จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 128

“จะว่าไปก็จริงดังนั้น คนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้ดีว่าท่านอ๋องรักและทะนุถนอมคุณหนูหยุนเพียงใด” ฮูหยินโจวกล่าวขึ้นอย่างเขินอาย

“ฮูหยินมิจำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอก น้ำใจนี้ข้ารับไว้แล้ว” หยุนถิงตอบกลับอย่างสุภาพ

โจวคุนเฉิงได้สั่งให้พ่อบ้านนำสิ่งของเข้ามา ในหีบกล่องผ้าใบเล็กบรรจุโฉนดที่ดินและกุญแจเอาไว้ ส่วนกล่องใหญ่บรรจุทองแท่งมูลค่าหนึ่งหมื่นตำลึง

“คุณหนูหยุน นี่คือโฉนดที่ดิน เรือนหลังนี้ข้าซื้อเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว มิได้นับว่าห่างไกลเท่าไร อยู่สุดของถนนฝั่งตะวันตก หลายปีมานี้แม้มิได้มีคนไปพักอาศัย แต่ก็ได้ส่งคนไปทำความสะอาดเสมอ ข้างในจึงสะอาดสะอ้าน” โจวคุนเฉิงกล่าวอย่างเคารพ

“ขอบใจมาก” หยุนถิงตอบ จากนั้นให้หลงเอ้อเก็บของก่อนจะเดินทางจากไป

จวบจนกระทั่งพวกเขาไปแล้ว คุณชายใหญ่ตระกูลโจวจึงได้กล้าเอ่ยปากขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ อีกสามวันนี้ข้าจะสามารถรักษาหายได้จริงหรือ?”

“แน่นอนว่าจริง ทักษะด้านการรักษาของคุณหนูหยุนโด่งดังสักเพียงไรมิรู้หรือ ก่อนหน้านี้นางทำให้ซูชิงโยวผู้เสียโฉมสามารถรักษาจนหายได้ ประโยคนี้ของเจ้าช่างขัดแย้งกับความจริงนัก อย่าได้คิดอะไรไปมากเลย แต่ละวันจงกินยาที่คุณหนูหยุนทิ้งไว้ให้จนครบถ้วนก็พอ” ฮูหยินโจวกล่าวปลอบโยนเขา

“ขอรับ ลูกฟังท่านแม่” คุณชายใหญ่ตระกูลโจวรู้สึกตื้นตันใจ

โจวคุนเฉิงมองไปยังยานั้น เขาเก็บเอาไว้หนึ่งหลอดแล้วสั่งให้ฮูหยินนำไปรักษาไว้ให้ดี เขาเดินนำยาไปที่ห้องโถงด้านข้าง

ในใจของโม่ฉือหานเป็นเดือดร้อนกังวลยิ่ง มิรู้ว่าสถานการณ์ของคุณชายใหญ่ตระกูลโจวเป็นอย่างไรบ้าง แต่เขาก็มิอาจปรากฏตัวให้หยุนถิงเห็นได้ มิอย่างนั้นหากนางรู้ว่าเขามีเรื่องต้องการให้ช่วยเหลือ ก็คงจะหยิ่งผยองยิ่ง

เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น โม่ฉือหานก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “เข้ามา!”

โจวคุนเฉิงเดินตรงเข้ามากล่าวว่า “ท่านอ๋อง คุณหนูหยุนจากไปแล้ว”

“คุณชายใหญ่ตระกูลโจวเป็นอย่างไรบ้าง?”

“คุณหนูหยุนกล่าวว่าทุกวันในตอนกลางวันให้กินยานี้ที่นางทิ้งไว้ให้เป็นเวลาสามวันก็จะรักษาให้หายได้” โจวคุนเฉิงยื่นยาไปให้ด้วยความเคารพ

ดวงตาของโม่ฉือหานอันลึกล้ำดูเป็นประกายตื่นเต้น “เรื่องจริงงั้นหรือ?”

“ทูลท่านอ๋อง ข้าน้อยมิกล้ากล่าววาจาเท็จแน่ และยิ่งมิกล้าที่จะปิดบังเรื่องใด คุณหนูหยุนกล่าวเช่นนั้น”

“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!” โม่ฉือหานมองไปยังยาหลอดนั้นด้วยท่าทีอันตื่นเต้น

มิว่าจะเป็นรูปร่างหรือสีก็ล้วนพิเศษยิ่ง เขามิเคยเห็นยาเช่นนี้มาก่อน และคิดมิถึงว่าเจ้าสิ่งนี้จะทำให้ผู้คนหายจากอาการเจ็บป่วยได้ นี่ช่างเป็นข่าวดียิ่งนัก

“ยานี้ข้าจะนำไปที่พระราชวังหลวง ให้หมอหลวงศึกษาดูสักหน่อย หากสามารถผลิตได้ในปริมาณมาก จากนี้ก็มิจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากหยุนถิงอีก” โม่ฉือหานกล่าวอย่างตื่นเต้น

โจวคุนเฉิงท่าทีแข็งทื่อ เขามิสนใจว่าจะเป็นการขัดใจท่านอ๋องหรือไม่ ได้แต่รีบคว้ายาในมือของเขามาทันที “ท่านอ๋องโปรดให้อภัย กระหม่อมมิอาจให้ท่านทำเช่นนี้ได้”

“โจวคุนเฉิง เจ้ากล้ายิ่งนัก ปฏิเสธข้างั้นหรือ?” ใบหน้าของโม่ฉือหานดูเย็นชามิพอใจ

“ท่านอ๋องโปรดอภัยเถิด” กระหม่อมมีเพียงบุตรชายแค่คนเดียว เขาคือความหวังของตระกูลโจวเรา กระหม่อมขอกล่าวประโยคหนึ่งที่อาจดูมิน่าฟังนัก หากว่าหมอหลวงมีความสามารถจริงละก็ ร่างกายของท่านอ๋องก็คงจะหายเป็นปกตินานแล้วมิใช่หรือ?”

“ร่างกายของท่านล้ำค่าดุจดั่งทองคำ คาดว่าคงจะพยายามทุกวิถีทางที่มีอยู่แล้วแต่ก็ไร้ผล จึงคิดจะทำในสิ่งนี้ หากว่าท่านอ๋องมิยอมละวางแล้วไปร้องขอคุณหนูหยุนให้มารักษา ข้าน้อยก็ยินดีที่จะไปร้องขอนางแทน”

“แต่ยานี้ต่อให้ท่านอ๋องฆ่าข้าน้อยจนตาย ข้าน้อยก็มิอาจให้ท่านนำไปได้ เพราะมันคือความหวังของบุตรชายข้า ขอให้อ๋องได้โปรดเข้าใจความรู้สึกของข้าน้อยเถิด ตระกูลของข้าน้อยนั้นมีทายาทเพียงคนหนึ่งมาถึงสามรุ่นอายุคนแล้ว จะปล่อยให้ ไร้ทายาทสืบสกุลในรุ่นนี้มิได้” โจวคุนเฉิงคุกเข่าลงสู่พื้นแล้วร้องไห้อ้อนวอน

มิต้องกล่าวถึงว่าน้ำมูกน้ำตานั้นไหลมากเพียงไร ช่างน่าสังเวชนัก แต่ท่าทีอันจริงใจและภักดีเช่นนั้นทำให้โม่ฉือหานก็ทนมิได้และมิกล้าลงโทษเขา

“ด้วยเห็นแก่ที่เจ้าจงรักภักดีต่อข้ายิ่งนัก เอาละ จงลุกขึ้นเถิด ข้าจะไปหาหยุนถิงด้วยตนเอง” โม่ฉือหานกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น

“ขอบพระคุณท่านอ๋องยิ่งนัก ท่านอ๋องช่างมีน้ำใจล้นพ้น จิตใจกว้างขวางดุจดั่งมหาสมุทร” โจวคุนเฉิงค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นจากพื้นด้วยอาการสั่นเทา แต่มือทั้งสองข้างยังคงจับหลอดยาเอาไว้แน่นด้วยเกรงว่ามิมีทีท่าจะปล่อยมือ

“หยุนถิงกล่าวว่าเขาจะหายได้ภายในสามวัน มิรู้ว่าประโยคนี้จริงหรือไม่ หลังจากนี้สามวันอาการของคุณชายใหญ่ตระกูลโจวเป็นอย่างไร ให้ส่งคนไปรายงานให้ข้ารู้” โม่ฉือหานออกคำสั่ง

พวกเขาทั้งหลายเดินชมไปรอบๆ แล้วกลับไป

ณ จวนซื่อจื่อ

จวินหย่วนโยวกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องหนังสือ เขาอดมิได้ที่จะเงยหน้ามองไปทางหน้าต่างเป็นครั้งคราว จากที่นี่สามารถมองเห็นต่างประตูใหญ่ หากหยุนถิงกลับมาแล้วเขาก็จะเห็นได้ในทันที

แม้ในมือเขาถือหนังสืออยู่แต่มันกลับมิได้เปิดสักหน้าหนึ่งมาพักใหญ่แล้ว

ในที่สุดก็มีเสียงจากประตูดังขึ้น จวินหย่วนโยวดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองดูผู้คนที่เดินเข้ามา แต่แล้วสีหน้าก็เยือกเย็นทันที

คนที่เข้ามานั้นมิใช่คนอื่นไกล แต่เป็นโม่ฉือชิง องค์ชายสี่

เขาเดินทางมาหาหยุนถิงหลายครั้งหลายครา แต่กลับถูกพ่อบ้านบอกว่าหยุนถิงมีธุระ โม่ฉือฉิงมิได้คิดอะไรมากในคราแรก แต่ในหนที่สามกลับยังพูดเช่นนี้อยู่ เขาจึงรู้สึกมิพอใจ

พ่อบ้านรู้ดีว่าโม่ฉือชิงเป็นคนมิยอมง่ายๆ เขามิมีทางเลือกอื่นนอกจากพาไปยังเรือนของซื่อจื่อ เมื่อได้ยินเสียงร้องออกมาจากเรือนนั้น ใบหน้าของโม่ฉือชิงก็แดงเรื่อ เขาหันหลังจากไปทันทีโดยมิกล่าวสิ่งใด

บัดนี้ได้ยินมาว่าหยุนถิงเดินทางออกจากห้องแล้ว โม่ฉือชิงจึงรีบเดินทางมาทันใด

“ซื่อจื่อขอรับ องค์ชายสี่ขอเข้าพบขอรับ” บ่าวรับใช้คนหนึ่งเข้ามารายงาน

“นี่! ข้าหาใช่คนอื่นคนไกล จำเป็นต้องเข้าไปรายงานด้วยหรือ มีอะไรให้ทำก็จงไปทำเสีย!” โม่ฉือชิงเดินเข้ามาอย่างหงุดหงิด

ใบหน้าของบ่าวรับใช้แข็งทื่อทันที เขามองไปทางซื่อจื่อของตน เมื่อพบว่าซื่อจื่อพยักหน้า บ่าวรับใช้จึงได้ถอยออกไป

โม่ฉือชิงชะโงกหน้าเข้ามาซุบซิบว่า “ถุยๆ มองมิออกเสียจริงว่าเจ้าที่ดูอ่อนแอเหมือนเป็นโรคกลับดุดันดุจสัตว์ร้ายได้ เจ้าทรมานหยุนถิงอยู่ถึงสามวันสามคืนโดยมิออกไปไหน ช่างเก่งเหลือเกิน เสาเรือนคงถูกเสียดสีเสียจนกลายเป็นเข็มแล้วกระมัง?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ