จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 121

จวินหย่วนโยวที่กำลังนั่งวาดภาพอยู่มิรู้ถึงความคิดของหยุนถิง แต่การจูบกันเมื่อครู่ทำให้เขาเองก็นอนมิหลับ เขาตั้งใจว่าจะวาดภาพนี้ให้เสร็จก่อนที่จะเดินทางไปเทศกาลดอกท้อ

“อ้อจริงสิ พ่อบ้านบอกกับข้าว่าวัวนมถูกส่งมาหลายร้อยตัวจากทั้งสี่แคว้น ข้าสั่งให้คนส่งไปเลี้ยงที่ทุ่งหญ้าชานเมืองแล้ว” จวินหย่วนโยวกล่าว

“ว่องไวเพียงนี้เชียว ขอบใจซื่อจื่อมาก ดูเหมือนเราจำเป็นจะต้องจ้างคนงานแล้ว ก่อนหน้านี้คนเรามีน้อยเหลือเกิน คงจะจัดการมิไหว” หยุนถิงกล่าว

“เรื่องนี้ข้าจัดการแล้ว คาดว่ากำลังคนจากที่นั่นคงจะเริ่มทำงานแล้วละ”

“โอ้โห ซื่อจื่อช่างละเอียดใส่ใจเหลือเกิน ข้าประทับใจยิ่งนัก! จุ๊บๆ” หยุนถิงส่งจูบไปทางเขา

จวินหย่วนโยวเผยท่าทีรอยยิ้มออกมาแล้วถามว่า “ต่อจากนี้เจ้ามีแผนใด?”

“ข้าตั้งใจจะร่วมมือกับองค์ชายสี่เพื่อเปิดร้านขายไก่ทอด เมื่อถึงเวลานั้นเราสามารถขายชานม โยเกิร์ต และขนมหวานอื่นๆ ได้ด้วย แต่จะต้องแตกต่างจากโรงเตี๊ยม มิอย่างนั้นอาจจะแย่งลูกค้ากันได้” หยุนถิงตอบอย่างตั้งใจ

“เจ้าอยากทำอะไรก็ทำเถิด หากต้องการความช่วยเหลือก็จงบอก”

“ซื่อจื่อท่านช่างดียิ่งนัก เหตุใดข้าจึงได้พบสามีที่ดีอย่างเจ้า” หยุนถิงกล่าวด้วยความรู้สึกตื้นตันใจแล้วเดินเข้ามากอดจวินหย่วนโยว

มุมปากของจวินหย่วนโยวยิ้มขึ้น สายตาของเขาเหลือบไปเห็นโบสีแดงที่มัดไว้ตรงคอของนาง

เขาขมวดคิ้วเขาเล็กน้อยแต่มิได้เอ่ยถามสิ่งใดไปมากกว่านี้

“ซื่อจื่อ เช่นนั้นจงวาดภาพของเจ้าต่อไปเถอะ ข้าจะไปคิดเสียหน่อยว่าร้านขายไก่ทอดเราขายอะไรได้บ้าง” หยุนถิงปล่อยมือออกจากเขา

หยุนถิงหยิบปากกาและกระดาษออกมา ใส่รายการอาหารทั้งหมดที่ขายในแฟรนไชส์ของร้านอาหารในยุคปัจจุบัน จากนั้นนางก็เลือกในสิ่งที่คิดว่าจะทำได้ หวังว่าวันพรุ่งนี้จะไปสนทนากับองค์ชายสี่

จวินหย่วนโยวที่กำลังนั่งวาดภาพอยู่บริเวณมิไกลออกไป เงยหน้าขึ้นมองดูหยุนถิง เมื่อเห็นว่านางเขียนลงไปบนกระดาษท่าทางดูจริงจังยิ่งนัก รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่ดวงตาของเขา

ค่ำคืนมาถึงโดยมิรู้ตัว

หยุนถิงอ้าปากหาวตั้งใจจะเดินไปที่เตียง “ซื่อจื่อ พักผ่อนเถอะ”

“อืม” จวินหย่วนโยววางพู่กันลงแล้วทำการล้างมือถอดเสื้อคลุมตัวนอกตั้งใจจะเป่าตะเกียงให้ดับ

“ซื่อจื่ออย่าเพิ่งปิดไฟ ข้ามีบางอย่างจะให้เจ้าดู” หยุนถิงพูดขึ้นด้วยท่าทางซุกซน

“มีอะไรงั้นหรือ?” จวินหย่วนโยวเดินตรงเข้ามา จากนั้นหยุนถิงก็ถอดเสื้อคลุมภายนอกออก ร่างที่สวมชุดบิกินีสีแดงปรากฏอยู่ตรงหน้าของจวินหย่วนโยว

ผ้าสีแดงนั้นช่างกระตุ้นสายตาของผู้ที่มองเห็นเหลือเกิน

ผิวขาวผ่องดุจดั่งหิมะ ตัดกับผ้าสีแดงอันร้อนแรง เนื้อผ้าค่อนข้างบางและสั้น ปิดเฉพาะจุดสำคัญของร่างกาย วิธีการสวมใส่อันกล้าหาญเช่นนี้ ทำให้จวินหย่วนโยวที่มองเห็นเข้าถึงกับหัวใจเต้นแรงโครมครามเลือดกระฉูดไปทั่วร่างกาย ใบหน้าอันหล่อเหลาและเย็นชาของเขาตื่นตระหนกจนลืมปฏิกิริยาที่ควรตอบสนอง

ท่ามกลางแสงเทียนสลัว มืดมัวเล็กน้อยแต่ช่างเย้ายวนน่าตื่นเต้นมิเบา ประกอบกับใบหน้าอันงดงามของนางมองไปดุจดั่งนางฟ้าตัวน้อยผู้ยั่วยวนใจ

ใบหน้าของจวินหย่วนโยวแดงเรื่อไปถึงลำคอ มือของเขามิรู้จะทำอย่างไรและตื่นตระหนกเล็กน้อย

นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนถิงเห็นซื่อจื่อผู้ที่แม้แต่ฟ้าถล่มดินทลายก็มิเปลี่ยนสีหน้า บัดนี้หน้าและลำคอกลับแดงเรื่อราวกุ้งต้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งลำคอและหลังหูของเขาแดงจนยากจะบรรยาย มิใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้เห็นท่าทางซื่อจื่อเขินอายเช่นนี้จะว่าไปก็น่าสนใจมิน้อย

หยุนถิงตั้งใจบิดเอวเล็กน้อยกล่าวว่า “ซื่อจื่อ ข้าสวมชุดเช่นนี้แล้วงามหรือไม่เจ้าชอบหรือไม่?”

บัดนี้จวินหย่วนโยวจึงได้สติกลับคืนมาแล้วรีบหันหน้าไปทางอื่น สายตาของเขามองไปที่ด้านข้างแล้วรีบนำผ้าห่มนวมมาคลุมร่างกายของหยุนถิงเอาไว้ คลุมแม้กระทั่งศีรษะของนาง

“อ้าก ซื่อจื่อ ทำอะไรเนี่ย!”

จวินหย่วนโยวตรงไปที่เชิงเทียนแล้วเป่าให้เทียนดับลงทันใดโดยมิครุ่นคิด

เขาชื่นชอบหยุนถิง หรือเรียกได้ว่ารักนาง แน่นอนว่าเขาอยากจะอยู่กับนางไปตลอดชีวิต แต่จวินหย่วนโยวก็รู้ถึงร่างกายของตนเองดี เขามิอยากทำให้หยุนถิงต้องอยู่เป็นหม้ายเพียงลำพังเมื่อเขาจากโลกนี้ไป

ด้วยเหตุนี้เองทุกครั้งที่ทั้งสองคนใกล้ชิดกัน เมื่อถึงวินาทีสำคัญเขาก็สามารถยับยั้งตนเองไว้ได้

เขามิอาจเห็นแก่ตัวและทำร้ายชีวิตของหยุนถิงไปทั้งชีวิตได้

แต่ในขณะนี้ทันทีที่คำพูดหยอกล้อของหยุนถิงกล่าวออกมา ความตึงเครียดของจวินหย่วนโยวที่แทบจะทนมิไหวก็ขาดสะบั้น ท่ามกลางความมืด รูม่านตาของเขาแคบลง ดวงตาเป็นสีแดงเรื่อราวกับสัตว์ดุร้ายที่กำลังวิ่งอยู่ในทุ่งหญ้า ลมหายใจเข้าทวีคูณแรงขึ้น

ความเร่าร้อนจากดวงตาเพิ่มเติมความเสน่หาแทรกซึมไปทั่วอย่างมิอาจปิดบัง

แม้จะอยู่ท่ามกลางความมืด แต่หยุนถิงก็สัมผัสได้ถึงการจ้องมองของแววตาจวินหย่วนโยว ทำให้นางเองก็รู้สึกประหม่าอย่างอธิบายมิถูก

ดูเหมือนว่านางจะเล่นเกินไปแล้ว

“ซื่อจื่อ เมื่อครู่นี้ข้าเพียงแกล้งเจ้าเล่น บัดนี้ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อเสีย” หยุนถิงรีบดึงผ้าห่มออก

แต่กลับถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้จวินหย่วนโยว กอดนางและผ้าห่มเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างรุนแรง “ฮูหยินรู้หรือไม่ว่านี่กำลังเล่นกับไฟ?”

น้ำเสียงอันแหบแห้งต่ำทุ้มเต็มไปด้วยความกำกวม ทั้งสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมากจนหยุนถิงสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่พ่นออกมาของเขา

มันร้อนและจักจี้ทำให้หัวใจของนางดูตึงเครียดไปด้วย

เมื่อเห็นว่าจวินหย่วนโยวที่ตามปกติมักจะเป็นคนจริงจังเสมอ บัดนี้น้ำเสียงของเขาชั่วร้าย ผสมผสานกับคำกำกวม ทำให้ดูเหมือนกับสัตว์ร้ายที่อยู่ในทุ่งหญ้าซุ่มเงียบกำลังจะจับเหยื่อ ความเงียบงันนี้ทำให้แม้แต่หยุนถิงเองก็รู้สึกกลัว

“ซื่อจื่อ ข้าผิดไปแล้ว ข้ามิควรแกล้งท่านเล่น นับแต่นี้ข้าจะมิแต่งตัวเช่นนั้นอีก” หยุนถิงร้องขอความเมตตา

วินาทีต่อมาจวินหย่วนโยวก็ดึงผ้าห่มออก แล้วกดนางเอาไว้ได้ร่างกายของเขา ท่าทางอันแข็งแกร่งนั้นประกอบกับน้ำเสียงดึงดูดดั่งแม่เหล็กลอยดังมาว่า “มิได้ เจ้าแต่งกายเช่นนี้น่ามองนัก เพียงแต่จากนี้ไปเจ้าสวมใส่ต่อหน้าข้าได้เท่านั้น” เมื่อกล่าวจบเขาก็ก้มลงบรรจงจูบไปที่ริมฝีปากของหยุนถิง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ