จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 1034

“ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง!” โม่เหลิ่งเหยียนบอก

“วิธีในการปกครองแคว้นที่หลายวันนี้ข้าถกเถียงกับขุนนางราชสำนักเป็นอย่างไรบ้าง?” ฮ่องเต้ถามเสียงเนิบ

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมจับตาดูอยู่ตลอด ขุนนางทั้งหมดกำลังลงมือปฏิบัติ” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ

“แบบนี้ดียิ่งนัก”

เต๋อเฟยที่อยู่นอกตำหนักพอเห็นซวนอ๋องจากไป ก็พาสาวใช้เข้ามา “ข้าตุ๋นน้ำแกงมาให้ฝ่าบาท”

ซูกงกงรีบกลับไปรายงานทันที ไม่นานก็ให้เต๋อเฟยเข้าไป

“ฝ่าบาท หม่อมฉันตุ๋นน้ำแกงมา ถามหมอหลวงหลิวแล้ว บอกว่าน้ำแกงนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายพระองค์ หม่อมฉันเลยนำมา” เต๋อเฟยบอกพลางยกน้ำแกงเข้ามา

“ลำบากเจ้าแล้ว” ฮ่องเต้ยื่นมือมารับ พลางดื่มเข้าไป

“อืม รสชาติไม่เลว”

“หากฝ่าบาทชอบ หม่อมฉันตุ๋นให้ดื่มทุกวันเลยดีหรือไม่เพคะ?” เต๋อเฟยถาม

“ไม่ต้องหรอก ให้ห้องพระเครื่องต้นพวกนี้ไปทำก็ดีแล้ว เจ้าไม่ต้องทำของพวกนี้ดอก ฮองเฮาดูแลองค์ชายเจ็ดคนเดียวลำบากนัก หากเจ้าว่างก็มาช่วยนางดูแลเรื่องในวังหลังนะ” ฮ่องเต้พูดเสียงเนิบช้า

“ฝ่าบาทรับสั่งถูกแล้ว หม่อมฉันจะต้องช่วยแบ่งเบาภาระให้ฮองเฮาแน่ เช่นนั้นหม่อมฉันมิรบกวนฝ่าบาทแล้วนะเพคะ” เต๋อเฟยพูดจบก็ถวายบังคมอย่างนอบน้อมและออกไป

พอเต๋อเฟยออกจากห้องบรรทมของฮ่องเต้ เดินออกมาไกลมาก สองมือขย้ำผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าบูดบึ้งยิ่งนัก

“เหนียงเหนียง ฝ่าบาททรงให้ท่านช่วยฮองเฮาแบ่งเบาดูแลเรื่องในวังหลัง เป็นเรื่องดีนะเพคะ” สาวใช้บอกอย่างยินดี

“เจ้าจะรู้อะไร ฝ่าบาทแค่สงสารฮองเฮาเท่านั้น สตรีชาวบ้านคนหนึ่งได้นั่งในตำแหน่งฮองเฮาก็น่าขบขันพอแล้ว ฝ่าบาทกลับโปรดปรานนางถึงเพียงนี้ น่าแค้นใจนัก” เต๋อเฟยบอกอย่างเคียดแค้น หมุนตัวจากไป

สาวใช้ตกใจมาก รีบตามไปทันที

แต่กลับไม่รู้เลยว่า คำพูดของทั้งสองโดนเซียวผินที่ผ่านมาพอดีได้ยินเข้า ดวงตานางมองตามเต๋อเฟยที่จากไปอย่างครุ่นคิด พลางหมุนตัวจากไป

“เหนียงเหนียง เต๋อเฟยเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของไท่จื่อ ระยะนี้มักจะวิ่งมาเข้าเฝ้าฝ่าบาททุกสามถึงห้าวัน พวกเราจะ....” มามาคนสนิทข้างกายเอ่ยเตือน

เซียวผินสีหน้าราบเรียบดุจสายน้ำ “ไม่ต้อง ถึงไท่จื่อจะจิตใจดีมีเมตตา แต่ก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ไม่ได้ ขนาดข้ายังดูออกเลย คนอื่นมีหรือจะดูไม่ออก

ฝ่าบาททรงสนใจฮองเฮาที่สุด หากลูกชายของนางเกิดเร็วกว่านี้หลายปี ใครจะได้เป็นไท่จื่อยังไม่แน่ดอก เต๋อเฟยย่อมไม่มีทางยอมเห็นตำแหน่งลูกชายตนเองโดนแย่งไปหรอก ดังนั้นพวกเราแค่รอดูละครก็พอ”

“เหนียงเหนียงปรีชายิ่ง!” มามาคนสนิทเลื่อมใสนัก

อีกด้านหนึ่ง ซวนอ๋องโม่เหลิ่งเหยียนออกจากวัง ไม่ได้กลับจวนตัวเอง แต่กลับมุ่งตรงไปยังจวนซื่อจื่อ

โม่เหลิ่งเหยียนเล่าเรื่องที่ฝ่าบาทบอกเขาเมื่อครู่กับจวินหย่วนโยวและหยุนถิง

หยุนถิงสีหน้าเคร่งเครียด “อีกฝ่ายเป็นใคร รู้ฐานะเขาหรือไม่?”

โม่เหลิ่งเหยียนส่ายหัว “จดหมายฉบับนั้นไม่ได้ลงชื่อไว้ เป็นแค่จดหมายลับที่ส่งมา คนส่งจดหมายก็จากไปนานแล้ว แต่ข้าสังเกตกระดาษแผ่นนั้น น่าจะเป็นกระดาษหมาเจวียนที่มีเฉพาะในแคว้นเทียนจิ่ว แต่กระดาษแผ่นนั้นดูธรรมดามาก คนทั่วทั้งแคว้นเทียนจิ่วล้วนใช้กันหมด เลยสืบหาได้ไม่ง่ายนัก”

“ในเมื่อเป้าหมายของอีกฝ่ายคือหยุนไห่เทียน งั้นพวกเราก็เล่นตามแผน ส่งหยุนไห่เทียนไปก็ได้แล้วนี่” จวินหย่วนโยวพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

หยุนถิงถึงบางอ้อ “ความหมายของท่านพี่คือ?”

จวินหย่วนโยวพยักหน้า “ให้คนปลอมใบหน้าเป็นหยุนไห่เทียน จัดการจับปูใส่กระด้งให้อยู่หมัดเลย”

“ท่านพี่เก่งมาก แต่เรื่องนี้ต้องทำอย่างระมัดระวัง ข้าจะไปถามพี่ใหญ่ดู ดูว่าเขาเป็นศัตรูกับใครในแคว้นเทียนจิ่วบ้าง หากรู้ฐานะอีกฝ่ายก็จะเตรียมรับมือได้ง่ายขึ้นมากเลย” หยุนถิงตอบ

หากมิใช่เหล่าทหารโดนลอบกัด ก็มีคนโจมตีกลางดึก แถมยังอาศัยตอนพวกเขาไม่ทันระวังมาเผาคลังเสบียงเสียอีก ที่ชั่วร้ายที่สุดคือโม่ฉือหานพาคนสืบอยู่หลายครั้ง และจับคนได้ไม่น้อย แต่อีกฝ่ายล้วนกัดลิ้นกินยาพิษตายหมด สืบไม่รู้เลยว่าใครคอยก่อกวนอยู่เบื้องหลัง

“ไม่ว่าจะเป็นใคร ข้าจะจับมันสับเป็นหมื่นๆชิ้นให้ได้!” โม่ฉือหานตะคอกอย่างเดือดดาล มุ่งตรงไปยังห้องขังหลังเขาทันที “ใครก็ได้ อัดคนเหล่านี้ให้เละ หากพวกมันยังไม่ยอมสารภาพคนอยู่เบื้องหลังอีก จับพวกมันสับให้ยับซะ!”

“ขอรับ!”

ทหารสิบกว่าคนพุ่งเข้ามา จัดการฟาดแส้ใส่โจรพวกนั้นอย่างแรง

ฉีเทียนเจียวได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของลูกน้อง ก็เดือดดาลยิ่งนัก “เจ้าสารเลว แน่จริงมาทำข้าสิ สั่งสอนพวกเขามีประโยชน์อะไร แน่จริงเจ้าก็ฆ่าข้าสิ”

โม่ฉือหานเตะประตูคุกเปิดออกอย่างเคียดแค้น ปราดร่างเข้าไป คว้าหมับคอหอยฉีเทียนเจียว “ใครลอบกัดข้ากันแน่ หากเจ้ายังไม่ยอมพูดความจริงอีก ข้าไม่รังเกียจที่จะส่งเจ้าลงนรก!”

ฉีเทียนเจียวบอกด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ต่อให้เจ้าฆ่าข้า ข้าก็ไม่บอกเจ้าหรอก!”

โม่ฉือหานเคียดแค้นยิ่งนัก มือที่จับคอหอยฉีเทียนเจียวออกแรงอย่างหนัก ฉีเทียนเจียวรู้สึกหายใจลำบาก และยกมือขึ้นผลักโม่ฉือหานในบัดดล แต่โม่ฉือหานโดนความเคียดแค้นและเดือดดาลทำสติหลุดแล้ว เลยบีบคออย่างแรง

ไม่นาน เพราะหายใจลำบาก ฉีเทียนเจียวเลยสลบลงไป โม่ฉือหานสะบัดนางออกอย่างรังเกียจ

ทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างลนลาน “ท่านอ๋อง แย่แล้ว มีคนมาลอบโจมตีอีกแล้ว!”

รังสีอำมหิตทั่วตัวของโม่ฉือหานค่อยๆแผ่ซ่าน “มาได้เวลาพอดี ครั้งนี้ข้าจะให้พวกมันมาได้กลับไม่ได้” พูดจบก็ออกไปฆ่าฟันพร้อมกับองครักษ์

ฉีเทียนเจียวที่สลบอยู่ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่รู้สึกว่าหนวกหูมากนัก นางลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง และเห็นคนชุดดำกลุ่มหนึ่งกำลังฆ่าลูกน้องของนาง

“นายท่านมีคำสั่ง ฆ่าให้หมดอย่าให้เหลือ!” คนชุดดำแค่นเสียงเย็น กระบี่ในมือฟาดฟันลงไป

ฉีเทียนเจียวอึ้งบื้อไปเลย ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ พวกเขามิใช่ควรมาช่วยตนกับเหล่าพี่น้องรึ ทำไมมาฆ่าคนปิดปากเล่า?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ