จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 122

หยุนถิงตัวแข็งทื่อ ริมฝีปากของนางรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ทำให้นางอดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน

ในขณะนี้จวินหย่วนโยวมิได้อ่อนโยนทะนุถนอมนางเหมือนเมื่อก่อน ท่าทีของเขาค่อนข้างหยาบกระด้างถูกความโหดเหี้ยมครอบงำเล็กน้อย ดูเหมือนกับสัตว์ร้ายที่มิอาจควบคุมตนเองได้ พยายามจะดิ้นหลุดจากพันธนาการ

นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนถิงเห็นจวินหย่วนโยวด้วยท่าทางเช่นนี้ ตามปกติแล้วซื่อจื่อมักดูสงบ ท่าทีเช่นนี้ของเขาที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นแข็งแกร่งขึ้น ทำให้นางหวาดกลัวแต่ก็เต็มไปด้วยความหวังเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้จวินหย่วนโยวมักจะปฏิบัติต่อนางอย่างสุภาพอ่อนโยน และพยายามระงับตนเองเอาไว้ หยุนถิงรู้มาโดยตลอด

เขาระมัดระวังมากเกินไปและแบกรับสิ่งต่างๆ ไว้มากเกินไป มีความกดดันจริงจังตลอดมา ตลอดหลายปีมานี้เขาคนเดียวต้องรับผิดชอบจวนซื่อจื่อ เขาแบกรับชีวิตของผู้คนมากมาย เขาเหนื่อยเหลือเกิน ดังนั้นหยุนถิงจึงปวดใจแทนเขา

แต่จวินหย่วนโยวที่ทรงพลังดุดันเช่นนี้ จึงจะเป็นอย่างที่เขาควรเป็น

แม้ว่าริมฝีปากของนางจะเจ็บเล็กน้อย แต่หยุนถิงก็ค่อนข้างตั้งหน้ารอคอย นอกจากความประหลาดใจแล้วนางก็กลัว ท่าทางของซื่อจื่อดุจดั่งหมาป่า นางรู้สึกประหม่า

เป็นจริงดังนั้น นางมิควรเล่นกับไฟ มิอย่างนั้นจะลุกลามมาที่ตนเอง

ส่วนด้านจวินหย่วนโยวนั้นก็จุมพิตหยุนถิงไปทุกซอกมุม เขาใช้แรงมากกว่าแต่ก่อนราวกับมิสามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เขามิอยากสนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว วินาทีนี้เขาอยากจะทะนุถนอมนางเอาไว้ให้ดี

ทั้งสองกอดจูบกัน ท่ามกลางความมืดมิดนี้หัวใจของพวกเขาสั่นคลอนและเหนื่อยหอบ

เนื่องจากหยุนถิงสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น มือของจวินหย่วนโยวจึงได้สัมผัสกับผิวของนางโดยบังเอิญ ความร้อนนั้นส่งผ่านมา ทำให้เขาคลั่งไคล้มากขึ้น

ชีวิตนี้หยุนถิงคือสตรีคนเดียวที่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงได้ และเขารักนางเพียงแค่คนเดียว ด้วยเหตุนี้จวินหย่วนโยวจึงสัญญาว่าจะใช้ชีวิตของตนในการปกป้องนางในทุกๆ ด้าน

เดิมทีผู้ที่ตั้งใจจะอยู่จนโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิตอย่างเขา เมื่อหยุนถิงปรากฏตัวขึ้นทำให้เขารับรู้ได้ถึงความอบอุ่นในโลกนี้รับรู้ได้ถึงความห่วงใยเป็นกังวล ให้เขารู้ว่ายังมีใครคนหนึ่งที่เป็นห่วงและรักเขา

ความรู้สึกเช่นนี้มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน เขารู้สึกเศร้า มีความสุข สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับมัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวหยุนถิงในค่ำคืนนี้นางช่างกล้าหาญมากเหลือเกิน ทั้งที่รู้ว่ากำลังยั่วยุตน แต่จวินหย่วนโยวก็มิอาจควบคุมตนเองได้

หรืออาจกล่าวได้ว่าเขาเองก็อยากมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่านี้กับนาง บางทีจวินหย่วนโยวมิอยากจากระงับความต้องการเอาไว้แล้ว สตรีที่งดงามไร้ที่ติเพียงนี้ จวินหย่วนโยวมิอยากจะปล่อยให้นางผ่านไป

ค่ำคืนนี้เขาต้องการเป็นตัวเอง เป็นตัวตนเดิมของเขา

เมื่อห้วงอารมณ์มาถึงจุดสูงสุด จวินหย่วนโยวก็ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้หูของหยุนถิงกล่าวว่า “หยุนถิง ชีวิตนี้ข้าจะรักและทะนุถนอมเจ้า และจะมีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น”

ท่ามกลางความรู้สึกงุนงงด้วยการครอบครองของจวินหย่วนโยว ทำให้หยุนถิงสูญเสียความคิดและสติไป ปล่อยให้เขากระทำตามอำเภอใจ

ภายในห้องที่มืดสนิท เหลือเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองที่ดูหอบเหนื่อยและเสียงร้องขอความเมตตาจากสตรี เป็นเวลาเนิ่นนานก็มิมีทีท่าจะหยุดลง

องครักษ์เงามังกรที่คุ้มกันอยู่ด้านนอกต้องทนทรมานอยู่ทั้งคืน ซื่อจื่อของพวกเขาช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน เขาทรมานนาง ตลอดหนึ่งคืนมิพัก

ใครบอกว่าร่างกายของซื่อจื่ออ่อนแอ ใครบอกว่าซื่อจื่อของพวกเขามิแข็งแรงพอ ความเคลื่อนไหวอันรุนแรงเหล่านี้ แม้แต่องครักษ์เงามังกรเช่นพวกเขาที่ได้รับการฝึกฝนมานานแรมปีก็ยังต้องรู้สึกละอายใจ

“ซื่อจื่อช่างดุดันเหลือเกิน ร่างกายของฮูหยินบอบบางเพียงนั้นจะทนได้อย่างไร” หลงเอ้ออดมิได้ที่จะบ่นออกมา

“เจ้าพูดประโยคนี้ก็มิถูก มิแน่ว่าฮูหยินอาจจะชื่นชอบ เรื่องแบบนี้ยิ่งชายเราแข็งแกร่งเพียงใด สตรีก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขเท่านั้น” หลงซื่อโต้กลับ

“แหม พูดราวกับว่าเจ้าเข้าใจอย่างนั้นละ เจ้าไปแอบกินมาตั้งแต่เมื่อไรเล่า?” หลงเอ้อเหลือบตามองเขา

“ข้ามิเคยกินหมู แต่คิดว่ามิเคยเห็นหมูมาก่อนหรือไรกัน? เจ้ามิเห็นหรือว่าในซ่องโสเภณีก็ล้วนเป็นเช่นนี้!” หลงซื่อตะคอกกลับ

“เจ้าเคยไปซ่องโสเภณีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เหตุใดข้ามิรู้เรื่อง เจ้ากล้าไปที่ซ่องโสเภณีเพื่อสืบข้อมูล? ความสามารถมิเบานะหลงซื่อ” หลงซานพูดขึ้นติดตลก

สีหน้าของหลงซื่อมืดมนทันใด “อย่าได้ไร้สาระไป ใครไปแอบสืบข้อมูลกันเล่า ก่อนหน้านี้ข้าออกไปปฏิบัติภารกิจ บังเอิญ ไปจับผู้คนที่ซ่องโสเภณีและได้ยินเรื่องนี้ต่างหาก!”

“เอาละๆ หุบปากกันได้แล้ว คืนนี้ทุกคนตั้งใจทำงานเข้า อย่าให้ผู้ใดเข้าไปขัดจังหวะอันดีงามของซื่อจื่อได้” หลงยีออกคำสั่ง

ในวันนี้นางงามลั่วสวมชุดดุจดั่งนางฟ้าสีแดงกุหลาบ คลุมด้วยกระโปรงผ้าสีม่วงสง่างามเรียบร้อย แตกต่างจากวันปกติที่นางแต่งกายโดยสิ้นเชิง

แม้ว่าใบหน้านั้นจะมิได้งดงามไร้ที่ติดังเมื่อก่อน แต่ก็ฟื้นตัวได้มิเลว เรียกได้ว่าดีกว่าอยู่ในเรือนเย็นหลังนั้น

เมื่อนางงามลั่วถูกปล่อยออกมา นางได้ใช้ซุปโสมและยาบำรุงทุกชนิดเพื่อฟื้นฟูตนเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากมิมีชายใดชื่นชอบสตรีอัปลักษณ์

ขณะนี้แม้ว่าใบหน้าของนางงามลั่วจะยังคงซีดเซียว แต่สีหน้าโดยรวมก็ดีขึ้นมาก องค์ประกอบบนใบหน้าของนางดีขึ้นมิน้อย นางสวมชุดกระโปรงยาวเรียบง่ายสง่างาม ท่าทางอ่อนแอด้วยความเจ็บป่วย แต่ก็ทำให้ผู้พบเห็นอยากที่จะเข้าไปปกป้อง

แววตาของโม่ฉือหานเหลือบมองไปทางนางอย่างเย็นชา “มานี่สิ”

นางงามลั่ว “เจ้าค่ะ”

เหลยถิงเดินออกจากห้องไปอย่างรู้เท่าทัน และมิลืมที่จะปิดประตูลงกลอนให้

นางงามลั่วเดินถือน้ำชาเข้าไปแล้วป้อนให้โม่ฉือหานด้วยตนเอง

โม่ฉือหานก็มิได้รังเกียจนาง นางงามลั่วอยู่รับใช้ข้างกายเขามาหลายปี แน่นอนว่านางรู้ดีถึงความชื่นชอบของเขา และชาโสมนี้ เขาชื่นชอบกินมันที่สุด

โม่ฉือหานดื่มน้ำชา มือของเขาข้างหนึ่งดึงนางงามลั่วมาไว้ในอ้อมกอด เนื่องจากเขาออกแรงเล็กน้อย จึงทำให้น้ำชาในมือนางงามลั่วร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน

นางงามลั่วตกใจจนแทบจะคุกเข่าลงสู่พื้น แต่กลับถูกโม่ฉือหานกุมตัวเอาไว้ในอ้อมแขน มืออันหนาใหญ่ของเขาผลักนางให้ไปอยู่บนโต๊ะตรงหน้า จากนั้นแนบกายของตนทับร่างของนาง

เมื่อความคลั่งไคล้เข้ามาครอบงำ เขาจูบนางอย่างบ้าคลั่งอย่างมิอาจปฏิเสธเขาได้เลย

นางงามลั่วรู้สึกตกใจ แต่ในใจลึกๆ ก็ช่างมีความสุขเหลือล้น

นางคิดว่าท่านอ๋องจะมิแตะต้องตัวนางแล้วเสียอีก คาดมิถึงว่าท่านอ๋องยินดีจะปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ดังเดิม นางงามลั่วรู้สึกตื่นตาตื่นใจและตื่นเต้น นางตอบสนองหลีอ๋องด้วยการส่งเสียงครางออกมาอย่างน่าหลงใหล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ