ยเชียนโฉวพูดอย่างรู้ตัวดี

“ฮะฮะ พี่หญิงใหญ่ดีกับข้าจริงๆ”

สุดท้ายหยุนหลีเห็นภาพวาดที่แขวนประดับไว้ในห้องหนังสือ ที่แขวนไว้มีแต่รูปตนเองทั้งนั้น ทั้งดีใจ สนุก กินอาหาร กลัดกลุ้ม โกรธ....

“พวกนี้คือ?” หยุนหลีตกใจมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนหลีเห็นท่านอาหัวเราะร่วนอย่างกับเด็กอย่างนี้

ท่านพ่อบอกว่าท่านอาไม่เลวเลย พี่หญิงใหญ่ก็บอกว่าท่านอาเป็นคนที่เหมาะจะฝากฝังชีวิตไว้ให้ พี่หญิงสามยิ่งบอกว่าท่านอาเป็นคนที่ดีกับตนมากที่สุดในโลก ในเมื่อคนมากมายต่างบอกว่าดี หยุนหลีก็ไม่อยากพลาดเหมือนกัน

วันนี้พอได้มาเห็นภาพวาดเป็นร้อยๆใบนี้ ยังมีสมบัติและความเชื่อใจของท่านอา หยุนหลีรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก เลยรับปากออกมา

ในสวนที่กว้างใหญ่เหลือเพียงเสียงเฮร้อง หัวเราะของคนสองคนดังไปมาไม่หายไป

ส่วนในวังหลวงต้าเยียน

ฮ่องเต้ได้รับจดหมายฉบับนั้น คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายตัดสินใจเรียกซวนอ๋องมา และยื่นจดหมายให้เขาดู “ซวนอ๋อง ท่านคิดว่าอย่างไร?”

โม่เหลิ่งเหยียนอ่านเนื้อหาในจดหมายด้วยสีหน้าเคร่งขรึมนัก “ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกว่านี่เป็นหลุมพราง อีกฝ่ายใช้หลีอ๋องมาข่มขู่ เจาะจงชื่อให้แม่ทัพหยุนไปช่วยคน จุดประสงค์ของมันคือแม่ทัพหยุนหรือไม่ก็ตระกูลหยุน”

“ข้าเองก็คิดว่าอย่างนี้ แต่ข้าคงไม่อาจไม่สนใจความปลอดภัยของหลีอ๋องได้กระมัง?” ฮ่องเต้บอก

“หลีอ๋องมิได้วู่วามอย่างเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ไม่ควรจะโดนคนจับตัวได้ง่ายดายขนาดนั้น จดหมายฉบับนี้ดูแล้วเหมือนจดหมายลับ มิได้ส่งข่าวมาอย่างเร่งร้อนจากชายแดนต้าเยียน เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ

หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง สายที่ชายแดนต้าเยียนไม่มีทางไม่รายงาน องครักษ์ลับของจวนซื่อจื่อและกระหม่อมก็ไม่ได้ส่งจดหมายกลับมา เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจทำแบบนี้

กระหม่อมคิดว่ารอสักหน่อยได้ ส่งคนไปแอบสืบที่ชายแดนอย่างลับๆ หากหลีอ๋องเกิดเรื่องจริง ย่อมต้องไปช่วยอยู่แล้ว แต่หากเป็นหลุมพรางของคนอื่น พวกเราก็ต้องรับมืออย่างระมัดระวัง

จดหมายฉบับนี้ดูเหมือนจะพุ่งเป้ามาที่แม่ทัพหยุน ตระกูลหยุน แต่หากพูดถึงภาพใหญ่ก็คือพุ่งเป้ามาที่ต้าเยียน พุ่งเป้ามาที่ฝ่าบาท หากเกิดเรื่องกับแม่ทัพหยุน จวนซื่อจื่อไม่มีทางนิ่งดูดายแน่ อาศัยโอกาสนี้ทำให้ฝ่าบาทเป็นศัตรูกับจวนซื่อจื่อ ถือเป็นผลเสียต่อต้าเยียนยิ่งนัก ดังนั้นขอฝ่าบาททรงตรึกตรองให้ดีเถิด” โม่เหลิ่งเหยียนวิเคราะห์อย่างสงบด้วยสีหน้าเข้มงวด

“ซวนอ๋องพูดถูก ข้าก็คิดว่าเรื่องนี้ดูไม่ชอบมาพากล ข้าส่งคนไปสืบที่ชายแดนแล้ว หวังว่าจะเป็นอย่างที่เจ้าพูดนะ” ฮ่องเต้พูดเสียงเนิบช้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ